










พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย พรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค แถลงจับมือตั้งรัฐบาล
โดย นพ.ชลน่าน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลเพิ่มเติมในวันนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา จึงขอขอบคุณหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา โดยสถานการณ์ของประเทศวันนี้ มี 3 วิกฤตสำคัญคือ 1.วิกฤตรัฐธรรมนูญ 2.วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน 3.วิกฤตความขัดแย้งในสังคม
พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา จะจับมือกันคลี่คลายปัญหาของประเทศในครั้งนี้ โดยดึงการมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ นำไปสู่การเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ดังนั้น
นพ.ชลน่าน ย้ำว่า การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ จำเป็นต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็นวาระประเทศ ที่สำคัญอย่างสูงสุด เราอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ ช่วยกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติในเร็ววัน
ด้าน วราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาขอบคุณที่ส่งไมตรีจิตมายังพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา มีแนวคิดและทัศนคติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงตอบรับคำเชิญของพรรคเพื่อไทยเพื่อทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันว่า เชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงข้อกังวล สว. หลังพรรคเพื่อไทยเจรจาขอเสียงจากพรรคก้าวไกลว่า การพูดคุยกับทุกพรรค ทุกคน ไม่ว่าพรรคก้าวไกลหรือพรรคใดเพื่อขอเสียงโหวตนายกฯ ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากมีวิกฤตรัฐธรรมนูญที่ติดล็อค ทั้งนี้ เป็นเอกสิทธิ และพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“เป็นเจตจำนง เพื่อสอบถามขอความร่วมมือเป็นไปได้หรือไม่ เพื่อปลดล็อคเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เชิญ หรือพันธสัญญาให้พรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ ดังนั้น ความกังวลของสว. สามารถตอบได้ทั้งพฤติกรรมและพฤติการณ์ ดังนั้น เชื่อว่าจะได้รับการยอมรับ ส่วนการแสวงหาเสียงสนับสนุนนั้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพรรคเพื่อไทย” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยต้องตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ โดยจะแสวงหาหนทางที่ทำให้ได้ บนประโยชน์ของประเทสและประชาชน ยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยใช้ต้นทุนสูงมาก เพราะรณรงค์ให้ประชาชนเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ แต่พรรคเพื่อไทยทำไม่สำเร็จ ต้องยอมรับ ขณะที่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้องบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ภายใต้การพูดคุยกับทุกพรรคการเมือง คือแสดงความมั่นใจว่าเป็นเสียงข้างมาก ดังนั้นที่คุยเบื้องต้นมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ส่วนจะถึง 280-300 เสียงหรือไม่ อยู่ในขั้นตอนการทำงาน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในทางเลือก หากทางนี้เป็นไปไม่ได้ ต้องหาทางเลือกเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง ผมมั่นใจว่าประเทศต้องกลับมาการแบ่งขั้ว แบ่งสี และต้องทำหน้าที่ให้ประเทศเดินหน้าได้โดยดึงความร่วมมือจากทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน” นพ.ชลน่าน กล่าว
ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ เพราะไปทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกคน ทั้ง สส. และสว. เพราะต้องการสลายขั้วความขัดแย้งในทุกพรรคการเมือง และยืนยันไม่ใช่เชิญพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ดังนั้นไปเพื่อรับฟังความเห็น เพื่อสร้างการเมืองมิติใหม่ โดยพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล หรือพรรคฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านจะทำงานการเมืองสร้างสรรค์ ไม่คิดว่าต้องทำงานตรงข้ามกัน ทั้งนี้ทุกพรรค ทุกกลุ่มเราไปขอเสียงโหวตนายกฯของพรรคแล้วทุกพรรคทุกกลุ่ม แต่หลังจากนี้จะให้เป็นไปตามกรอบและระยะเวลา
“ผมไม่เชื่อว่า สว. หรือ สส. หรือองค์กรต่าง ๆที่จะขอความร่วมมือ จะมีปัญหา ประเด็นที่พูดชัดคือ ตั้งรัฐบาลมิติใหม่ ไม่ใช่คำนึงถึงประโยชน์ว่า พรรคจะครองกระทรวงไหน เพราะต้องการแก้ไขวิกฤตประเทศ ขอให้ไว้วางใจพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ทุกพรรคที่เชิญเชื่อมั่นและมั่นใจในคุณภาพของพรรคเพื่อไทยที่จะนำไปสู่การแก้ไขวิกฤตประเทศ” ภูมิธรรม กล่าว
ภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทยทำงานคู่ขนาน พรรคไหนพร้อมจะเปิดตัวทีละพรรค ทุกพรรคคุยแล้วแต่ไม่ได้คาดคั้นคำตอบ หากไม่พร้อม ขอให้แสดงให้เห็นในโหวตนายกฯ ส่วนจะได้เสียงโหวตนายกฯ เพิ่มเติมจากที่เปิดตัวไปหรือไม่ ขอให้รอดูวันที่ประธานรัฐสภานัดให้โหวตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย
“เราเริ่มต้นจาก 141 จากวันนั้น ถึงวันนี้ 238 เรายืนยันมาตลอดว่า เราเกินกึ่งหนึ่งแล้ว เรื่องนี้ ต้องทำให้ชัดเจนแต่เรามีเวลาถึงวันที่ 17 ส.ค.ที่รอให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุม ตนยืนยันกับท่านว่า ก่อนถึงวันเลือกนายกฯ เราจะมีเสียงทั้งหมดให้ท่านได้เห็นว่า สามารถเลือกนายกฯจากเราแบบม้วนเดียวจบได้” ภูมิธรรม กล่าว
ขณะที่ วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวตอบคำถามว่า ไม่มีปัญหากรณีที่พรรคเพื่อไทยขอเสียงกับพรรคก้าวไกล เพื่อโหวตนายกฯ เพราะเมื่อแต่ละพรรคแสดงเจตจำนงทำงานร่วมกัน เป็นหน้าที่ทุกพรรคหาคะแนนโหวตเลือกนายกฯ เกิน 376 เสียง เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ช่วยกันหาคะแนนเสียงโหวต ให้การจัดตั้งรัฐบาลโอกาสแรกให้เร็วที่สุด
โดย นพ.ชลน่าน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลเพิ่มเติมในวันนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา จึงขอขอบคุณหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา โดยสถานการณ์ของประเทศวันนี้ มี 3 วิกฤตสำคัญคือ 1.วิกฤตรัฐธรรมนูญ 2.วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน 3.วิกฤตความขัดแย้งในสังคม
พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา จะจับมือกันคลี่คลายปัญหาของประเทศในครั้งนี้ โดยดึงการมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ นำไปสู่การเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ดังนั้น
นพ.ชลน่าน ย้ำว่า การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ จำเป็นต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็นวาระประเทศ ที่สำคัญอย่างสูงสุด เราอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ ช่วยกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติในเร็ววัน
ด้าน วราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาขอบคุณที่ส่งไมตรีจิตมายังพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา มีแนวคิดและทัศนคติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงตอบรับคำเชิญของพรรคเพื่อไทยเพื่อทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันว่า เชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงข้อกังวล สว. หลังพรรคเพื่อไทยเจรจาขอเสียงจากพรรคก้าวไกลว่า การพูดคุยกับทุกพรรค ทุกคน ไม่ว่าพรรคก้าวไกลหรือพรรคใดเพื่อขอเสียงโหวตนายกฯ ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากมีวิกฤตรัฐธรรมนูญที่ติดล็อค ทั้งนี้ เป็นเอกสิทธิ และพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“เป็นเจตจำนง เพื่อสอบถามขอความร่วมมือเป็นไปได้หรือไม่ เพื่อปลดล็อคเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เชิญ หรือพันธสัญญาให้พรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ ดังนั้น ความกังวลของสว. สามารถตอบได้ทั้งพฤติกรรมและพฤติการณ์ ดังนั้น เชื่อว่าจะได้รับการยอมรับ ส่วนการแสวงหาเสียงสนับสนุนนั้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพรรคเพื่อไทย” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยต้องตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ โดยจะแสวงหาหนทางที่ทำให้ได้ บนประโยชน์ของประเทสและประชาชน ยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยใช้ต้นทุนสูงมาก เพราะรณรงค์ให้ประชาชนเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ แต่พรรคเพื่อไทยทำไม่สำเร็จ ต้องยอมรับ ขณะที่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้องบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ภายใต้การพูดคุยกับทุกพรรคการเมือง คือแสดงความมั่นใจว่าเป็นเสียงข้างมาก ดังนั้นที่คุยเบื้องต้นมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ส่วนจะถึง 280-300 เสียงหรือไม่ อยู่ในขั้นตอนการทำงาน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในทางเลือก หากทางนี้เป็นไปไม่ได้ ต้องหาทางเลือกเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง ผมมั่นใจว่าประเทศต้องกลับมาการแบ่งขั้ว แบ่งสี และต้องทำหน้าที่ให้ประเทศเดินหน้าได้โดยดึงความร่วมมือจากทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน” นพ.ชลน่าน กล่าว
ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ เพราะไปทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกคน ทั้ง สส. และสว. เพราะต้องการสลายขั้วความขัดแย้งในทุกพรรคการเมือง และยืนยันไม่ใช่เชิญพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ดังนั้นไปเพื่อรับฟังความเห็น เพื่อสร้างการเมืองมิติใหม่ โดยพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล หรือพรรคฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านจะทำงานการเมืองสร้างสรรค์ ไม่คิดว่าต้องทำงานตรงข้ามกัน ทั้งนี้ทุกพรรค ทุกกลุ่มเราไปขอเสียงโหวตนายกฯของพรรคแล้วทุกพรรคทุกกลุ่ม แต่หลังจากนี้จะให้เป็นไปตามกรอบและระยะเวลา
“ผมไม่เชื่อว่า สว. หรือ สส. หรือองค์กรต่าง ๆที่จะขอความร่วมมือ จะมีปัญหา ประเด็นที่พูดชัดคือ ตั้งรัฐบาลมิติใหม่ ไม่ใช่คำนึงถึงประโยชน์ว่า พรรคจะครองกระทรวงไหน เพราะต้องการแก้ไขวิกฤตประเทศ ขอให้ไว้วางใจพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ทุกพรรคที่เชิญเชื่อมั่นและมั่นใจในคุณภาพของพรรคเพื่อไทยที่จะนำไปสู่การแก้ไขวิกฤตประเทศ” ภูมิธรรม กล่าว
ภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทยทำงานคู่ขนาน พรรคไหนพร้อมจะเปิดตัวทีละพรรค ทุกพรรคคุยแล้วแต่ไม่ได้คาดคั้นคำตอบ หากไม่พร้อม ขอให้แสดงให้เห็นในโหวตนายกฯ ส่วนจะได้เสียงโหวตนายกฯ เพิ่มเติมจากที่เปิดตัวไปหรือไม่ ขอให้รอดูวันที่ประธานรัฐสภานัดให้โหวตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย
“เราเริ่มต้นจาก 141 จากวันนั้น ถึงวันนี้ 238 เรายืนยันมาตลอดว่า เราเกินกึ่งหนึ่งแล้ว เรื่องนี้ ต้องทำให้ชัดเจนแต่เรามีเวลาถึงวันที่ 17 ส.ค.ที่รอให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุม ตนยืนยันกับท่านว่า ก่อนถึงวันเลือกนายกฯ เราจะมีเสียงทั้งหมดให้ท่านได้เห็นว่า สามารถเลือกนายกฯจากเราแบบม้วนเดียวจบได้” ภูมิธรรม กล่าว
ขณะที่ วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวตอบคำถามว่า ไม่มีปัญหากรณีที่พรรคเพื่อไทยขอเสียงกับพรรคก้าวไกล เพื่อโหวตนายกฯ เพราะเมื่อแต่ละพรรคแสดงเจตจำนงทำงานร่วมกัน เป็นหน้าที่ทุกพรรคหาคะแนนโหวตเลือกนายกฯ เกิน 376 เสียง เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ช่วยกันหาคะแนนเสียงโหวต ให้การจัดตั้งรัฐบาลโอกาสแรกให้เร็วที่สุด