https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6DzuUxn5lX5yhkZKHoPfvx/0efe310547390fe1178db70bfcb142cd/Pheuthai-Bhumjaithai-Party-Cooperate-Government-SPACEBAR-Photo01
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1ulHmwaZfsQql7jcg6bh3W/3525a46886eb23ba34dfdba2ce2c2975/Pheuthai-Bhumjaithai-Party-Cooperate-Government-SPACEBAR-Photo02
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/29FRTzwco5xQVsRvMjLhSt/cd38ee2cc7110fb4aa9dc0488f23702d/Pheuthai-Bhumjaithai-Party-Cooperate-Government-SPACEBAR-Photo03
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1vYIPgwYCJKFpXm9AEex0N/1de14b4ee2abed1331aab572197298c9/Pheuthai-Bhumjaithai-Party-Cooperate-Government-SPACEBAR-Photo04

Photo Story: สารตั้งต้น รบ.ข้ามขั้ว

7 ส.ค. 2566 - 11:51

  • ‘เพือไทย’ จับมือ ‘ภูมิใจไทย’ รวมเสียง 212 เสียง ใช้เป็น ‘สารตั้งต้น’ ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว อ้างฝ่าวิกฤตประเทศ-รธน. เตรียมคุยหลายพรรคสัปดาห์นี้ สลายตัวเลข 188 เสียง ‘ชลน่าน’ ลั่น “ไม่มีลุง” เปิดช่อง ถ้า สส. - สว. มาในลักษณะบุคคล-กลุ่มคนหนุนเลือกนายกฯ ถือเป็นเอกสิทธิ์แต่ละคน

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6DzuUxn5lX5yhkZKHoPfvx/0efe310547390fe1178db70bfcb142cd/Pheuthai-Bhumjaithai-Party-Cooperate-Government-SPACEBAR-Photo01
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1ulHmwaZfsQql7jcg6bh3W/3525a46886eb23ba34dfdba2ce2c2975/Pheuthai-Bhumjaithai-Party-Cooperate-Government-SPACEBAR-Photo02
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/29FRTzwco5xQVsRvMjLhSt/cd38ee2cc7110fb4aa9dc0488f23702d/Pheuthai-Bhumjaithai-Party-Cooperate-Government-SPACEBAR-Photo03
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1vYIPgwYCJKFpXm9AEex0N/1de14b4ee2abed1331aab572197298c9/Pheuthai-Bhumjaithai-Party-Cooperate-Government-SPACEBAR-Photo04
พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค , ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมกับ พรรคภูมิใจไทย นำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย , พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรค และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการ แถลงข่าวร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังทั้งสองพรรคได้มาประชุมร่วมกัน 

อนุทิน กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทยครั้งนี้ เป็นครั้งที่สอง ต้องขอขอบพระคุณท่านผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ที่ได้ให้เกียรติประสานงานและเชิญพวกเรามาพบกันที่นี่ เพื่อมาหารือเรื่องการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล 

พรรคภูมิใจไทยได้ตอบรับคำเชิญจากพรรคเพื่อไทยในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล สืบเนื่องมาจากการที่ได้หารือกันครั้งแรก เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่แล้ว พรรคภูมิใจไทยได้ยืนยันกับเพื่อไทยว่าไม่ขัดข้องที่จะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย บนหลักการ 3 ประการจากพรรคภูมิใจไทยที่ได้นำเสนอคือ ไม่แตะต้อง ม.112 ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และหากรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะต้องไม่มีพรรรคก้าวไกล 
ดังนั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไปเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนประเทศได้เดินหน้าต่อไปโดยอุปสรรคน้อยที่สุด ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่หารือกับพรรคอื่น ก็ขอให้ถือว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ให้ถือว่ามี 212 คือ 141 + 71 เสียงของพรรคเพื่อไทยเป็นพื้นฐาน เพื่อให้การพูดคุยหารือเป็นการให้ความมั่นใจกับพรรคอื่น 

ก่อนที่ นพ.ชลน่าน จะกล่าวขอบคุณพรรคภูมิใจไทย ว่า เงื่อนไขของพรรคภูมิใจไทย 3 ข้อหลักก็เรารับได้ ต้องขอบคุณอย่างยิ่ง ถือว่า 212 เสียงของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยจะปิดเสียงตั้งต้นที่จะซึ่งดำเนินการในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นเสียงค่อนข้างมาก ข้อสงสัยที่หลายคนกังวลและมีข้อสงสัยก็จะถูกตัดขาดลงไป เพราะไม่มีคำว่า 188 

จากนั้น นพ.ชลน่าน ได้อ่านคำแถลงจัดตั้งรัฐบาล ว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว 

รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น 

เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ 

พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้ 
1.ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ 
2.จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร. 
3.ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง 
4.จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้  
5.การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน 

หลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้ 

เมื่อถามว่าจะมีพรรคใดมาร่วมรัฐบาลและมีเงื่อนไขใดบ้าง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตัวเลข 212 เป็นสารตั้งต้น จะใช้ในการพูดคุยกับหลายพพรรคในสัปดาห์นี้ ซึ่งเงื่อนไขเป็นไปตามแถลงการณ์พรรค 

เมื่อถามว่าจำนวนเลข 188 เสียง สลายไปแล้วหรือไม่ แสดงว่าไม่มีพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทยแล้วใช่หรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า เราจะไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่เราจะต้องเสริมสร้างความมั่นคงในการรวมเสียงตั้งรัฐบาล 

ขณะที่ อนุทิน กล่าวเสริมว่า พรรคภูมิใจไทยไม่มีนโยบายตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะจะไม่เกิดความมั่นคง ดังนั้นคำว่า 188 ต้องถือว่าไม่เคยมีขึ้นมาก่อน 

ส่วนจะเป็นรัฐบาลสมานฉันท์ หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วิกฤตรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้ติดไปทุกด้าน อะไรที่หัวหน้ามาช่วยกันจัดตั้งรัฐบาล แก้ปัญหาให้บ้านเมือง น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด 

เมื่อถามย้ำว่ามีเงื่อนไขมีลุงหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า เรามีเพียง 3 เงื่อนไขของพรรคภูมิใจไทย จึงให้เป็นดุลพินิจของพรรคเพื่อไทยในการตั้งรัฐบาล 

เมื่อถามว่าจะจับมือกับพรรคสองลุงและให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องตอบตามที่แถลงว่าเอาสองลุงหรือเปล่า ก็คือ ไม่มีสองลุง แต่เราไม่ปฏิเสธเงื่อนไขถ้าจะมา สส. หรือ สว. ในลักษณะบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้ามาสนับสนุนเลือกนายกฯ เพราะเป็นเอกสิทธิ์และดุลพินิจแต่ละคน 

เมื่อถามว่ามีเป็นตัวบุคคลเข้ามาแล้วหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า สัปดาห์นี้เราจะเห็นว่าจะคุยกับพรรคใดเข้ามาบ้าง ในการมาร่วมตั้งรัฐบาล เพราะในแถลงไม่ได้ปิดกั้นสมาชิกรายบุคคล ถ้าเห็นด้วยกับแนวทางของเรา 

เมื่อถามถึงแคปเปญไล่หนู ตีงูเห่า ที่เคยใช้หาเสียง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การหาเสียงอาจมีกระทบกระทั่งกันบ้าง เป็นการรณรงค์ให้ได้คะแนนเสียงมาในขณะนั้น แม้เราเป็นคู่แข่งกันทางการเมือง แต่ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร หลังยุติการมอบอำนาจของประชาชนจากการเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็มาทำหน้าที่ตามที่เขามอบอำนาจ เป็นรัฐบาลของประชาชน ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นฝ่ายค้านตรวจสอบ ตามวิถีการเมือง 

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย มีการพูดคุยเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่ โดยเฉพาะการให้พรรคภูมิใจไทยได้เก้าอี้ในกระทรวงที่เคยบริหารมา นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังไม่ลงลึกถึงกระทรวง การเจรจาอยู่ภายใต้สถานการณ์วิกฤต ทุกคนควรหันหน้าคุยกันก่อน 

เมื่อถามว่า สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ จะย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้นจะถือเป็นคนของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมาแค่ 71 คน มาร่วมกับพรรคเพื่อไทยเป็น 212 คน 

ทั้งนี้ ภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด ฉากทัศน์ใหม่ มองสมาชิก สส. จากทุกพรรคที่มาจากประชาชน จากความคิด ความเชื่อต่างๆ ในระบอบรัฐสภา ที่รวบรวมความเห็นต่างของประชาชน ทุกพรรคล้วนมีฐานการเมืองสนับสนุน การตั้งรัฐบาลในสภาวะวิกฤตเช่นนี้ จึงต้องรวบรวมส่วนต่างๆมากที่สุด และดูความรู้สึกของประชาชน และความจริงในสังคมว่ามีสภาวะอย่างไร ในการฝ่าวิกฤติประเทศ ในขณะนี้เรากำลังพยายามทำในที่ประชาชนต้องการและสิ่งที่การเมืองไทยเป็นอยู่ เราต้องร่วมมือกับพรรคที่มีความเป็นไปได้ โดยเริ่มกับพรรคภูมิใจไทยรวมแล้ว 212 เสียง แล้วจากวันนี้จะได้พรรคที่มาจาก 2 ขั้ว จากฟากเดิมที่จับมือ 8 พรรค และฟาก 188 เสียง ที่บางพรรคไม่มีปัญหา และพรรคที่มีปัญหา ก็ต้องนำมาพิจารณา ซึ่งเราตัดสินใจอย่างไร ก็ต้องรับผิดชอบ 

ส่วนแนวทางแก้ไข รธน. จะใช้ระยะเวลาเท่าใดนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ภายหลังมี ครม. ชุดใหม่ ก็จะมีมติให้จัดทำประชามติ ที่ต้องใช้เวลาพอสมควร ในกรณีที่แก้ไข รธน. เดิม เพื่อจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ยกร่างผ่านกระบวนการเข้าสู่สภาฯ ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์