‘ประเสริฐ’ ชี้ ไม่ง่ายปิดสวิตซ์ ส.ว.

14 ก.ค. 2566 - 06:37

  • ‘ประเสริฐ’ ชี้ไม่ง่ายแก้ ม.272 ปิดสวิตซ์ ส.ว. เผยหารือก้าวไกลเย็นวันนี้ มั่นใจ 13 เสียง ส.ว. ยังหนุน ‘พิธา’

  • รับไม่ประมาทกระแสเสนอชื่อ ‘บิ๊กป้อม’ ชิงนายกฯ

  • รับฟังความเห็น ‘ปิยบุตร’ เสนอก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ กก.บห.ก้าวไกล ชี้ ม.112 เป็นกำแพงสำคัญ ต้องก้าวข้าม แนะ ต้องทำการบ้าน

Prasert-said-do-not-easy-to-modify-artical-272-switch-off-senator-SPACEBAR-Thumbnail
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลจะยื่น แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.อีกครั้งว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว พรรคเพื่อไทยได้ยื่นการแก้ไขในมาตรานี้มาสองครั้งแล้วและไม่ผ่านการพิจารณาของสภาฯ เพราะฉะนั้นการที่พรรคก้าวไกลได้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ต้องเข้าใจว่า เป็นการทลายกำแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ เพราะ ส.ว.ได้ตั้งกำแพงเรื่องมาตรา 112 เอาไว้ เพราะฉะนั้นทางก้าวไกลอยากจะหยิบยกประเด็นนี้ เพื่อที่จะให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องเฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น  

เมื่อถามถึง การหารือกับพรรคก้าวไกลวันนี้ ประเสริฐ เปิดเผยว่า การหารือร่วมก้าวไกลเพื่อไทย มีการนัดหมายในเวลา 17.00 น. ซึ่งจะมีการพูดคุยในแนวทางเกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เมื่อสักครู่ได้สอบถามไปยังประธานสภาฯ ว่า จะเป็นวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะมีการพูดคุยกันภายในก่อน เพื่อนำข้อเสนอของเพื่อไทยไปหารือกับก้าวไกลอีกครั้ง  

เมื่อถามว่า จะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ในสมัยนี้ได้เลยหรือไม่ ประเสริฐ กล่าวว่า ถ้าทำได้เป็นเรื่องดี แต่ข้อเท็จจริงการแก้ไขมาตรา 272 ต้องใช้เสียงของรัฐสภาเกินกว่าครึ่งหนึ่งและในกลุ่มหนึ่งนั้นต้องมีเสียงสมาชิกวุฒิสภา 84 เสียงด้วย ซึ่งที่พรรคเพื่อไทยเคยดำเนินการมาแล้ว ไม่ง่าย ไม่เคยได้เสียงของสมาชิกวุฒิสภา ครั้งนี้ยังก็เชื่อว่า ส.ว.จะตั้งกำแพงสูงในเรื่องนี้ เพราะการแก้ไขจะไม่ง่ายนักตามที่คิดเอาไว้  

ส่วน 13 เสียงที่ ส.ว. โหวตให้ พิธา เมื่อมีการโหวตครั้งที่สอง เชื่อหรือไม่ว่า จะยังคงโหวตให้ ประเสริฐ เชื่อว่า ส.ว.ทั้ง 13 คน น่าจะยังอยู่ และจะโหวตให้ในรอบสอง ซึ่งคงจะมีเจตนาและคงมีความตั้งใจและเจตนาที่มองการเมืองอีกมุมหนึ่ง 

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยต้องออกแรงเพื่อให้ได้เสียง ส.ว.เพิ่มเติมหรือไม่ ประเสริฐกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า ก้าวไกลพยายามทำเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นขอคุยกับทางก้าวไกลก่อนว่า วันนี้จะแนวทางจะเป็นอย่างไร    

เมื่อถามต่อว่า มีอะไรจะไปแนะนำให้ด้วยเสียงเพิ่มหรือไม่ ประเสริฐ มองว่า จริงๆ แล้วถ้าการโหวตเป็นไปอย่างวันที่ 13 กรกฎาคม หากไม่มีข้อมูลใหม่หรือไม่มีอะไรเพิ่มเติมการโหวตในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้คงจะใกล้เคียงกับการโหวตวันที่ 13 กรกฎาคม

เมื่อถามว่า การอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้พุ่งเป้าไปที่ประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 จะมีการปรับท่าทีเพื่อให้ได้เสียงมากขึ้นหรือไม่ ประเสริฐ ไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องนี้ เพราะพูดแทนก้าวไกลไม่ได้ และทางพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็นเรื่อง นี้ดังนั้นเป็นเรื่องที่ก้าวไกลต้องคิดเองตอบแทนไม่ได้ ซึ่งวันนี้การพูดคุยกับพรรคก้าวไกลจะคุยในหลายประเด็น  และคิดว่าพรรคก้าวไกลรู้โจทก์แล้ว โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่อาจจะมีการเสนอชื่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐเข้ามาแข่ง ประเสริฐระบุว่า เป็นเรื่องที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะต้องนำมาประเมินร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีความเคลื่อนไหวในการรวบรวมเสียงอยู่ จึงประมาทไม่ได้ เพราะเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน หลังจากที่สองพรรคได้คุยกันก็จะต้องหารือใน 8 พรรคอีกครั้ง  

เมื่อถามว่า การเสนอรอบสองยังคงเป็นชื่อของพิธาคนเดียวหรือไม่ หรือมีการเตรียมมุมอื่นไว้อีก ประเสริฐกล่าวว่า ขอให้ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ก่อน    

เมื่อถามต่อว่า จำเป็นจะต้องเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นหรือไม่ เพื่อเป็นทางรอดให้กับ 8 พรรคร่วม ประเสริฐระบุว่า ขอให้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลก่อน ยังเร็วเกินไปที่จะแสดงความเห็น  

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการเสนอชื่อพิธา ซ้ำจะไป ขัดกับข้อบังคับการประชุม ประเสริฐกล่าวว่า หากดูข้อบังคับดีๆจะมีข้อท้ายที่ระบุว่าเป็นอำนาจของประธานรัฐสภาในการวินิจฉัย หากการเสนอญัตตินั้นมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป ตนเชื่อว่า อำนาจประธานชี้ได้ไม่น่าเป็นอุปสรรค การเสนอชื่อพิธาซ้ำได้หรือไม่นั้น ถือเป็นดุลยพินิจของประธานรัฐสภา 

เมื่อถามถึงกรณีที่ถามว่า ปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์ในลักษณะที่ว่า พรรคก้าวไกล ควรไปเป็นฝ่ายค้าน มีนัยยะอะไรหรือไม่ ประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นและส่งผลต่อพรรคก้าวไกล ดังนั้น คำพูดของ ปิยบุตร ก็ควรที่จะรับฟัง แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในพรรคก้าวไกล ถ้าจะให้แน่นอนต้องฟังความคิดเห็นของ หัวหน้า เลขาฯ และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล   

เมื่อถามว่า จะทำอย่างไร หากพรรคก้าวไกลยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้าน ประเสริฐ กล่าวว่า จริงแล้วไม่มีแผน 2 แต่ทุกความเห็นที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้องนำไปหารือกับพรรคก้าวไกล และต้องแจ้งกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย  

เมื่อถามว่า ส.ว.ติดใจ เรื่องมาตรา 112 ซึ่งไม่มีใน MOU พรรคก้าวไกล จะไปดำเนินการของเขาเองเรื่องนี้กังวลหรือไม่ ประเสริฐ กล่าวว่า MOU มี 2 ฉบับ แบบ 2 พรรคกับ 8 พรรค แบบ 8 พรรค เท่าที่จำได้คือหากเป็นเรื่องที่นอกเหนือจาก MOU ให้ถือว่า เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่จะไปเสนอเอง ไม่เกี่ยวกับ 8 พรรค เป็นเรื่องเฉพาะที่พรรคก้าวไกลจะไปดำเนินการ ไม่เกี่ยวกับพรรคอื่น พรรคอื่นจะขอสงวนสิทธิไม่ร่วมด้วย ก่อนจะย้ำว่า กำแพงที่พรรคก้าวไกลต้องข้ามให้ได้ คือ มาตรา 112 เพราะ ส.ว.และพรรคเสียงข้างน้อยก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน พรรคก้าวไกลต้องกลับไปทำการบ้าน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์