








พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยอีก 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคชาติพัฒนากล้า และพรรคท้องที่ไทย แถลงข่าวร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมืองประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว
พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่า จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
เรายืนยันว่า จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤตความขัดแย้งในสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งขั้ว
การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็นวาระประเทศ ที่สำคัญอย่างสูงสุด
เราอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เชิญพรรคชาติพัฒนากล้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล และวันนี้พรรคชาติพัฒนากล้า ยินดีตอบรับคำเชิญเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ด้วยเหตุผล 5 ข้อ คือ 1.พรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรม เป็นพรรคอันดับสอง เมื่ออันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่พรรคอันดับสอง 2.พรรคเพื่อไทย ยืนยันกับทุกพรรคการเมืองว่าได้รวบรวมเสียง สส.เกินกึ่งหนึ่งแน่นอน จึงมั่นใจว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 3.ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ไม่มีนโยบายแก้ไข ม.112 4.พรรคเพื่อไทยมีความแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ เรามั่นใจเพราะพรรคเพื่อไทยเคยมีประสบการณ์ในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ และประสบความสำเร็จมาแล้ว 5.มีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งเพื่อสร้างความมั่นใจจากนักลงทุนต่างประเทศ ลดความกังวลใจจากประชาชนที่จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การปล่อยให้บ้านเมืองมีสุญญากาศ ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย จึงต้องร่วมมือสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ จึงขอบคุณพรรคเพื่อไทยและเป็นกำลังใจให้การจัดตั้งรัฐบาลประสบความสำเร็จเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดิมอยู่แล้ว เรื่องใหญ่ที่สุดคือหน้าที่ของสภาฯ ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ต้องรับภาระของรัฐธรรมนูญมาเห็นชอบเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการตกลงกันแล้วว่า ใน 8 พรรคการเมืองเดิม จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และเราตระหนักว่า พรรคอันดับ 1 อันดับ 2 มีความชอบธรรม จึงส่งเสริมให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการรวบรวมเสียงให้ได้ 375 เสียงขึ้นไป เมื่อได้นายกรัฐมนตรี จะได้เข้าสู่กระบวนการสรรหารัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาประเทศ พรรคประชาชาติขอให้เดินทางแค่พรรคอันดับสองจัดตั้งรัฐบาล หากมากกว่านั้น จะไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้คุยเรื่องนโยบายและตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ปัญหาของประเทศเวลานี้ ต้องมีนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ พรรคประชาชาติยังแสดงจุดยืนตามนโยบายของพรรค และพร้อมรับฟังนโยบายของพรรคที่มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวย้อนไปถึงหลังการเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่สามารถเดินไปถึงจุดนั้นได้ก็ต้องเปลี่ยนให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยก็ทำทุกวิถีทาง เพื่อสลายขั้วทางการเมือง ตนจึงวิงวอนให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่าตอนนี้ มีความเข้าใจผิดว่าตอนหาเสียงเคยพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องยึดมั่นละเมิดไม่ได้ แต่จะเห็นว่า การหาเสียงก็คือการหาเสียง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงมาบริหารประเทศ ไม่ใช่นโยบายพรรค ถ้าเป็นนโยบายแล้วไม่ทำจึงถือว่าผิดสัญญา เพราะฉะนั้นเรื่องของการหาเสียงเมื่อจบไปแล้ว ได้คะแนนมาเท่าไหร่ก็บริหารกันไป
“ขณะนี้ มีคนบอกว่ารวมพรรคนี้ได้รวมพรรคนั้นไม่ได้ ก็ขอให้ไปดูสามก๊ก หรือประวัติศาสตร์ชาติไทย สมัยก่อนทำศึกสงคราม ถ้าฆ่าแม่ทัพตายแล้ว เราจะเอาพลไพร่ไปเลี้ยงดูต่อไปหรือไม่ เอามาปลูกข้าวทำนา หรือฆ่าทิ้งหมด จะเห็นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไปแล้ว ไม่มีแล้วแม่ทัพ เราควรจะเอาไหมบางคนบอกว่า ไม่ได้ แต่ตนมองว่าก็ควรจะเลี้ยงดูไว้ หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐ แม่ทัพยังอยู่ แต่แม่ทัพก็ยอมแพ้ไปแล้ว เราจะเอาพลไพร่ต่างๆ มาเลี้ยงดูไหม ก็ฝากเป็นข้อคิดให้พี่น้องประชาชนว่าขอให้เปิดใจให้กว้าง เพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลให้ได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล และทิศทางต่อจากนี้ว่า ขณะนี้มีเสียงที่เรารวบรวมได้ 228 เสียง แต่ในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) จะมีการแถลงเพิ่มเติมอีก เราจะพยายามจะบอกกับประชาชนให้เร็วที่สุด คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะจบทั้งหมดเพื่อให้ได้เสียงที่เรารวบรวมได้ ส่วนที่มีการเปิดโอกาสให้ สส. และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้ามามีส่วนร่วมในการโหวตเลือกนายกฯ นั้น เราขอความร่วมมือทุกฝ่ายเข้าไปประสานพูดคุย แต่ถือเป็นเอกสิทธิ์ ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เป็นการสลายขั้วแก้วิกฤตประเทศได้ เราก็ยินดี
ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้เราเริ่มกระบวนการเจรจาดึงพรรคต่างๆ เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เริ่มที่บ่ายวันนี้ (9 ส.ค.) จะเจรจากับพรรคก้าวไกล ตามด้วยวันที่ 10 ส.ค.กับพรรคชาติไทยพัฒนา และยังมีอีกหลายๆ พรรค ยืนยันว่า เรามีความชอบธรรม เสียงเราเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่ปัญหาเราคือการพยายามทำให้ทุกฝ่ายมาเข้าร่วม ดังนั้นรัฐบาลที่จะจัดตั้งนี้เป็นรัฐบาลพิเศษภายใต้สถานการณ์วิกฤต 3 ด้านที่ได้ชี้แจงไปแล้ว เราจึงต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ จากความขัดแย้งแบ่งฝ่ายตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าเป็นในลักษณะบุคคลก็เป็นคำรองขอจากเรา ไม่ใช่งูเห่าใดๆ ทั้งสิ้น หรือถ้าเป็นกลุ่มบุคคลก็ไม่ได้ทำลายกระบวนการต่างๆ ที่เคยมีมา
“เราคุยกับทุกพรรค ทุกกลุ่ม ทุกคน ตอนนี้ก็คุยได้เรื่อยๆ หลายๆ ฝ่ายก็แสดงเจตจำนงค์มา เราจะชี้แจงให้ชัดเจน ที่เราคุยไม่ใช่รวมแค่ สส.เพียงอย่างเดียว แต่รวมทั้ง สว.ด้วย เพราะเป้าหมายของเราคือทำให้ได้เสียงถึง 375 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ตามกติกาทุกอย่าง ทุกพรรคที่แถลงร่วมกับเรา ยืนเอาประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะเรื่องนโยบายต่างๆ หากสามารถโหวตนายกฯ ได้ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำได้ ก็จะนำนโยบายของทุกพรรคมาพูดคุย แม้เป็นฝ่านค้านหากนโยบายมีประโยชน์เราก็นำมาทำ แต่นโยบายหรือข้อเสนอใดที่ไปกระทบสถาบันหลักของประเทศเราไม่แตะต้อง รวมถึงไม่สนับสนุนมาตราการแก้ไข112” ภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่ สส.จากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ และการดำเนินการให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการโหวตนายกฯ จะรวมพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ สว.ไม่มั่นใจ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทุกบุคคล ทั้งแง่ขององค์กร หรือตัวบุคคล ถือเป็นเอกสิทธิ์ที่ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ แต่การร่วมรัฐบาลเป็นไปตามที่เราแถลงการณ์ พรรคที่ยกขึ้นมาทั้ง 3 พรรค ทั้งประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ยังไม่ได้มีการพูดคุย ขณะที่พรรคก้าวไกล ถือเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล ว่าจะมาสนับสนุนโหวตเลือกนายกฯ ให้เราหรือไม่ สำหรับผลกระทบไปถึง สว. มั่นใจว่าแนวทางของเราไม่ได้เป็นเงื่อนไขให้ สว.กังวล เพราะเราไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล ไม่มีการแก้ไขมาตรา112 ถ้าทำงานก็ต่างสถานะ คือฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน เชื่อว่า สว.จะไว้ใจให้เสียงสนับสนุนเราได้
ภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า จุดยืนสุดท้ายที่เราตกลงกับพรรคก้าวไกล ชัดเจนแล้วว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน เราเป็นรัฐบาล เพียงแต่เราจะทำงานกานเมืองร่วมกันให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ อะไรที่เกิดประโยชน์เราจะร่วมสนับสนุนในสภาฯ ให้ผ่านไปได้ ให้ประชาชนได้ประโยชน์ ยกเว้นการแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นเรื่องนี้เรากำลังแบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน ไม่ใช่การมารวมกันเป็นรัฐบาล
เมื่อถามว่า มี สส.ในพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับการที่จะไปจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ได้มีการหารือกันหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เท่าที่ฟังจากเสียง สส.ของพรรค ที่ได้เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นทั้งแง่บวกและลบแล้ว ไม่มีใครไม่เห็นด้วยถ้าจะมีการข้ามขั้ว แต่มีเพียงข้อห่วงใยที่มาจากผลกระทบจากการประกาศเป็นสัญญาประชาคม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเอกภาพ ทุกคนรับกับสภาพที่เป็นอยู่ได้ ไม่มีใครเปลี่ยนฟากย้ายออกไปจากพรรค
ด้านภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า ข้อสรุปจากการประชุม สส.พรรคเพื่อไทยวานนี้ (8 ส.ค.) จะสนับสนุนทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทยเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ แม้บางพื้นที่ของ สส.ในพรรค จะมีความแตกต่าง บางพื้นที่เจ็บปวด บางพื้นที่เข้าใจ บางพื้นที่สนับสนุนเต็มที่ ดังนั้น สส.ทุกคนในพรรคจะทำหน้าที่ชี้แจงกับประชาชนในเขตเลือกตั้งของตัวเอง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เตรียมนำ สส.ของพรรคจำนวน 24 คนย้ายไปร่วมกับพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบจากสื่อ แต่ในการพูดคุยหารือกันไม่มีเรื่องนี้
ภูมิธรรม กล่าวว่า จาตุรนต์ ยังยืนยันในการร่วมประชุม สส.พรรคกับเราว่า จะสนับสนุนให้เดินในแนวทางนี้ต่อไป ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมา ต้องไปถามจาตุรนต์
เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ยังเป็นเศรษฐา ทวีสินหรือไม่ หากโหวตแล้วไม่ผ่าน จะเสนอบุคคลอื่นในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยืนยันว่ายังเป็นเศรษฐา ที่เราจะเสนอชื่อให้รัฐสภาพิจารณาในการโหวตนายกฯ ถามว่าถ้าไม่ผ่าน เรามั่นใจว่าไม่มีถ้า ต้องผ่าน
ภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า เศรษฐา ผ่านกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมายทั้งหมดของพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่มีเหตุอะไรที่เป็นปัญหาทั้งทางกฎหมาย และทางจริยธรรม
เมื่อถามว่า หากได้รับเสียงสนับสนุนไม่ถึง 375 เสียงในวันโหวตนายกฯ จะดำเนินการอย่างไรต่อ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าเป็นการสมมติขึ้น ตนไม่อยากสมมติ เราอยู่บนพื้นฐานความมั่นใจ ดังนั้นก่อนจะถึงวันโหวตเราต้องทำงานให้จบ
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมืองประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว
พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่า จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
เรายืนยันว่า จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤตความขัดแย้งในสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งขั้ว
การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็นวาระประเทศ ที่สำคัญอย่างสูงสุด
เราอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เชิญพรรคชาติพัฒนากล้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล และวันนี้พรรคชาติพัฒนากล้า ยินดีตอบรับคำเชิญเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ด้วยเหตุผล 5 ข้อ คือ 1.พรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรม เป็นพรรคอันดับสอง เมื่ออันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่พรรคอันดับสอง 2.พรรคเพื่อไทย ยืนยันกับทุกพรรคการเมืองว่าได้รวบรวมเสียง สส.เกินกึ่งหนึ่งแน่นอน จึงมั่นใจว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 3.ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ไม่มีนโยบายแก้ไข ม.112 4.พรรคเพื่อไทยมีความแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ เรามั่นใจเพราะพรรคเพื่อไทยเคยมีประสบการณ์ในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ และประสบความสำเร็จมาแล้ว 5.มีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งเพื่อสร้างความมั่นใจจากนักลงทุนต่างประเทศ ลดความกังวลใจจากประชาชนที่จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การปล่อยให้บ้านเมืองมีสุญญากาศ ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย จึงต้องร่วมมือสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ จึงขอบคุณพรรคเพื่อไทยและเป็นกำลังใจให้การจัดตั้งรัฐบาลประสบความสำเร็จเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดิมอยู่แล้ว เรื่องใหญ่ที่สุดคือหน้าที่ของสภาฯ ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ต้องรับภาระของรัฐธรรมนูญมาเห็นชอบเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการตกลงกันแล้วว่า ใน 8 พรรคการเมืองเดิม จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และเราตระหนักว่า พรรคอันดับ 1 อันดับ 2 มีความชอบธรรม จึงส่งเสริมให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการรวบรวมเสียงให้ได้ 375 เสียงขึ้นไป เมื่อได้นายกรัฐมนตรี จะได้เข้าสู่กระบวนการสรรหารัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาประเทศ พรรคประชาชาติขอให้เดินทางแค่พรรคอันดับสองจัดตั้งรัฐบาล หากมากกว่านั้น จะไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้คุยเรื่องนโยบายและตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ปัญหาของประเทศเวลานี้ ต้องมีนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ พรรคประชาชาติยังแสดงจุดยืนตามนโยบายของพรรค และพร้อมรับฟังนโยบายของพรรคที่มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวย้อนไปถึงหลังการเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่สามารถเดินไปถึงจุดนั้นได้ก็ต้องเปลี่ยนให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยก็ทำทุกวิถีทาง เพื่อสลายขั้วทางการเมือง ตนจึงวิงวอนให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่าตอนนี้ มีความเข้าใจผิดว่าตอนหาเสียงเคยพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องยึดมั่นละเมิดไม่ได้ แต่จะเห็นว่า การหาเสียงก็คือการหาเสียง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงมาบริหารประเทศ ไม่ใช่นโยบายพรรค ถ้าเป็นนโยบายแล้วไม่ทำจึงถือว่าผิดสัญญา เพราะฉะนั้นเรื่องของการหาเสียงเมื่อจบไปแล้ว ได้คะแนนมาเท่าไหร่ก็บริหารกันไป
“ขณะนี้ มีคนบอกว่ารวมพรรคนี้ได้รวมพรรคนั้นไม่ได้ ก็ขอให้ไปดูสามก๊ก หรือประวัติศาสตร์ชาติไทย สมัยก่อนทำศึกสงคราม ถ้าฆ่าแม่ทัพตายแล้ว เราจะเอาพลไพร่ไปเลี้ยงดูต่อไปหรือไม่ เอามาปลูกข้าวทำนา หรือฆ่าทิ้งหมด จะเห็นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไปแล้ว ไม่มีแล้วแม่ทัพ เราควรจะเอาไหมบางคนบอกว่า ไม่ได้ แต่ตนมองว่าก็ควรจะเลี้ยงดูไว้ หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐ แม่ทัพยังอยู่ แต่แม่ทัพก็ยอมแพ้ไปแล้ว เราจะเอาพลไพร่ต่างๆ มาเลี้ยงดูไหม ก็ฝากเป็นข้อคิดให้พี่น้องประชาชนว่าขอให้เปิดใจให้กว้าง เพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลให้ได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล และทิศทางต่อจากนี้ว่า ขณะนี้มีเสียงที่เรารวบรวมได้ 228 เสียง แต่ในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) จะมีการแถลงเพิ่มเติมอีก เราจะพยายามจะบอกกับประชาชนให้เร็วที่สุด คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะจบทั้งหมดเพื่อให้ได้เสียงที่เรารวบรวมได้ ส่วนที่มีการเปิดโอกาสให้ สส. และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้ามามีส่วนร่วมในการโหวตเลือกนายกฯ นั้น เราขอความร่วมมือทุกฝ่ายเข้าไปประสานพูดคุย แต่ถือเป็นเอกสิทธิ์ ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เป็นการสลายขั้วแก้วิกฤตประเทศได้ เราก็ยินดี
ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้เราเริ่มกระบวนการเจรจาดึงพรรคต่างๆ เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เริ่มที่บ่ายวันนี้ (9 ส.ค.) จะเจรจากับพรรคก้าวไกล ตามด้วยวันที่ 10 ส.ค.กับพรรคชาติไทยพัฒนา และยังมีอีกหลายๆ พรรค ยืนยันว่า เรามีความชอบธรรม เสียงเราเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่ปัญหาเราคือการพยายามทำให้ทุกฝ่ายมาเข้าร่วม ดังนั้นรัฐบาลที่จะจัดตั้งนี้เป็นรัฐบาลพิเศษภายใต้สถานการณ์วิกฤต 3 ด้านที่ได้ชี้แจงไปแล้ว เราจึงต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ จากความขัดแย้งแบ่งฝ่ายตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าเป็นในลักษณะบุคคลก็เป็นคำรองขอจากเรา ไม่ใช่งูเห่าใดๆ ทั้งสิ้น หรือถ้าเป็นกลุ่มบุคคลก็ไม่ได้ทำลายกระบวนการต่างๆ ที่เคยมีมา
“เราคุยกับทุกพรรค ทุกกลุ่ม ทุกคน ตอนนี้ก็คุยได้เรื่อยๆ หลายๆ ฝ่ายก็แสดงเจตจำนงค์มา เราจะชี้แจงให้ชัดเจน ที่เราคุยไม่ใช่รวมแค่ สส.เพียงอย่างเดียว แต่รวมทั้ง สว.ด้วย เพราะเป้าหมายของเราคือทำให้ได้เสียงถึง 375 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ตามกติกาทุกอย่าง ทุกพรรคที่แถลงร่วมกับเรา ยืนเอาประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะเรื่องนโยบายต่างๆ หากสามารถโหวตนายกฯ ได้ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำได้ ก็จะนำนโยบายของทุกพรรคมาพูดคุย แม้เป็นฝ่านค้านหากนโยบายมีประโยชน์เราก็นำมาทำ แต่นโยบายหรือข้อเสนอใดที่ไปกระทบสถาบันหลักของประเทศเราไม่แตะต้อง รวมถึงไม่สนับสนุนมาตราการแก้ไข112” ภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่ สส.จากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ และการดำเนินการให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการโหวตนายกฯ จะรวมพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ สว.ไม่มั่นใจ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทุกบุคคล ทั้งแง่ขององค์กร หรือตัวบุคคล ถือเป็นเอกสิทธิ์ที่ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ แต่การร่วมรัฐบาลเป็นไปตามที่เราแถลงการณ์ พรรคที่ยกขึ้นมาทั้ง 3 พรรค ทั้งประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ยังไม่ได้มีการพูดคุย ขณะที่พรรคก้าวไกล ถือเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล ว่าจะมาสนับสนุนโหวตเลือกนายกฯ ให้เราหรือไม่ สำหรับผลกระทบไปถึง สว. มั่นใจว่าแนวทางของเราไม่ได้เป็นเงื่อนไขให้ สว.กังวล เพราะเราไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล ไม่มีการแก้ไขมาตรา112 ถ้าทำงานก็ต่างสถานะ คือฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน เชื่อว่า สว.จะไว้ใจให้เสียงสนับสนุนเราได้
ภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า จุดยืนสุดท้ายที่เราตกลงกับพรรคก้าวไกล ชัดเจนแล้วว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน เราเป็นรัฐบาล เพียงแต่เราจะทำงานกานเมืองร่วมกันให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ อะไรที่เกิดประโยชน์เราจะร่วมสนับสนุนในสภาฯ ให้ผ่านไปได้ ให้ประชาชนได้ประโยชน์ ยกเว้นการแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นเรื่องนี้เรากำลังแบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน ไม่ใช่การมารวมกันเป็นรัฐบาล
เมื่อถามว่า มี สส.ในพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับการที่จะไปจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ได้มีการหารือกันหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เท่าที่ฟังจากเสียง สส.ของพรรค ที่ได้เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นทั้งแง่บวกและลบแล้ว ไม่มีใครไม่เห็นด้วยถ้าจะมีการข้ามขั้ว แต่มีเพียงข้อห่วงใยที่มาจากผลกระทบจากการประกาศเป็นสัญญาประชาคม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเอกภาพ ทุกคนรับกับสภาพที่เป็นอยู่ได้ ไม่มีใครเปลี่ยนฟากย้ายออกไปจากพรรค
ด้านภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า ข้อสรุปจากการประชุม สส.พรรคเพื่อไทยวานนี้ (8 ส.ค.) จะสนับสนุนทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทยเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ แม้บางพื้นที่ของ สส.ในพรรค จะมีความแตกต่าง บางพื้นที่เจ็บปวด บางพื้นที่เข้าใจ บางพื้นที่สนับสนุนเต็มที่ ดังนั้น สส.ทุกคนในพรรคจะทำหน้าที่ชี้แจงกับประชาชนในเขตเลือกตั้งของตัวเอง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เตรียมนำ สส.ของพรรคจำนวน 24 คนย้ายไปร่วมกับพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบจากสื่อ แต่ในการพูดคุยหารือกันไม่มีเรื่องนี้
ภูมิธรรม กล่าวว่า จาตุรนต์ ยังยืนยันในการร่วมประชุม สส.พรรคกับเราว่า จะสนับสนุนให้เดินในแนวทางนี้ต่อไป ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมา ต้องไปถามจาตุรนต์
เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ยังเป็นเศรษฐา ทวีสินหรือไม่ หากโหวตแล้วไม่ผ่าน จะเสนอบุคคลอื่นในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยืนยันว่ายังเป็นเศรษฐา ที่เราจะเสนอชื่อให้รัฐสภาพิจารณาในการโหวตนายกฯ ถามว่าถ้าไม่ผ่าน เรามั่นใจว่าไม่มีถ้า ต้องผ่าน
ภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า เศรษฐา ผ่านกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมายทั้งหมดของพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่มีเหตุอะไรที่เป็นปัญหาทั้งทางกฎหมาย และทางจริยธรรม
เมื่อถามว่า หากได้รับเสียงสนับสนุนไม่ถึง 375 เสียงในวันโหวตนายกฯ จะดำเนินการอย่างไรต่อ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าเป็นการสมมติขึ้น ตนไม่อยากสมมติ เราอยู่บนพื้นฐานความมั่นใจ ดังนั้นก่อนจะถึงวันโหวตเราต้องทำงานให้จบ