หลังจาก ‘ดีลล่ม’ ไปหนึ่งครั้ง ต้องกลับมาคุยใหม่ สำหรับ ‘พรรคตระกูล ส.’ ไม่เช่นนั้นมีหวัง ‘ร่วงคู่’ ผลพวงจาก รธน. ที่มีการแก้ไขเป็นระบบ ‘บัตร 2 ใบ หาร 100’ ที่บอนไซ ‘พรรคเล็ก-พรรคเกิดใหม่’ ทำให้ ‘พรรคตระกูล ส.’ ระหว่าง ‘สมคิด จาตุศรีพิทักษ์’ ปธ.พรรคสร้างอนาคตไทย กับ ‘คุณหญิงหน่อย’สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หน.ไทยสร้างไทย ต้องกลับมาคุยกันอีกรอบ หรือที่เรียกว่า ‘ดีลหนีตาย’ ปูทางไปสู่การ ‘ควบรวมพรรค’ ซึ่งเคยแว่วมาว่าจะใช้ชื่อว่า “พรรคสร้างไทย”
ความคืบหน้าที่เรียกได้ว่าเป็นการ ‘ตั้งไข่’ ในการปูทางไปสู่การ ‘ควบรวม’ เกิดขึ้นในการพูดคุยครั้งล่าสุด เมื่อ 28ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ร้านอาหาร Corner Selected Cuisine สุขุมวิท 26 ที่มี ‘เพื่อนสนิทนักธุรกิจ’ ของ ‘ดล เหตระกูล’ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นเจ้าของร้าน การมาพูดคุยระหว่าง ‘2ส.’ และจัดแถลงข่าว 29ธ.ค. จึงถูกเชื่อมโยงไปว่าจะมีการจับมือกับ ‘พรรคชาติพัฒนากล้า’ ผสานพลังเป็น ‘ตระกูล 3ส.’ หรือไม่ โดยดึง ‘สุวัจน์ ลิปตพัลลภ’ ปธ.พรรคชาติพัฒนากล้า มาร่วมด้วย
ทั้งนี้มีรายงานว่าดีลระหว่าง ‘2ส.สุดารัตน์-สมคิด’ กับ ‘1ส.สุวัจน์’ ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก ส่วนการมาใช้ร้านอาหารดังกล่าวพูดคุย-แถลงข่าว ก็เป็นเพียง ‘ความสนิทส่วนตัว’ เท่านั้น แต่ดีลระหว่าง ‘3ส.’ ยังคงต้องติดตามต่อไป เพราะทั้ง ‘3ส.’ ต่างเคยร่วมชายคายุค ‘พรรคไทยรักไทย-รบ.ทักษิณ’ รู้จักมักคุ้นกันมา 20 ปี เรียกว่าภาพจำสมัย ‘ไทยรักไทย’ ถูกพลิกฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ย้อนกลับไป 20 ปีก่อน ‘ทักษิณ’ ที่เป็นเจ้าพ่อ ‘ตลาดการเมือง-สร้างแบรนด์’ ได้ปั้นพรรคไทยรักไทยขึ้นมา ที่มีภาพของ ‘เทคโนแครต’ เข้ามาในพรรค และสร้างภาพให้พรรคมุ่งเน้นเรื่อง ‘เศรษฐกิจ’ ที่สุดท้ายกลายเป็น ‘ชุดนโยบายประชานิยม’ ขึ้นมา ทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับกระแสนิยมอย่างมาก ควบคู่กระแส ‘ทักษิณฟีเวอร์’ ที่มาพร้อมแรงต้าน ‘ระบอบทักษิณ’ เป็นอันทำให้พรรคไทยรักไทยถึงจุดอวสาน ขุนพลอดีต ‘ไทยรักไทย’ ผึ้งแตกรัง ไปตามเส้นทางของตัวเอง
ดังนั้นภาพของว่าที่ ‘พรรคสร้างไทย’ จึงมีเค้าลางภาพอาจไม่ต่างจาก ‘พรรคไทยรักไทย’ ส่วนจะยิ่งใหญ่เทียบเท่าหรือไม่ หากดูจาก ‘บริบทการเมือง’ 20 ปีที่ผ่านมา ระบบเลือกตั้ง-รธน.60 ก็เป็นเรื่องยาก เพราะ ‘ระบบการเมือง’ ถูกออกแบบมาทำให้ ‘สถาบันพรรคการเมือง’ อ่อนแอ
ส่วนผสมของ ‘ไทยสร้างไทย-สร้างอนาคตไทย’ มีความลงระดับหนึ่ง โดยซีกของพรรคสร้างอนาคตไทย มีภาพของ ‘เทคโนแครต’ ผ่านภาพจำ ‘สี่กุมาร’ ในอดีต นำโดย ‘อุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ ฝั่งพรรคไทยสร้างไทย มีภาพการเมือง-บ้านใหญ่ ผ่านเครือข่าย ‘คุณหญิงหน่อย’ แต่ในความมี ‘จุดแข็ง’ ต่างกัน ก็มี ‘จุดอ่อน’ ที่เคลียร์กันไม่ลงตัว หนึ่งในนั้นคือการแก้ปัญหา ‘พื้นที่ทับซ้อน’ ในการส่งผู้สมัคร ส.ส. ที่แต่ละฝั่งมีอยู่ จึงเกิดแรงต้านระดับพื้นที่ขึ้นมา
ดังนั้นการแถลงข่าวร่วมโต๊ะอาหาร จึงทำได้เป็นประกาศเป็น ‘พันธมิตร’ ยังไม่พัฒนาเป็น ‘ควบรวมพรรค’ เพราะต้องคุยรายละเอียดอีกหลายเรื่อง ทำให้ท่าทีในการมาแถลงข่าวดูยัง ‘ไว้เชิง-เล่นแง่’ ใส่กัน ไม่มีภาพ ‘จับมือ’ ปรากฏให้เห็น
อย่างไรก็ตามบรรดาแกนนำทั้ง 2 พรรค ย้ำตรงกันว่า เป็นไป ‘ทีละขั้นก่อน’ ซึ่งต่อไปจะเป็นการพูดคุย ‘นโยบาย’ ร่วมกัน และมีจุดยืนร่วมกันในการเป็น ‘พรรคขั้วที่ 3’ ที่ไปได้กับทุกฝ่าย ท่ามกลางบริการเมืองที่แบ่งฝ่ายเป็น 2 ขั้ว ทำให้พรรคตระกูล ส. พยายามชูเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่ด้วยระยะเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่ ‘โหมดเลือกตั้ง’ ถือเป็นแรงบีบให้ทั้ง ‘2ส.’ ต้องรีบเคลียร์ให้จบ
ปลุกพลัง ‘ขั้วที่ 3’ ฝ่ามรสุมเมืองไทย ตั้งไข่พรรค ‘ตระกูล ส.’ ผุดโมเดล ‘ไทยรักไทย’ ผนึกกำลัง ‘เทคโนแครต-นักเลือกตั้ง’
ลากเกม ‘ดีลหนีตาย’ ข้ามปี เคลียร์ระดับพื้นที่ไม่จบ ระดับหัวเดินต่อยาก ปรากฏภาพ ‘ไว้เชิง-เล่นแง่’ ใส่กัน
