‘ชวน’ เปิดแผลเก่า ‘ทรท.-พท.’ ในอดีต แนะ ‘เศรษฐา’ รักษาหลักนิติธรรมไม่เลือกปฏิบัติ-ซื่อสัตย์ห่างคุก ด้าน นายกฯ โต้ ไม่รู้จักกันดีถึงเรียกชื่อผิด! บอกชื่อ ‘เศรษฐา’ ไม่ใช่ ‘เชษฐา’ แต่ขอบคุณที่ให้โอวาท น้อมรับคำติ -ชม ยันมาเป็นนายกฯของคนไทยทุกคน ไม่มีเลือกปฏิบัติ ชูดันสร้างสนามบินนานาชาติอันดามันเพื่อประโยชน์ของภาคใต้ แม้เพื่อไทยไม่มี สส.แม้แต่คนเดียว
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่ออภิปรายนโยบายของรัฐบาล เริ่มเข้มข้นในช่วงค่ำ เมื่อ ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ยินดีกับเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นการส่วนตัว แม้ไม่โหวตให้ในรัฐสภา เพราะมาจากพรรคที่เลือกปฏิบัติกับประชาชน และที่ผ่านมาได้รณรงค์และต่อสู้ทางการเมืองเพื่อไม่ให้พรรคไทยรักไทยจนถึงพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งและได้ผู้แทนในพื้นที่ภาคใต้ ดังนั้นการไม่โหวตให้ ก็เพื่อไม่ให้เป็นการหักหลังประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนที่ 30 ถูกตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มข้น หากรู้ประวัติทำอะไรไม่ดี เช่น ระหว่างเรียนต่างประเทศ เคยทุจริตการสอบ ลักเล็กขโมยน้อย เชื่อว่า ไม่มีละเว้น
ชวน อภิปรายอีกว่า หากพิจารณามาตรฐานของพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทยที่เสนอตัวนายกฯ ยอมรับว่าเศรษฐา คุณสมบัติไม่ด้อยกว่าบุคคลทั้ง 5 คนที่เคยเสนอเป็นนายกฯ หากจะให้เสนอแนะ คือ อย่าล้ำเส้น อย่าทุจริต อย่าหนีออกต่างประเทศ ทำอะไรที่มีปัญหาเมื่อพ้นตำแหน่ง ตอนนี้วัดไม่ได้ว่า นายกฯมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์หรือไม่ แต่การตรวจสอบความเป็นไปได้ของนโยบายจากผู้ปฏิบัติถือว่าสำคัญ
“ผมขอแนะนำ คือ อย่าโกง ความซื่อสัตย์สุจริต ตามที่ท่านย้ำตอนท้ายว่า จะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เมื่อนักธุรกิจทำการเมือง ทำให้ได้รับความไว้วางใจน้อยลงไป นักธุรกิจมาทำงานการเมืองไม่แปลก เป็นประโยชน์ แต่อย่าเอาผลประโยชน์ธุรกิจส่วนตัว กระทบกับประโยชน์ส่วนรวม ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อได้นายกฯ คนนี้ เพราะเชื่อว่าจะเข้าใจคนที่ถูกเอาเปรียบ คนที่ถูกเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ การเลือกปฏิบัติ นอกจากขัดหลักประชาธิปไตย เราไม่ควรมองข้ามละเลย ผมเสนอให้ทบทวนเหตุการณ์ตามความเป็นจริง ชดเชยความเสียหายจากการเลือกปฏิบัติ” ชวน กล่าว
ชวน อภิปรายด้วยว่า เป็นโอกาสที่ดีที่นายกฯจะใช้วิจารณญาณทบทวนชดเชยความเสียหายให้พื้นที่ที่ถูกเลือกปฏิบัติ ส่วนตัวทำหนังสือและบอกกล่าวด้วยวาจา ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ และรมว.กลาโหม เรื่องขอให้ทำถนนสายหนึ่งให้ภาคใต้ และท่านได้หาเสียงในจ.ภูเก็ตว่าจะทำถนนคู่กับถนนหมายเลข 4 ดังนั้นความชดเชยควรจะเกิด ขอให้นายกฯ ติดตาม ศึกษาความเป็นจริง ไม่ต้องเชื่อทั้งหมดและหาทางแก้ไข นอกเหนือจากจะทำในสิ่งที่ดีงามตามคำแถลงว่า จะสร้างความสามัคคีปรองดองที่นำไปสู่การพัฒนาประเทศก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของคนไทย ทั้งนี้ ความสามัคคีปรองดองเกิดได้ ต้องเริ่มจากการไม่เลือกปฏิบัติ
ชวน อภิปรายว่า ขอให้ดูเลข คือ 7,520 คือ ตัวเลขของการสูญเสียชีวิตจากความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547-2566 ทั้งนี้นโยบายรัฐบาลไม่มีประเด็นการแกัปัญหาชายแดนภาคใต้ในคำแถลงนโยบาย แต่มีในภาคผนวก คือ เป็นคำในยุทธศาสตร์ชาติที่ลอกมาลงไว้ ความสูญเสีย 1 คนยิ่งใหญ่ จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความสูญเสีย แม้จะย้ำเรื่องหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง ไว้หลายจุดในนโยบายรัฐบาล แต่ไม่มีดีขึ้น หากไม่มีข้อมูลว่าจะแก้ปัญหาพื้นที่ด้วยวิธีใด แม้ปัญหาพื้นที่ภาคใต้จะเกิดขึ้นมานาน แต่การแก้ปัญหานั้นอยู่ที่นโยบายของรัฐบาล
“ผมเชื่อว่านายกฯ ตั้งใจแก้ปัญหา แม้จะประเมินตัวเลขเรื่องลดตัวเลขผู้เสียชีวิตเท่าไร แต่ต้องทำ สิ่งที่แนะนำเมื่อเกิดวิกฤตในพื้นที่ คือน้อมนำพระราชดำรัส ในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา หากมุสลิมทำผิดต้องถูกตรวจสอบ ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ใช้อำนาจรัฐตัดสิน เหมือนในอดีตที่ทำนโยบายที่ผิดพลาด เมื่อ 8 เม.ย. 2544 ทั้งนี้ หลังนายกฯ โปรดเกล้า พบว่า ตำรวจน้ำดีในปัตตานีเสียชีวิต 4 นาย ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องเน้นการพัฒนาพื้นที่และเข้าใจพื้นที่ ผมเชื่อว่าจะคลี่คลายปัญหาได้ ดังนั้นหากยึดมั่นการสุจริต จะอยู่รอดปลอดภัย ตลอด 4ปี ไม่ติดคุก” ชวน กล่าว
ทำให้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งที่ 5 ทันที โดยได้กล่าวขอบคุณที่ให้โอวาท ซึ่งรู้สึกเป็นเกียรติ น้อมรับคำติ คำแนะนำ และข้อควรระวัง แม้ชวนอาจจะไม่ได้รู้จักดีพอ ที่เรียกชื่อผิดในตอนแรกว่า ‘เชษฐา’ ไม่ใช่ ‘เศรษฐา’ แม้ว่าจะเป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่ยืนยันว่า การที่มายื่นตรงนี้ เพราะมีรักประเทศชาติ มีความต้องการที่จะเห็นพี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การมายืนตรงนี้และดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติและในสภาอันทรงเกียรติ มาด้วยความความตั้งใจด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง ตั้งใจที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และคิดว่า ส่วนตัวก็มีความรู้ในระดับหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาของพี่น้องประชาชน
ส่วนที่ชวนได้กรุณาบอกมาว่า มีหลายชีวิตที่ต้องสูญเสียไปใน 20 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ก็เข้าใจและเห็นว่าทุกชีวิตที่ต้องสูญเสียแม้หนึ่งชีวิตก็ถือว่ามากเกินไป และยังเห็นตรงกันว่าการสูญเสียไม่ควรจะเกิดขึ้น ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาต้องเข้าใจถึงความลึกของปัญหาหลัก และหาวิธีการที่จะปฏิบัติต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ มั่นใจว่ารัฐบาลที่มาจากประชาชนโดยพรรคร่วม 11 พรรคให้ความสำคัญสูงสุดกับพื้นที่ภาคสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าปัญหาอื่นๆ ส่วนการเลือกปฏิบัติก็เป็นข้อตกเถียงกันมานาน เท่าที่ติดตามก็ได้ยินชวนกล่าวถึงการเลือกปฏิบัติ แต่คงไม่ไปถกเถียงกับและน้อมรับข้อมูลที่พูดมา แต่ส่วนตัวก็มีข้อมูลของตัวเองเหมือนกันว่า เมื่อสมัยพรรคไทยรักไทย ซึ่งขณะนั้นเกิดวิกฤติสึนามิขึ้นมาท่อดีตนายกฯทักษิณก็ลงพื้นที่ พร้อมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเข้าไปเกาะ เข้าไปกินอยู่ในพื้นที่ ดูแลพี่น้องชาวภูเก็ตและจังหวัดข้างเคียงเต็มความสามารถ จนทำได้เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การเลือกปฏิบัติต่อพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในประเทศไทย โดยผู้บริหารสูงสุดของประเทศถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มี สส.ในภาคใต้ก็ตาม แต่เป็นความตั้งใจอันสูงสุดในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ต้องให้ความเป็นธรรม ให้ความเสมอภาค ให้ความเท่าเทียมกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน
“ท่านประธานที่เคารพ ตั้งแต่ยังไม่ได้รับอำนาจเต็มที่ในการบริหารงาน จังหวัดแรกที่ผมลงพื้นที่คือภูเก็ต แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มีสส.เลยแม้แต่คนเดียว ตนก็ให้ความสำคัญกับจังหวัดภูเก็ต ผมว่าการกระทำเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีกว่าคำพูด เพราะรัฐบาลนี้จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มที่ อีกสองอาทิตย์ก็จะลงไปติดตามความคืบหน้าจากที่ได้สั่งการไว้เมื่อลงพื้นที่ครั้งแรก” เศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เมื่อครู่ก็มีการประชุมเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ดูเรื่องความเป็นไปได้ในการจะสร้างสนามบินนานาชาติภูเก็ต ซึ่งทีมงานก็เสนอเข้ามาว่า เพื่อเป็นการเข้าถึงไม่ควรใช้ชื่อสนามบินนานาชาติภูเก็ต แต่อาจจะใช้คำว่าสนามบินอันดามันซึ่งจะครอบคลุมไปถึงจังหวัดพังงา กระบี่ และระนอง ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า แม้พรรคเพื่อไทยไม่มี สส. แม้แต่คนเดียว แต่การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีเจตนาชัดเจนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชนคนไทยทุกคน
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่ออภิปรายนโยบายของรัฐบาล เริ่มเข้มข้นในช่วงค่ำ เมื่อ ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ยินดีกับเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นการส่วนตัว แม้ไม่โหวตให้ในรัฐสภา เพราะมาจากพรรคที่เลือกปฏิบัติกับประชาชน และที่ผ่านมาได้รณรงค์และต่อสู้ทางการเมืองเพื่อไม่ให้พรรคไทยรักไทยจนถึงพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งและได้ผู้แทนในพื้นที่ภาคใต้ ดังนั้นการไม่โหวตให้ ก็เพื่อไม่ให้เป็นการหักหลังประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนที่ 30 ถูกตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มข้น หากรู้ประวัติทำอะไรไม่ดี เช่น ระหว่างเรียนต่างประเทศ เคยทุจริตการสอบ ลักเล็กขโมยน้อย เชื่อว่า ไม่มีละเว้น
ชวน อภิปรายอีกว่า หากพิจารณามาตรฐานของพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทยที่เสนอตัวนายกฯ ยอมรับว่าเศรษฐา คุณสมบัติไม่ด้อยกว่าบุคคลทั้ง 5 คนที่เคยเสนอเป็นนายกฯ หากจะให้เสนอแนะ คือ อย่าล้ำเส้น อย่าทุจริต อย่าหนีออกต่างประเทศ ทำอะไรที่มีปัญหาเมื่อพ้นตำแหน่ง ตอนนี้วัดไม่ได้ว่า นายกฯมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์หรือไม่ แต่การตรวจสอบความเป็นไปได้ของนโยบายจากผู้ปฏิบัติถือว่าสำคัญ
“ผมขอแนะนำ คือ อย่าโกง ความซื่อสัตย์สุจริต ตามที่ท่านย้ำตอนท้ายว่า จะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เมื่อนักธุรกิจทำการเมือง ทำให้ได้รับความไว้วางใจน้อยลงไป นักธุรกิจมาทำงานการเมืองไม่แปลก เป็นประโยชน์ แต่อย่าเอาผลประโยชน์ธุรกิจส่วนตัว กระทบกับประโยชน์ส่วนรวม ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อได้นายกฯ คนนี้ เพราะเชื่อว่าจะเข้าใจคนที่ถูกเอาเปรียบ คนที่ถูกเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ การเลือกปฏิบัติ นอกจากขัดหลักประชาธิปไตย เราไม่ควรมองข้ามละเลย ผมเสนอให้ทบทวนเหตุการณ์ตามความเป็นจริง ชดเชยความเสียหายจากการเลือกปฏิบัติ” ชวน กล่าว
ชวน อภิปรายด้วยว่า เป็นโอกาสที่ดีที่นายกฯจะใช้วิจารณญาณทบทวนชดเชยความเสียหายให้พื้นที่ที่ถูกเลือกปฏิบัติ ส่วนตัวทำหนังสือและบอกกล่าวด้วยวาจา ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ และรมว.กลาโหม เรื่องขอให้ทำถนนสายหนึ่งให้ภาคใต้ และท่านได้หาเสียงในจ.ภูเก็ตว่าจะทำถนนคู่กับถนนหมายเลข 4 ดังนั้นความชดเชยควรจะเกิด ขอให้นายกฯ ติดตาม ศึกษาความเป็นจริง ไม่ต้องเชื่อทั้งหมดและหาทางแก้ไข นอกเหนือจากจะทำในสิ่งที่ดีงามตามคำแถลงว่า จะสร้างความสามัคคีปรองดองที่นำไปสู่การพัฒนาประเทศก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของคนไทย ทั้งนี้ ความสามัคคีปรองดองเกิดได้ ต้องเริ่มจากการไม่เลือกปฏิบัติ
ชวน อภิปรายว่า ขอให้ดูเลข คือ 7,520 คือ ตัวเลขของการสูญเสียชีวิตจากความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547-2566 ทั้งนี้นโยบายรัฐบาลไม่มีประเด็นการแกัปัญหาชายแดนภาคใต้ในคำแถลงนโยบาย แต่มีในภาคผนวก คือ เป็นคำในยุทธศาสตร์ชาติที่ลอกมาลงไว้ ความสูญเสีย 1 คนยิ่งใหญ่ จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความสูญเสีย แม้จะย้ำเรื่องหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง ไว้หลายจุดในนโยบายรัฐบาล แต่ไม่มีดีขึ้น หากไม่มีข้อมูลว่าจะแก้ปัญหาพื้นที่ด้วยวิธีใด แม้ปัญหาพื้นที่ภาคใต้จะเกิดขึ้นมานาน แต่การแก้ปัญหานั้นอยู่ที่นโยบายของรัฐบาล
“ผมเชื่อว่านายกฯ ตั้งใจแก้ปัญหา แม้จะประเมินตัวเลขเรื่องลดตัวเลขผู้เสียชีวิตเท่าไร แต่ต้องทำ สิ่งที่แนะนำเมื่อเกิดวิกฤตในพื้นที่ คือน้อมนำพระราชดำรัส ในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา หากมุสลิมทำผิดต้องถูกตรวจสอบ ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ใช้อำนาจรัฐตัดสิน เหมือนในอดีตที่ทำนโยบายที่ผิดพลาด เมื่อ 8 เม.ย. 2544 ทั้งนี้ หลังนายกฯ โปรดเกล้า พบว่า ตำรวจน้ำดีในปัตตานีเสียชีวิต 4 นาย ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องเน้นการพัฒนาพื้นที่และเข้าใจพื้นที่ ผมเชื่อว่าจะคลี่คลายปัญหาได้ ดังนั้นหากยึดมั่นการสุจริต จะอยู่รอดปลอดภัย ตลอด 4ปี ไม่ติดคุก” ชวน กล่าว
ทำให้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งที่ 5 ทันที โดยได้กล่าวขอบคุณที่ให้โอวาท ซึ่งรู้สึกเป็นเกียรติ น้อมรับคำติ คำแนะนำ และข้อควรระวัง แม้ชวนอาจจะไม่ได้รู้จักดีพอ ที่เรียกชื่อผิดในตอนแรกว่า ‘เชษฐา’ ไม่ใช่ ‘เศรษฐา’ แม้ว่าจะเป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่ยืนยันว่า การที่มายื่นตรงนี้ เพราะมีรักประเทศชาติ มีความต้องการที่จะเห็นพี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การมายืนตรงนี้และดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติและในสภาอันทรงเกียรติ มาด้วยความความตั้งใจด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง ตั้งใจที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และคิดว่า ส่วนตัวก็มีความรู้ในระดับหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาของพี่น้องประชาชน
ส่วนที่ชวนได้กรุณาบอกมาว่า มีหลายชีวิตที่ต้องสูญเสียไปใน 20 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ก็เข้าใจและเห็นว่าทุกชีวิตที่ต้องสูญเสียแม้หนึ่งชีวิตก็ถือว่ามากเกินไป และยังเห็นตรงกันว่าการสูญเสียไม่ควรจะเกิดขึ้น ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาต้องเข้าใจถึงความลึกของปัญหาหลัก และหาวิธีการที่จะปฏิบัติต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ มั่นใจว่ารัฐบาลที่มาจากประชาชนโดยพรรคร่วม 11 พรรคให้ความสำคัญสูงสุดกับพื้นที่ภาคสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าปัญหาอื่นๆ ส่วนการเลือกปฏิบัติก็เป็นข้อตกเถียงกันมานาน เท่าที่ติดตามก็ได้ยินชวนกล่าวถึงการเลือกปฏิบัติ แต่คงไม่ไปถกเถียงกับและน้อมรับข้อมูลที่พูดมา แต่ส่วนตัวก็มีข้อมูลของตัวเองเหมือนกันว่า เมื่อสมัยพรรคไทยรักไทย ซึ่งขณะนั้นเกิดวิกฤติสึนามิขึ้นมาท่อดีตนายกฯทักษิณก็ลงพื้นที่ พร้อมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเข้าไปเกาะ เข้าไปกินอยู่ในพื้นที่ ดูแลพี่น้องชาวภูเก็ตและจังหวัดข้างเคียงเต็มความสามารถ จนทำได้เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การเลือกปฏิบัติต่อพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในประเทศไทย โดยผู้บริหารสูงสุดของประเทศถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มี สส.ในภาคใต้ก็ตาม แต่เป็นความตั้งใจอันสูงสุดในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ต้องให้ความเป็นธรรม ให้ความเสมอภาค ให้ความเท่าเทียมกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน
“ท่านประธานที่เคารพ ตั้งแต่ยังไม่ได้รับอำนาจเต็มที่ในการบริหารงาน จังหวัดแรกที่ผมลงพื้นที่คือภูเก็ต แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มีสส.เลยแม้แต่คนเดียว ตนก็ให้ความสำคัญกับจังหวัดภูเก็ต ผมว่าการกระทำเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีกว่าคำพูด เพราะรัฐบาลนี้จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มที่ อีกสองอาทิตย์ก็จะลงไปติดตามความคืบหน้าจากที่ได้สั่งการไว้เมื่อลงพื้นที่ครั้งแรก” เศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เมื่อครู่ก็มีการประชุมเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ดูเรื่องความเป็นไปได้ในการจะสร้างสนามบินนานาชาติภูเก็ต ซึ่งทีมงานก็เสนอเข้ามาว่า เพื่อเป็นการเข้าถึงไม่ควรใช้ชื่อสนามบินนานาชาติภูเก็ต แต่อาจจะใช้คำว่าสนามบินอันดามันซึ่งจะครอบคลุมไปถึงจังหวัดพังงา กระบี่ และระนอง ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า แม้พรรคเพื่อไทยไม่มี สส. แม้แต่คนเดียว แต่การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีเจตนาชัดเจนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชนคนไทยทุกคน