







พรรคสร้างอนาคตไทยและพรรคไทยสร้างไทย ได้นัดพูดคุยทิศทางทางการเมืองระหว่างทั้งสองพรรคที่ร้าน Coner สุชุมวิท26 นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งภายหลังพูดคุยกัน 30 นาที ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
โภคิน ระบุว่า วันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้ง 2 พรรคได้มีการหารือร่วมกัน เพราะมองว่าขณะนี้ประเทศกำลังเกิดปัญาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เมื่อมีการพูดคุยกันจึงเห็นตรงกันว่า จะต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อให้มีส่วนร่วม และเป็นเจ้าของใช้อำนาจได้อย่างตรงไปตรงมา รวมถึงอยากให้คนที่อยู่ในสนามเลือกตั้งไม่ยอมจำนนหรือพ่ายแพ้ต่อเงินและอิทธิพลต่างๆ ต่อสู้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม วันนี้มาแสดงว่าเราตระหนักในปัญหา และหาทางร่วมมือกันนำพาประเทศไปข้างหน้า
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า ตนเอง สมคิด และโภคิน ทำงานร่วมกันมาหลายสิบปี จึงถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์และมองเห็นปัญหาด้วยความห่วงใย และในฐานะที่ตนเป็นแม่คนมองว่าหากยังปล่อยประเทศให้ดำเนินแบบนี้ คนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร ตนจงผู้สมัครว่าการเข้ามาสร้างพรรคการเมืองเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อส่งมอบประเทศที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป จึงหารือกันว่าการมาทำงานร่วมกันของพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทยคงไม่ใช่ แย่งชิงตำแหน่งแห่งหนกันและทำให้เกิดการใช้อำนาจเงินอำนาจรัฐจนการเมืองเดินหน้าไม่ได้ประเทศไปต่อไม่ได้ ขอให้เริ่มต้นที่ตรงนี้ก่อนยังไม่ มีการพูดคุยถึงเรื่องการแบ่งตำแหน่งใดๆ แต่จะทำงานร่วมมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองกันเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง
ทั้งนี้ สมคิด กล่าวว่า ตนอยู่ในการเมืองมา 20 ปี และตลอดระยะเวลานี้ได้ตั้งใจทำงานหนักมาโดยตลอดเพราะอยากให้ประชาชนเป็นสุข แต่ไม่เคยเห็นยุคใดสมัยใดที่การเมืองจะค่อนข้างย่ำแย่อย่างถึงที่สุด จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งในเชิงของความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมืองเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ทั้งในเชิงของการใช้ทรัพยากรเพื่อแย่งชิงผู้สมัครอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและทำอย่างโจ่งแจ้ง และในช่องของการไม่สามารถบริหารภาครัฐในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน รวมถึงการขับเคลื่อนประเทศขับเคลื่อนนโยบายให้ก้าวหน้าด้วยความจริงจังและโปร่งใส เราอยู่ในความวังวนของความไม่สามัคคีและพยายามแก้ไขมานานกว่า 10 ปีแล้ว น่าเสียดายหากยังปล่อยให้บ้านมันเป็นอย่างนี้ต่อไปก็จะเป็นอย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์พูดว่า ประเทศจะค่อยๆถดถอยลง ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ใช่แบบนี้ คนไทยไม่ควรทำได้แค่นั่งมองดูและรอชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องระวังและหันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศให้ได้ เพื่อลูกหลานของเรา ซึ่งตนและคุณหญิงสุดารัตน์และโภคินรวมงานกันมานานแล้ว “คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนักสู้ แข็งแกร่งทำงานหนัก เป็นแม่ที่ดีและเสียสละเวลาให้บ้านเมือง โภคินเป็นนักกฎหมายชั้นครู ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ประเทศได้ ส่วนอุตตมและสนธิรัตน์ มีความคุ้นเคยและประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในกระทรวงด้านเศรษฐกิจมามากมาย ดังนั้นการที่ทั้งสองฝ่ายมาพบปะและหารือกันก็เพื่อหาทางออกให้กลับบ้านเมืองทั้งในด้านการเมืองเศรษฐกิจและการปรองดองของชาติ” สมคิด กล่าว
เมื่อถามว่าในเมื่อร่วมมือกันเหตุใดจึงไม่รวมพรรคกัน โภคิน ระบุว่า ไม่อยากให้มองที่ปลายทางไปก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มต้นว่าอุดมการณ์ตรงกันหรือไม่ ยุทธศาสตร์ที่ทำตรงกันหรือไม่ มีอะไรที่แตกต่างกัน หากไม่เริ่มจากตรงนี้ก่อนจะไปถึงปลายสุดไม่ได้ มองว่าต้องคุยกันเป็นระยะ วิธีเมื่อตกผลึกแล้วแจ้งให้ทราบอีกที
เมื่อถามว่าเป็นการทดลองงานกันก่อนใช่หรือไม่ วงประชุมได้หัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่สมคิด กล่าวว่า ไม่มีการทดลองเพราะพวกเราอยู่ในวงการเมืองมา 20 ปี การทำการเมืองในครั้งนี้ตนไม่คิดที่จะทำตั้งแต่แรก เพราะเหนื่อยพอสมควร แต่ที่มาก็เหมือนกับคุณหญิงสุดารัตน์ที่มีภารกิจต้องทำเพื่อประเทศ ต้องการสร้างพรรคการเมืองที่ดี เป็นหลักให้ประชาชนไม่เคยคิดเรื่องตำแหน่ง
“กรุณาอย่าถามว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกหรือไม่ ไม่ต้องถามผมเลย เพราะในใจผมสิ่งเหล่านี้เป็นปลายเหตุทั้งสิ้นปลายเหตุทั้งสิ้น พรรคการเมืองที่แก้ไขปัญหาไม่ได้จะมี ส.ส. ไว้ทำไม ดังนั้นต้องฟังนโยบายกันว่าจะต้องทำอย่างไร ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมเคยบอกไปแล้วว่า ฟ้าประทาน ฟ้าลิขิต” สมคิด กล่าว
จากนั้น โภคิน ย้ำว่า ที่คุยกันมาเป็นระยะคิดว่าตรงกันหมด เพราะพวกเราเป็นรุ่นที่เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว บ้านเมืองมีทางเลือก 2 ทาง จะใช้ชีวิตประจำวันไปหรือมาทำเพื่อบ้านเมือง เราก็คุยกันว่าไม่ใช่เรื่องตัวตน เป้าหมายที่เราพูดคุยกันคือเรื่องการดูแลผู้คนตั้งแต่เกิดจนแก่ จึงไม่อยากให้สื่อมวลชนถามว่าจะรวมกันวันไหนเมื่อไหร่ ถ้ารวมความคิดได้รวมหัวใจได้เรื่องต่อไป ก็จะไม่ยากเย็น วันนี้ขอเท่านี้ก่อนหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกที ตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากดูจากการนั่งแถลงข่าวดูเหมือนจะห่างเหินกัน ทั้งโต๊ะได้หัวเราะ ก่อนที่คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า นี่นั่งโต๊ะเดียวกันแล้วนะ และ สมคิด กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ายินดี ของพรรคไทยสร้างไทยและพรรคสร้างอนาคตไทย คือเราเห็นตรงกัน ดังนั้นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันความตั้งใจเดียวกัน ก็เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ไม่มีความเป็นปฏิบัติไม่ได้ทะเลาะกับใคร แต่วันนี้ต้องการความร่วมมือกับทุกๆฝ่าย
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ดูเหมือนว่าจะเป็นพรรคไทยรักไทย 2 สนธิรัตน์ ตอบว่า เป็นคำถามที่ก้าวหน้าเกินไป
ทั้งนี้หลังการแถลงข่าวแกนนำทั้ง 2 พรรคได้ถ่ายรูปร่วมกัน โดยสื่อมวลชนได้ทักให้จับมือกันเพราะเป็นพันธมิตรกันแล้ว แต่ทั้งสมคิดกับคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ได้จับมือกัน โดยสมคิด ได้กล่าวแก้เกี้ยวว่า คุณหญิงเป็นหญิงสาวนะ
โภคิน ระบุว่า วันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้ง 2 พรรคได้มีการหารือร่วมกัน เพราะมองว่าขณะนี้ประเทศกำลังเกิดปัญาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เมื่อมีการพูดคุยกันจึงเห็นตรงกันว่า จะต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อให้มีส่วนร่วม และเป็นเจ้าของใช้อำนาจได้อย่างตรงไปตรงมา รวมถึงอยากให้คนที่อยู่ในสนามเลือกตั้งไม่ยอมจำนนหรือพ่ายแพ้ต่อเงินและอิทธิพลต่างๆ ต่อสู้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม วันนี้มาแสดงว่าเราตระหนักในปัญหา และหาทางร่วมมือกันนำพาประเทศไปข้างหน้า
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า ตนเอง สมคิด และโภคิน ทำงานร่วมกันมาหลายสิบปี จึงถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์และมองเห็นปัญหาด้วยความห่วงใย และในฐานะที่ตนเป็นแม่คนมองว่าหากยังปล่อยประเทศให้ดำเนินแบบนี้ คนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร ตนจงผู้สมัครว่าการเข้ามาสร้างพรรคการเมืองเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อส่งมอบประเทศที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป จึงหารือกันว่าการมาทำงานร่วมกันของพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทยคงไม่ใช่ แย่งชิงตำแหน่งแห่งหนกันและทำให้เกิดการใช้อำนาจเงินอำนาจรัฐจนการเมืองเดินหน้าไม่ได้ประเทศไปต่อไม่ได้ ขอให้เริ่มต้นที่ตรงนี้ก่อนยังไม่ มีการพูดคุยถึงเรื่องการแบ่งตำแหน่งใดๆ แต่จะทำงานร่วมมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองกันเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง
ทั้งนี้ สมคิด กล่าวว่า ตนอยู่ในการเมืองมา 20 ปี และตลอดระยะเวลานี้ได้ตั้งใจทำงานหนักมาโดยตลอดเพราะอยากให้ประชาชนเป็นสุข แต่ไม่เคยเห็นยุคใดสมัยใดที่การเมืองจะค่อนข้างย่ำแย่อย่างถึงที่สุด จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งในเชิงของความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมืองเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ทั้งในเชิงของการใช้ทรัพยากรเพื่อแย่งชิงผู้สมัครอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและทำอย่างโจ่งแจ้ง และในช่องของการไม่สามารถบริหารภาครัฐในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน รวมถึงการขับเคลื่อนประเทศขับเคลื่อนนโยบายให้ก้าวหน้าด้วยความจริงจังและโปร่งใส เราอยู่ในความวังวนของความไม่สามัคคีและพยายามแก้ไขมานานกว่า 10 ปีแล้ว น่าเสียดายหากยังปล่อยให้บ้านมันเป็นอย่างนี้ต่อไปก็จะเป็นอย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์พูดว่า ประเทศจะค่อยๆถดถอยลง ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ใช่แบบนี้ คนไทยไม่ควรทำได้แค่นั่งมองดูและรอชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องระวังและหันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศให้ได้ เพื่อลูกหลานของเรา ซึ่งตนและคุณหญิงสุดารัตน์และโภคินรวมงานกันมานานแล้ว “คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนักสู้ แข็งแกร่งทำงานหนัก เป็นแม่ที่ดีและเสียสละเวลาให้บ้านเมือง โภคินเป็นนักกฎหมายชั้นครู ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ประเทศได้ ส่วนอุตตมและสนธิรัตน์ มีความคุ้นเคยและประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในกระทรวงด้านเศรษฐกิจมามากมาย ดังนั้นการที่ทั้งสองฝ่ายมาพบปะและหารือกันก็เพื่อหาทางออกให้กลับบ้านเมืองทั้งในด้านการเมืองเศรษฐกิจและการปรองดองของชาติ” สมคิด กล่าว
เมื่อถามว่าในเมื่อร่วมมือกันเหตุใดจึงไม่รวมพรรคกัน โภคิน ระบุว่า ไม่อยากให้มองที่ปลายทางไปก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มต้นว่าอุดมการณ์ตรงกันหรือไม่ ยุทธศาสตร์ที่ทำตรงกันหรือไม่ มีอะไรที่แตกต่างกัน หากไม่เริ่มจากตรงนี้ก่อนจะไปถึงปลายสุดไม่ได้ มองว่าต้องคุยกันเป็นระยะ วิธีเมื่อตกผลึกแล้วแจ้งให้ทราบอีกที
เมื่อถามว่าเป็นการทดลองงานกันก่อนใช่หรือไม่ วงประชุมได้หัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่สมคิด กล่าวว่า ไม่มีการทดลองเพราะพวกเราอยู่ในวงการเมืองมา 20 ปี การทำการเมืองในครั้งนี้ตนไม่คิดที่จะทำตั้งแต่แรก เพราะเหนื่อยพอสมควร แต่ที่มาก็เหมือนกับคุณหญิงสุดารัตน์ที่มีภารกิจต้องทำเพื่อประเทศ ต้องการสร้างพรรคการเมืองที่ดี เป็นหลักให้ประชาชนไม่เคยคิดเรื่องตำแหน่ง
“กรุณาอย่าถามว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกหรือไม่ ไม่ต้องถามผมเลย เพราะในใจผมสิ่งเหล่านี้เป็นปลายเหตุทั้งสิ้นปลายเหตุทั้งสิ้น พรรคการเมืองที่แก้ไขปัญหาไม่ได้จะมี ส.ส. ไว้ทำไม ดังนั้นต้องฟังนโยบายกันว่าจะต้องทำอย่างไร ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมเคยบอกไปแล้วว่า ฟ้าประทาน ฟ้าลิขิต” สมคิด กล่าว
จากนั้น โภคิน ย้ำว่า ที่คุยกันมาเป็นระยะคิดว่าตรงกันหมด เพราะพวกเราเป็นรุ่นที่เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว บ้านเมืองมีทางเลือก 2 ทาง จะใช้ชีวิตประจำวันไปหรือมาทำเพื่อบ้านเมือง เราก็คุยกันว่าไม่ใช่เรื่องตัวตน เป้าหมายที่เราพูดคุยกันคือเรื่องการดูแลผู้คนตั้งแต่เกิดจนแก่ จึงไม่อยากให้สื่อมวลชนถามว่าจะรวมกันวันไหนเมื่อไหร่ ถ้ารวมความคิดได้รวมหัวใจได้เรื่องต่อไป ก็จะไม่ยากเย็น วันนี้ขอเท่านี้ก่อนหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกที ตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากดูจากการนั่งแถลงข่าวดูเหมือนจะห่างเหินกัน ทั้งโต๊ะได้หัวเราะ ก่อนที่คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า นี่นั่งโต๊ะเดียวกันแล้วนะ และ สมคิด กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ายินดี ของพรรคไทยสร้างไทยและพรรคสร้างอนาคตไทย คือเราเห็นตรงกัน ดังนั้นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันความตั้งใจเดียวกัน ก็เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ไม่มีความเป็นปฏิบัติไม่ได้ทะเลาะกับใคร แต่วันนี้ต้องการความร่วมมือกับทุกๆฝ่าย
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ดูเหมือนว่าจะเป็นพรรคไทยรักไทย 2 สนธิรัตน์ ตอบว่า เป็นคำถามที่ก้าวหน้าเกินไป
ทั้งนี้หลังการแถลงข่าวแกนนำทั้ง 2 พรรคได้ถ่ายรูปร่วมกัน โดยสื่อมวลชนได้ทักให้จับมือกันเพราะเป็นพันธมิตรกันแล้ว แต่ทั้งสมคิดกับคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ได้จับมือกัน โดยสมคิด ได้กล่าวแก้เกี้ยวว่า คุณหญิงเป็นหญิงสาวนะ