











สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดงานสัมมนา บทบาท หน้าที่ของ สส.กับการสนับสนุนการดำเนินงานและการให้บริการกับ สส. โดยมี สส.จากทุกพรรคการเมืองมาร่วมงานสัมมนาครั้งนี้
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง เกร็ดปฏิบัติรัฐสภาไทย ตอนหนึ่งว่า ตนเป็น สส. มา 44 ปี หรือ 11 สมัย ตนขอพูดในฐานะเป็นสส.รุ่นพี่ ไม่ใช่ประธานสภาฯ ดังนั้นขอพูดด้วยความเป็นกันเอง ทั้งนี้ตนเชื่อว่ามีที่มาและที่ไปเหมือนกัน คือ สมัครใจเป็นผู้แทนของประชาชน และตระเวนหาเสียงสนับสนุนจากประชาชน ฐานะเจ้าของอำนาจ การทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร คือ ผู้แทนเท่านั้น ส่วนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงไม่ได้เข้ามา ดังนั้นต้องไม่ลืมว่า อำนาจอธิปไตยที่สส.มี มาจากประชาชน และสส.คือ ผู้แทนเท่านั้น หากมองว่าประชาชนคือผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งถือว่าเข้าใจผิดในหลักประชาธิปไตย หาก สส.ไม่ลืม เมื่อสงสัยให้ถามประชาชนจะไม่หลงผิด หากยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง อาจจะผิดน้อยหรือไม่ผิดเลย
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เมื่อได้เป็นผู้แทน อย่าเบื่อการประชุมสภา ทั้งนี้ตนอยากให้สส. มีความตั้งใจและความพยายามในการทำงาน ทั้งความอยากเป็น รองประธานสภา อยากเป็นประธานสภา หรือ รัฐมนตรี อยากให้มุ่งมั่น ตั้งใจทำงาน และตนเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ
“ชีวิตผู้แทนไม่มีใครเหนือใคร เป็น 4 ปีต้องไปเลือกตั้ง ไปหาประชาชน บางคนได้กลับมาอีก แต่บางคนความพยายามไม่ถึง คะแนนไม่ถึง ไม่ได้กลับมาอีก น่าเสียดาย แต่บางคนหยุดไป เพราะแปลงร่างเป็นงูเห่า ผมอยู่ในกระบวนการนี้มานาน ไม่เคยเห็นงูเห่าหลุดเข้าสภาอีกเลย ที่ผ่านมามี 40 คนที่แปลงร่าง ไม่เห็นได้กลับมา การเป็นสส.อย่าแปลงร่าง แม้เฉพาะหน้าดูดี มีความสุข แต่ระยะยาวไม่มีใครมีความสุข และพบกับความล้มเหลว สมัยนี้ยังดีที่เปรียบเป็น งู สมัยก่อน สส.ที่ย้ายพรรคถูกมองว่า โสเภณี ขายตัว เรียกว่า เป็นสส.หนังหมา เอาหมาขี้เรื้อน เขียนชื่อและปล่อยที่บริเวณหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม” วันมูหะมัดนอร์ กล่าว
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า สส.ต้องปรับตัวตามบริบทสังคม หากไม่เปลี่ยนตามบริบทของสังคมอาจแพ้และไม่ได้กลับเข้ามาสภาฯ อีก ซึ่งในสมัยก่อนมีตัวอย่างให้เห็นเช่น ‘สมัคร สุนทรเวช’ ที่ชนะ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในพื้นที่กทม. เขตดุสิต ทั้งนี้ในช่วงที่ ‘สมัคร’เป็นฝ่ายค้านและตนเป็นประธานสภาฯ มักมีความหนักใจ เพราะพูดไม่หยุด ไม่ต่ำครั้งละ 1 ชั่วโมง เนื่องจากไม่มีจำกัดเวลา ทั้งนี้ ตนและปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ช่วยกันคิดว่า ขอให้ได้ประสิทธิภาพในการออกกฎหมาย แม้จะพูดน้อยแต่ขอให้ได้ประสิทธิภาพในการออกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนมีอดีตสส.ที่เคารพ คือ บุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีตสส.แม่ฮ่องสอน และ ลำปาง รวม 18 สมัย ได้เป็นสส.สมัยแรก เมื่ออายุ 25 ปี ที่ จ.แม่ฮ่องสอน เหตุผลสำคัญคือ เป็นผู้สมัครสส.เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นถูกตัดสิทธิ์ เพราะขนาดของรูปถ่ายที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งเกินขนาด และจากนั้นลงสมัครที่จ.ลำปาง ได้เป็นผู้แทน 17 สมัย ตนเคยถามถึงเหตุผล จึงทราบว่า บุญเท่ง มีภรรยาทุกอำเภอในเขตเลือกตั้ง เพื่อให้ช่วยเป็นหัวคะแนน อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้ผู้แทนปัจจุบัน เอาแบบอย่าง เพราะอาจเกิดปัญหา เพราะมีสมัยหนึ่ง ที่พบว่า มีภรรยาหลวง มารอสามีที่เป็นประธานสภาฯ แต่สามีไม่ทราบจึงพาภรรยาน้อย ทำให้เกิดเรื่องทะเลาะ และถูกตีข่าวไปทั่ว
วันมูหะมัดนอร์ ยังเล่าถึงอดีต พร้อมเตือนสส. บางคนที่อยากเป็นเพื่อน อยากเป็นกิ๊ก แล้วไปจีบสาว สมัยก่อนมีมาดักรอที่หน้าบันไดสภา จนสุดท้ายต้องมีการจ้างคนหล่อมาจีบ ทั้งนี้ ถ้าอยากเป็นสส.หลายสมัยต้องทำตัวเหมือนรวงข้าว ที่เมล็ดไม่ลีบ น้อมลงดิน ไม่หยิ่งผยอง เหมือนสส.ที่เข้าหาประชาชน ไม่ใช่ตั้งตรงแล้วเป็นนักเลงตลาด นอกจากนี้ ยังยกตัวอย่าง ฉลาด วรฉัตร นักเคลื่อนไหวที่อดข้าวประท้วง ที่เผลอไปพูดขอลาออกจากสส. แม้วันรุ่งขึ้นจะเปลี่ยนใจแต่ความเป็นผู้แทนฯพ้นจากหน้าที่ เมื่อแสดงความประสงค์ แม้จะยังไม่ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาฯก็ตาม จึงฝากเตือนสส.ทุกคนให้ระมัดระวัง
ประธานสภาฯ ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงการปฏิวัติทั้ง 13 ครั้งของประเทศไทยว่า การเปลี่ยนรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่ต้องแก้ด้วยระบอบประชาธิปไตย ด้วยระบบรัฐสภา 4 ปีไม่ดีเปลี่ยนได้ ไม่ใช่การปฏิวัติใช้อำนาจนอกระบบมาแก้ไข
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง เกร็ดปฏิบัติรัฐสภาไทย ตอนหนึ่งว่า ตนเป็น สส. มา 44 ปี หรือ 11 สมัย ตนขอพูดในฐานะเป็นสส.รุ่นพี่ ไม่ใช่ประธานสภาฯ ดังนั้นขอพูดด้วยความเป็นกันเอง ทั้งนี้ตนเชื่อว่ามีที่มาและที่ไปเหมือนกัน คือ สมัครใจเป็นผู้แทนของประชาชน และตระเวนหาเสียงสนับสนุนจากประชาชน ฐานะเจ้าของอำนาจ การทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร คือ ผู้แทนเท่านั้น ส่วนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงไม่ได้เข้ามา ดังนั้นต้องไม่ลืมว่า อำนาจอธิปไตยที่สส.มี มาจากประชาชน และสส.คือ ผู้แทนเท่านั้น หากมองว่าประชาชนคือผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งถือว่าเข้าใจผิดในหลักประชาธิปไตย หาก สส.ไม่ลืม เมื่อสงสัยให้ถามประชาชนจะไม่หลงผิด หากยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง อาจจะผิดน้อยหรือไม่ผิดเลย
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เมื่อได้เป็นผู้แทน อย่าเบื่อการประชุมสภา ทั้งนี้ตนอยากให้สส. มีความตั้งใจและความพยายามในการทำงาน ทั้งความอยากเป็น รองประธานสภา อยากเป็นประธานสภา หรือ รัฐมนตรี อยากให้มุ่งมั่น ตั้งใจทำงาน และตนเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ
“ชีวิตผู้แทนไม่มีใครเหนือใคร เป็น 4 ปีต้องไปเลือกตั้ง ไปหาประชาชน บางคนได้กลับมาอีก แต่บางคนความพยายามไม่ถึง คะแนนไม่ถึง ไม่ได้กลับมาอีก น่าเสียดาย แต่บางคนหยุดไป เพราะแปลงร่างเป็นงูเห่า ผมอยู่ในกระบวนการนี้มานาน ไม่เคยเห็นงูเห่าหลุดเข้าสภาอีกเลย ที่ผ่านมามี 40 คนที่แปลงร่าง ไม่เห็นได้กลับมา การเป็นสส.อย่าแปลงร่าง แม้เฉพาะหน้าดูดี มีความสุข แต่ระยะยาวไม่มีใครมีความสุข และพบกับความล้มเหลว สมัยนี้ยังดีที่เปรียบเป็น งู สมัยก่อน สส.ที่ย้ายพรรคถูกมองว่า โสเภณี ขายตัว เรียกว่า เป็นสส.หนังหมา เอาหมาขี้เรื้อน เขียนชื่อและปล่อยที่บริเวณหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม” วันมูหะมัดนอร์ กล่าว
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า สส.ต้องปรับตัวตามบริบทสังคม หากไม่เปลี่ยนตามบริบทของสังคมอาจแพ้และไม่ได้กลับเข้ามาสภาฯ อีก ซึ่งในสมัยก่อนมีตัวอย่างให้เห็นเช่น ‘สมัคร สุนทรเวช’ ที่ชนะ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในพื้นที่กทม. เขตดุสิต ทั้งนี้ในช่วงที่ ‘สมัคร’เป็นฝ่ายค้านและตนเป็นประธานสภาฯ มักมีความหนักใจ เพราะพูดไม่หยุด ไม่ต่ำครั้งละ 1 ชั่วโมง เนื่องจากไม่มีจำกัดเวลา ทั้งนี้ ตนและปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ช่วยกันคิดว่า ขอให้ได้ประสิทธิภาพในการออกกฎหมาย แม้จะพูดน้อยแต่ขอให้ได้ประสิทธิภาพในการออกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนมีอดีตสส.ที่เคารพ คือ บุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีตสส.แม่ฮ่องสอน และ ลำปาง รวม 18 สมัย ได้เป็นสส.สมัยแรก เมื่ออายุ 25 ปี ที่ จ.แม่ฮ่องสอน เหตุผลสำคัญคือ เป็นผู้สมัครสส.เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นถูกตัดสิทธิ์ เพราะขนาดของรูปถ่ายที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งเกินขนาด และจากนั้นลงสมัครที่จ.ลำปาง ได้เป็นผู้แทน 17 สมัย ตนเคยถามถึงเหตุผล จึงทราบว่า บุญเท่ง มีภรรยาทุกอำเภอในเขตเลือกตั้ง เพื่อให้ช่วยเป็นหัวคะแนน อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้ผู้แทนปัจจุบัน เอาแบบอย่าง เพราะอาจเกิดปัญหา เพราะมีสมัยหนึ่ง ที่พบว่า มีภรรยาหลวง มารอสามีที่เป็นประธานสภาฯ แต่สามีไม่ทราบจึงพาภรรยาน้อย ทำให้เกิดเรื่องทะเลาะ และถูกตีข่าวไปทั่ว
วันมูหะมัดนอร์ ยังเล่าถึงอดีต พร้อมเตือนสส. บางคนที่อยากเป็นเพื่อน อยากเป็นกิ๊ก แล้วไปจีบสาว สมัยก่อนมีมาดักรอที่หน้าบันไดสภา จนสุดท้ายต้องมีการจ้างคนหล่อมาจีบ ทั้งนี้ ถ้าอยากเป็นสส.หลายสมัยต้องทำตัวเหมือนรวงข้าว ที่เมล็ดไม่ลีบ น้อมลงดิน ไม่หยิ่งผยอง เหมือนสส.ที่เข้าหาประชาชน ไม่ใช่ตั้งตรงแล้วเป็นนักเลงตลาด นอกจากนี้ ยังยกตัวอย่าง ฉลาด วรฉัตร นักเคลื่อนไหวที่อดข้าวประท้วง ที่เผลอไปพูดขอลาออกจากสส. แม้วันรุ่งขึ้นจะเปลี่ยนใจแต่ความเป็นผู้แทนฯพ้นจากหน้าที่ เมื่อแสดงความประสงค์ แม้จะยังไม่ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาฯก็ตาม จึงฝากเตือนสส.ทุกคนให้ระมัดระวัง
ประธานสภาฯ ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงการปฏิวัติทั้ง 13 ครั้งของประเทศไทยว่า การเปลี่ยนรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่ต้องแก้ด้วยระบอบประชาธิปไตย ด้วยระบบรัฐสภา 4 ปีไม่ดีเปลี่ยนได้ ไม่ใช่การปฏิวัติใช้อำนาจนอกระบบมาแก้ไข