ภายหลังการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ที่ประชุมมีมติว่าเสนอชื่อ พิธาครั้งที่ 2 ไม่ได้ ทั้งนี้ ตนไม่ได้เป็น สส.ในห้องประชุมก็พยายามโทรหากันภายในกลุ่มแกนนำ แต่ยังโทรหากันไม่ติด ทำให้ยังไม่ได้พูดคุยกัน
เมื่อถามว่า พรุ่งนี้จะมีการประชุมหารือหรือไม่ พิจารณ์ กล่าวว่า ต้องหารือกันกับระดับแกนนำก่อน
เมื่อถามว่า กำลังใจของพิธาเป็นอย่างไรบ้าง พิจารณ์ กล่าวว่า กำลังใจก็ดี แต่ตนยังไม่ได้เจอกันเลย เนื่องจากไม่ได้อยู่ในสภาฯ ส่วนจะเหนือความคาดหมายที่พรรคก้าวไกลคาดการณ์ไว้หรือไม่ พิจารณ์ กล่าวว่า เราก็พยายามสู้เต็มที่ โดยการหาเหตุผลต่อสมาชิกรัฐสภา ต้องคิดว่า การตีความเพื่อเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีแบบนี้ จะสร้างบรรทัดฐานที่ส่งผลต่อการเสนอชื่ออื่นๆ ซึ่งสมาชิกรัฐสภาที่โหวตไปในทางแปลความว่าเป็นญัตติ ก็คงจะต้องรับผิดชอบ ถ้าหากว่าในอนาคตจะมีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีหรือบุคคลอื่นตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า จะไปคุยกับพรรคเพื่อไทยอย่างไรต่อ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยอาจต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พิจารณ์ กล่าวว่า ขอไปหารือกันภายในพรรคก้าวไกลก่อน
เมื่อถามว่าในอนาคตอาจต้องมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความข้อบังคับที่ 41 นี้ เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ด้วยหรือไม่ พิจารณ์ กล่าวว่า คงต้องพูดคุยกัน หากฟังการอภิปรายของรัฐสภา ก็มีสมาชิกบางท่านให้ความเห็นว่าอาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ภายหลังจากสัมภาษณ์ พิจารณ์ได้เดินทางกลับทันที ขณะที่ชั้นบี 2 ได้มีรถตู้ของพิธาจอดอยู่ แต่เป็นรถเปล่า ซึ่งจากการสอบถามแหล่งข่าวภายในพรรคก้าวไกล พบว่า พิธาได้เดินทางออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว
เมื่อถามว่า พรุ่งนี้จะมีการประชุมหารือหรือไม่ พิจารณ์ กล่าวว่า ต้องหารือกันกับระดับแกนนำก่อน
เมื่อถามว่า กำลังใจของพิธาเป็นอย่างไรบ้าง พิจารณ์ กล่าวว่า กำลังใจก็ดี แต่ตนยังไม่ได้เจอกันเลย เนื่องจากไม่ได้อยู่ในสภาฯ ส่วนจะเหนือความคาดหมายที่พรรคก้าวไกลคาดการณ์ไว้หรือไม่ พิจารณ์ กล่าวว่า เราก็พยายามสู้เต็มที่ โดยการหาเหตุผลต่อสมาชิกรัฐสภา ต้องคิดว่า การตีความเพื่อเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีแบบนี้ จะสร้างบรรทัดฐานที่ส่งผลต่อการเสนอชื่ออื่นๆ ซึ่งสมาชิกรัฐสภาที่โหวตไปในทางแปลความว่าเป็นญัตติ ก็คงจะต้องรับผิดชอบ ถ้าหากว่าในอนาคตจะมีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีหรือบุคคลอื่นตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า จะไปคุยกับพรรคเพื่อไทยอย่างไรต่อ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยอาจต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พิจารณ์ กล่าวว่า ขอไปหารือกันภายในพรรคก้าวไกลก่อน
เมื่อถามว่าในอนาคตอาจต้องมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความข้อบังคับที่ 41 นี้ เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ด้วยหรือไม่ พิจารณ์ กล่าวว่า คงต้องพูดคุยกัน หากฟังการอภิปรายของรัฐสภา ก็มีสมาชิกบางท่านให้ความเห็นว่าอาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ภายหลังจากสัมภาษณ์ พิจารณ์ได้เดินทางกลับทันที ขณะที่ชั้นบี 2 ได้มีรถตู้ของพิธาจอดอยู่ แต่เป็นรถเปล่า ซึ่งจากการสอบถามแหล่งข่าวภายในพรรคก้าวไกล พบว่า พิธาได้เดินทางออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว