หลังการเลือกตั้งใหญ่จบลง ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ กลายเป็นบุคคลที่สปอร์ตไลต์ฉายจับเด่นกว่าใครเพื่อน ในฐานะมือวางอันดับ 1 เข้าชิงเก้าอี้ ‘นายกรัฐมนตรี’ คนที่ 30 ตามฉันทามติกว่า 14 ล้านเสียง พร้อมคำการันตีจาก ‘ชาวด้อมส้ม’ เทิดทูน ‘หนุ่มทิม’ เป็นผู้ดีมือสะอาด ชิงดำเลือกตั้งด้วยความโปรงใส เป็นความหวังของประชาชนในการเป็นแกนนำพรรคพันธมิตรทั้ง 8 ตบเข้าทำเนียบฯ
แต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ประตูชัยอยู่แค่เอื่อม แต่ติดกับดักทางกฎหมาย ‘ที่เอื้อมาให้พวกเรา’ ต้องลุ้น ส.ว. ช่วยโหวตขึ้นนายกฯ ให้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ ล่าง ยังไม่ทันได้ไขก็อกสภาหินอ่อน ก็่เจอ ‘ผี ITV’ สร้างความกังวล มีต้นเรื่องจาก ‘นักร้อง’ เสื้อฮาวาย ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่เดินเข้า - ออก สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ ประหนึ่งเข้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อยื่นคำร้องและข้อมูลเพิ่มเติม ในการให้ กกต. เอาผิด ‘หนุ่มทิม’ กรณีถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวน 42,000 หุ้น ซึ่งผิดหลักและเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามในการลงรับสมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3)
แต่ทีฮือฮาต่อเนื่องคือ ประเด็นที่เกิดขึ้นวันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน ตรงกับวันครบรอบสถาปนา 25 ปี กกต. เพราะตลอดทั้งวันไม่มีข่าวอะไรให้ตื่นเต้น นอกจากการจัดงานบรวงสรวงและแสดงท่าทียืนยันความโปร่งใสยกใหญ่ แต่ช่วงหัวค่ำในวันเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า กกต. มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณี กรณีหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้ง เหตุถือหุ้นไอทีวี
เป็นเหตุให้ชาวด้อมดีอกดีใจกันยกใหญ่ แต่ไม่เกินอึดใจ คราวพบเนื้อหาถัดจากนั้น ความกังวลคืบคลานเข้าแทรกทันที เพราะอีกย่อหน้าระบุเนื้อหา ที่ประมวลเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวน เพื่อยื่นฟ้อง ‘ว่าที่นายกฯ’ ต่อศาลอาญาในข้อหา ‘รู้ว่าตัวเองมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี’ หากศาลท่านทุบค้อนลงความเห็น ‘เป็นผิดจริง’ อ้างอิงตามมาตรา 151 ‘กัปตันเรือก้าวไกล’ จะต้องโทษจำคุก 10 ปี และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองถึง 20 ปี พร้อมต้องชดใช้คืนเงินเดือน ส.ส. ทุกเบี้ยหวัด
แต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ประตูชัยอยู่แค่เอื่อม แต่ติดกับดักทางกฎหมาย ‘ที่เอื้อมาให้พวกเรา’ ต้องลุ้น ส.ว. ช่วยโหวตขึ้นนายกฯ ให้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ ล่าง ยังไม่ทันได้ไขก็อกสภาหินอ่อน ก็่เจอ ‘ผี ITV’ สร้างความกังวล มีต้นเรื่องจาก ‘นักร้อง’ เสื้อฮาวาย ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่เดินเข้า - ออก สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ ประหนึ่งเข้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อยื่นคำร้องและข้อมูลเพิ่มเติม ในการให้ กกต. เอาผิด ‘หนุ่มทิม’ กรณีถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวน 42,000 หุ้น ซึ่งผิดหลักและเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามในการลงรับสมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3)
แต่ทีฮือฮาต่อเนื่องคือ ประเด็นที่เกิดขึ้นวันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน ตรงกับวันครบรอบสถาปนา 25 ปี กกต. เพราะตลอดทั้งวันไม่มีข่าวอะไรให้ตื่นเต้น นอกจากการจัดงานบรวงสรวงและแสดงท่าทียืนยันความโปร่งใสยกใหญ่ แต่ช่วงหัวค่ำในวันเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า กกต. มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณี กรณีหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้ง เหตุถือหุ้นไอทีวี
เป็นเหตุให้ชาวด้อมดีอกดีใจกันยกใหญ่ แต่ไม่เกินอึดใจ คราวพบเนื้อหาถัดจากนั้น ความกังวลคืบคลานเข้าแทรกทันที เพราะอีกย่อหน้าระบุเนื้อหา ที่ประมวลเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวน เพื่อยื่นฟ้อง ‘ว่าที่นายกฯ’ ต่อศาลอาญาในข้อหา ‘รู้ว่าตัวเองมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี’ หากศาลท่านทุบค้อนลงความเห็น ‘เป็นผิดจริง’ อ้างอิงตามมาตรา 151 ‘กัปตันเรือก้าวไกล’ จะต้องโทษจำคุก 10 ปี และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองถึง 20 ปี พร้อมต้องชดใช้คืนเงินเดือน ส.ส. ทุกเบี้ยหวัด
จะบอกว่าช่วงนี้จะเป็นคราวซวยของว่าที่นายกฯ หนุ่ม คงมิได้ เพราะล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 มิถุนายน 2566) ‘ฐปณีย์ เอียดศรีไชย’ ผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนเจนสนาม ได้เปิดเผยหลักฐานเด็ด ที่ขุดคุ้ยจากวงในออกมาเผยแพร่สู่สาธารณชนผ่านรายการข่าว 3 มิติ
เป็นคลิปวิดีโอบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.ไอทีวี เมื่อ 26 เมษายน 2566 โดยมีการตั้งข้อสังเกตถึงกรณีบันทึกการประชุมที่มีการเผยแพร่เป็นเอกสาร ไม่ตรงกับการประชุมที่มีการถ่ายทอดผ่านอิเล็กทรอนิกส์ จุดแบไต๋อยู่ที่การถามตอบระหว่าง ‘ภาณุวัฒน์ ขวัญยืน’ หนึ่งในผู้ถือหุ้น ตั้งปุจฉากลางวงที่ประชุมว่า “ไอทีวีมีดำเนินการสื่อหรือทีวีหรือไม่” ทำให้ ‘คิมห์ สิริทวีชัย’ ในฐานะประธานที่ประชุมเอื่ยคำวิสัชนาว่า “ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน”
ภายหลังการเปิดเผยข้อมูลของฐปณีย์ โลกโซเชียลก็แปรปรวนดั่งคลื่นมหาสมุทร มีการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นดังกล่าวไปต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะทวิตเตอร์ที่ #หุ้นiTV ขึ้นเทรดสูงสุดตลอดตั้งแต่หลังข่าวจบี้จนถึงรุ่งอรุณของอีกวัน ขณะที่ลูกหม้อเก่า ‘ทีวีเสรี’ อย่าง ‘จตุรงค์ สุขเอียด’ ได้แสดงความเห็นบนเฟซบุ๊กมีบางอย่างที่น่าสังเคราะห์กันต่อ
เป็นคลิปวิดีโอบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.ไอทีวี เมื่อ 26 เมษายน 2566 โดยมีการตั้งข้อสังเกตถึงกรณีบันทึกการประชุมที่มีการเผยแพร่เป็นเอกสาร ไม่ตรงกับการประชุมที่มีการถ่ายทอดผ่านอิเล็กทรอนิกส์ จุดแบไต๋อยู่ที่การถามตอบระหว่าง ‘ภาณุวัฒน์ ขวัญยืน’ หนึ่งในผู้ถือหุ้น ตั้งปุจฉากลางวงที่ประชุมว่า “ไอทีวีมีดำเนินการสื่อหรือทีวีหรือไม่” ทำให้ ‘คิมห์ สิริทวีชัย’ ในฐานะประธานที่ประชุมเอื่ยคำวิสัชนาว่า “ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน”
ภายหลังการเปิดเผยข้อมูลของฐปณีย์ โลกโซเชียลก็แปรปรวนดั่งคลื่นมหาสมุทร มีการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นดังกล่าวไปต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะทวิตเตอร์ที่ #หุ้นiTV ขึ้นเทรดสูงสุดตลอดตั้งแต่หลังข่าวจบี้จนถึงรุ่งอรุณของอีกวัน ขณะที่ลูกหม้อเก่า ‘ทีวีเสรี’ อย่าง ‘จตุรงค์ สุขเอียด’ ได้แสดงความเห็นบนเฟซบุ๊กมีบางอย่างที่น่าสังเคราะห์กันต่อ
กรณีที่มองว่า แม้จะมีการลบไฟล์ออกภายหลังแต่หนึ่งในผู้ถือหุ้นไอทีวี ที่มีสิทธิเข้าฟังได้บันทึกเอาไว้ เมื่อเห็นว่า ไอทีวีของเขา ที่สู้คดีมา 16 ปี ความหวังจะชนะคดีและได้เงินชดเชยความเสียหายหลายอย่าง กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่จึงสำเนาเทปนี้ให้คุณฐปณีย์ เพื่อบอกความจริง ในฐานะคนเก่าของไอทีวี เปิดหลักฐานชิ้นนี้ ชมในข่าว 3 มิติและรอพบกับการเปิดโปงเบื้องหลังขบวนการฟื้นไอทีวีเป็นสื่อก่อนผลคดี ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ข่าวนี้ไม่ได้ช่วยคุณพิธา แต่บังเอิญที่เพราะไอทีวีเกี่ยวข้องกับพวกเรามาในอดีต เราจึงต้องค้นหาว่าอะไรคือความจริง
ขณะที่ ‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ อดีต กกต. ก็ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ มีจุดสังเกตบางประการที่อาจแหวกกรอบชาวเน็ตอยู่บ้าง อย่างกรณีสงสัยถึงการสะดุดไม่ต่อเนื่องของคลิปบางช่วง ซึ่งภายหลังเขาได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นหลักฐานสำคัญใช้การได้ และต้องส่งให้ กกต.
โดยคาดว่าทำให้การวินิจฉัยเรื่องนี้ จะมีทิศทางไปในทางที่ดีขึ้นมาก พร้อมระบุว่า ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี ส่วนกรณี หากมีการจดรายงานการประชุมเป็นเท็จหากเป็นจริง ผู้ถือหุ้น และ พิธา พรรคก้าวไกล สามารถเป็นผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีได้
ในส่วนหลักฐาน สมชัย มีข้อแนะนำ 3 ประการ
1) ผู้พบหลักฐาน ควรนำหลักฐานส่งมอบให้ กกต. โดยมีการลงนามรับรอง เพื่อให้ กกต. ใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณา ทั้งกรณีคดี อาญา 151 และ คดี ส.ส. ถือหุ้นสื่อที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากมีการรับรอง ส.ส.แล้ว
2) หากไม่มีการส่ง จะให้ กกต. ถือว่าเป็นความปรากฏจากข่าวที่รับรู้ทั่วไป โดย กกต. นำไปพิจารณาเองได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ และ ไม่ได้ ดังนั้นดีที่สุด คือ ต้องมีผู้นำส่งคลิปดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
3) ในกรณีที่ กกต.ได้รับ และเห็นว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่เชื่อถือได้ กกต. สามารถวินิจฉัยยุติเรื่อง ไม่มีการดำเนินคดีอาญา ไม่ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ในฟากฝั่งจำเลย อย่าง ‘พรรคก้าวไกล’ วันนี้ (12 มิถุนายน) ก็ได้มีการแถลงข่าวสู้ปมหุ้นสื่อ นำโดย ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ เลขาธิการพรรค ที่ตกตะกอนนัยสำคัญ จากรายงานพิเศษของฐาปนีย์ 3 ประเด็นหลัก กล่าวได้สรุปคือ
1) เริ่มจากประเด็นรายงานการประชุมที่ไม่สอดคล้องกับบทสทนาในคลิป จนนำมาสู่กรณีที่เรืองไกร ร้อง กกต. และกรณี ‘นิกม์ แสงศิรินาวิน’ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กของตนเองเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทไอทีวีเพียง 2 วัน รวมถึงการแก้ไขบันทึกที่ประชุม และการพยายามฟื้นคืนชีพ ‘ผีไอทีวี’ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
(2) ความขัดแย้งกันระหว่างคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 กับแบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) ที่ไอทีวียื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 และเอกสารงบไตรมาสแรกปี 2566 ของไอทีวี
(3) พรรคก้าวไกลขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า เราจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องรักษาเสียงของประชาชน ผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศในระบอบประชาธิปไตยให้ได้
“แม้จะมีความพยายามจากบุคคลบางกลุ่มที่ต้องการจะใช้ประเด็นหุ้นไอทีวีเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อนที่จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พรรคก้าวไกลยังเชื่อมั่นว่า อำนาจของประชาชนจะได้รับชัยชนะในที่สุด และคณะกรรมการการเลือกตั้งจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ ประกอบกับบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกาที่ผ่านมา” ชัยธวัช กล่าว
ขณะที่ ‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ อดีต กกต. ก็ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ มีจุดสังเกตบางประการที่อาจแหวกกรอบชาวเน็ตอยู่บ้าง อย่างกรณีสงสัยถึงการสะดุดไม่ต่อเนื่องของคลิปบางช่วง ซึ่งภายหลังเขาได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นหลักฐานสำคัญใช้การได้ และต้องส่งให้ กกต.
โดยคาดว่าทำให้การวินิจฉัยเรื่องนี้ จะมีทิศทางไปในทางที่ดีขึ้นมาก พร้อมระบุว่า ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี ส่วนกรณี หากมีการจดรายงานการประชุมเป็นเท็จหากเป็นจริง ผู้ถือหุ้น และ พิธา พรรคก้าวไกล สามารถเป็นผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีได้
ในส่วนหลักฐาน สมชัย มีข้อแนะนำ 3 ประการ
1) ผู้พบหลักฐาน ควรนำหลักฐานส่งมอบให้ กกต. โดยมีการลงนามรับรอง เพื่อให้ กกต. ใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณา ทั้งกรณีคดี อาญา 151 และ คดี ส.ส. ถือหุ้นสื่อที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากมีการรับรอง ส.ส.แล้ว
2) หากไม่มีการส่ง จะให้ กกต. ถือว่าเป็นความปรากฏจากข่าวที่รับรู้ทั่วไป โดย กกต. นำไปพิจารณาเองได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ และ ไม่ได้ ดังนั้นดีที่สุด คือ ต้องมีผู้นำส่งคลิปดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
3) ในกรณีที่ กกต.ได้รับ และเห็นว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่เชื่อถือได้ กกต. สามารถวินิจฉัยยุติเรื่อง ไม่มีการดำเนินคดีอาญา ไม่ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ในฟากฝั่งจำเลย อย่าง ‘พรรคก้าวไกล’ วันนี้ (12 มิถุนายน) ก็ได้มีการแถลงข่าวสู้ปมหุ้นสื่อ นำโดย ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ เลขาธิการพรรค ที่ตกตะกอนนัยสำคัญ จากรายงานพิเศษของฐาปนีย์ 3 ประเด็นหลัก กล่าวได้สรุปคือ
1) เริ่มจากประเด็นรายงานการประชุมที่ไม่สอดคล้องกับบทสทนาในคลิป จนนำมาสู่กรณีที่เรืองไกร ร้อง กกต. และกรณี ‘นิกม์ แสงศิรินาวิน’ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กของตนเองเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทไอทีวีเพียง 2 วัน รวมถึงการแก้ไขบันทึกที่ประชุม และการพยายามฟื้นคืนชีพ ‘ผีไอทีวี’ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
(2) ความขัดแย้งกันระหว่างคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 กับแบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) ที่ไอทีวียื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 และเอกสารงบไตรมาสแรกปี 2566 ของไอทีวี
(3) พรรคก้าวไกลขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า เราจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องรักษาเสียงของประชาชน ผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศในระบอบประชาธิปไตยให้ได้
“แม้จะมีความพยายามจากบุคคลบางกลุ่มที่ต้องการจะใช้ประเด็นหุ้นไอทีวีเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อนที่จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พรรคก้าวไกลยังเชื่อมั่นว่า อำนาจของประชาชนจะได้รับชัยชนะในที่สุด และคณะกรรมการการเลือกตั้งจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ ประกอบกับบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกาที่ผ่านมา” ชัยธวัช กล่าว
ส่วนกรณีที่ กกต. อาจจะดำเนินคดีกับพิธาในอนาคต ตามความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่า ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น เลขาธิการพรรคพรรคก้าวไกลมั่นใจว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอ เช่นเดียวกับที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ในคดีหุ้นวีลัค
ท้ายที่สุด แม้จะเริ่มมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ ‘พิธา’ ทยอยออกมาเรื่อยๆ แต่กรณีรายงานพิเศษของนักข่าวชื่อดัง ยังถูกตั้งคำถามของสังคม ว่า จะสามารถลบล้างประเด็นการจดทะเบียนกิจการสื่อของไอทีวีได้หรือไม่ และศาลฯ ท่านจะพิจารณาจากพยานหลักฐานส่วนใดในการหาข้อสรุป
ต้องจับตาดูอย่างไม่กระพริบว่า ‘หนุ่มทิม’ จะสามารถคว้าชัยในศึกชิง ‘นัมเบอร์วัน’ ไทยคู่ฟ้า ลบล้างมลทินและชะงักติดหลัง ‘หุ้นITV’ ได้หรือไม่ หรือจริงๆ มี ‘ผีตัวอื่น’ รอหลอกหลอน พลพรรคเสื้อส้มอยู่...การเมืองไทยเป็นเรื่องประโลมโลก น้ำเน่าสิ้นดี
ท้ายที่สุด แม้จะเริ่มมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ ‘พิธา’ ทยอยออกมาเรื่อยๆ แต่กรณีรายงานพิเศษของนักข่าวชื่อดัง ยังถูกตั้งคำถามของสังคม ว่า จะสามารถลบล้างประเด็นการจดทะเบียนกิจการสื่อของไอทีวีได้หรือไม่ และศาลฯ ท่านจะพิจารณาจากพยานหลักฐานส่วนใดในการหาข้อสรุป
ต้องจับตาดูอย่างไม่กระพริบว่า ‘หนุ่มทิม’ จะสามารถคว้าชัยในศึกชิง ‘นัมเบอร์วัน’ ไทยคู่ฟ้า ลบล้างมลทินและชะงักติดหลัง ‘หุ้นITV’ ได้หรือไม่ หรือจริงๆ มี ‘ผีตัวอื่น’ รอหลอกหลอน พลพรรคเสื้อส้มอยู่...การเมืองไทยเป็นเรื่องประโลมโลก น้ำเน่าสิ้นดี
