



เสรี กล่าวว่า ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์มีการกระทำที่เป็นการข่มขู่และคุกคาม ทั้งที่การที่สมาชิกวุฒิสภาได้ดำเนินการลงมติไม่เห็นชอบ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลนั้น เป็นการทำหน้าที่ในกระบวนการของรัฐสภา แต่เป็นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและตามกฏหมายที่กำหนดไว้ แต่กลับมีพฤติกรรมที่แสดงความเกลียดชังแสดงความโกรธ ส.ว. จำนวนมาก กระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลกระทบต่อบุคคลในครอบครัว ญาติ ลูก ภรรยา และธุรกิจ กิจการ ส.ว. เห็นว่าพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร ถือเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกด้วยความก้าวร้าวให้ร้ายคนอื่น มีการใช้ถ้อยคำที่หยาบคายดูถูกดูหมิ่น และทำให้เกิดความเกรงกลัว และยังก้าวล่วงไปถึงสถาบันหลายครั้ง
จึงมองได้ว่าสังคมขณะนี้กำลังอ่อนแอ การบังคับใช้กฎหมายไม่มีใครเกรงกลัว ทุกคนจึงอยากจะด่าใครก็ได้อยากจะพูดอะไรก็ได้ แม้แต่ดารานักร้องนักแสดงที่มีความเห็นเกี่ยวกับบ้านเมือง ก็มีการกระทำที่เป็นอันธพาลจนทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ มีการกดดันไปที่ลูกหลานของ ส.ว. ตามโรงเรียนต่างๆ มีการกดดันไม่ให้เด็ก และการกระทำลักษณะนี้ได้ลุกลามไปทั่วทุกพื้นที่ในสังคมไทยจึงถึงเวลาแล้ว ที่ต้องจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น
มีพรรคการเมืองคอยยุยงส่งเสริมอยู่เบื้องหลัง ให้เยาวชนกระทำความผิด อ้างเสรีภาพ แต่ทำผิดกฎหมาย จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบัน จนสุดท้ายต้องโดนดำเนินคดีและเสียอนาคต ดังนั้นใครที่ละเมิด ให้ร้ายคนอื่นด้วยถ้อยคำที่รุนแรงต้องรับผิดชอบ
เสรี กล่าวว่า วันนี้ตน เริ่มต้นดำเนินคดี กระปุกคนที่ให้ร้ายดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่น โดยดำเนินการยื่นฟ้องเอาผิดกับบุคคลสองคน ไว้เป็นตัวอย่างแล้ว คือ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และ ทนายอั๋น ภัทรพงศ์ ศุภักษร 2 ทนายความที่มีชื่อเสียง เป็นการฟ้องเพื่อให้สังคมได้ตื่น จะได้มีความรู้ความเข้าใจว่าเสรีภาพเป็นของทุกคน ใครละเมิดทำร้ายคนอื่นด้วยถ้อยคำที่รุนแรงย่อมต้องรับผิดชอบ และต่อไปจะเอาผิดทางอาญาและทางแพ่ง กลับกลุ่มบุคคลในโซเชียลมีเดียด้วย
“ตอนนี้เราจะตรวจสอบให้หมดใครไปทำร้ายกิจการงานของ ส.ว. หรือใครไปทำร้ายกิจการงานของใคร เราก็จะดำเนินคดีให้หมด ซึ่งนอกจากการฟ้องร้องคดีแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดีด้วย เบื้องต้นได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะดำเนินคดีเอาผิดเอาโทษ กลับไอ้คนป่า ที่อยากจะพูดอะไรก็ได้ อยากจะให้ร้ายอะไรก็ได้ หรือทำให้ใครเสียหายอย่างไรก็ได้ สังคมจะได้ตื่นตัวจะได้รับผิดชอบร่วมกัน เราต้องช่วยกันและกล้าที่จะออกมาต่อสู้กับคนพวกนี้ ถ้าท่านกลัวสังคมก็เสื่อมประชาชนก็อยู่อย่างไม่มีความสุข”
เสรี เปิดเผยด้วยว่าส่วนตัวโดน บูลลี่ให้ร้ายกิจการ ตลาดเสรี มีการส่งข้อความมาคุกคามแม่ค้าในตลาด รวมถึงลูกค้าในตลาด ส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่โง่ไม่ฉลาด เพราะบรรดาพ่อค้าแม่ค้าคือพวกที่ลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองพรรคนี้ ลูกค้าที่มาใช้บริการตลาดของตนก็ลงเลือกตั้งให้กับพรรคนี้ นอกจากกิจการของตนเองแล้วยังมีกิจการมากมายของวุฒิสมาชิก ก็ได้รับผลกระทบด้วย
ขณะที่ สมชาย แสวงการ สมาชิก ส.ว. กล่าวว่า ยังมี ส.ว. จำนวนมาก ที่ไม่ได้มาวันนี้ หลายคนเป็นหนักกฎหมาย ทุกคนเห็นตรงกันว่าจะไม่ปล่อยให้สภาพสังคมเป็นแบบนี้ ปล่อยให้เกิดการคุกคามไปถึงครอบครัว ของ ส.ว. 250 คน ซึ่งขณะนี้ส.ว.อยู่ระหว่างรวบรวม ข้อมูลการถูกคุกคามของแต่ละคนมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็อยู่ระหว่างการตรวจค้น แอคหลุมต่างๆ ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้เจอตัวหมดแล้วว่าใคร เป็นเจ้าของ Account
จากนั้นจะมีการฟ้องร้องคดีเอาผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบว่ามีเครื่องมือที่เป็นกลไกของพรรคการเมืองบางพรรค ใช้ AI หรือ Robot ในการโจมตี โดยที่ภาครัฐตามไม่ทัน ดังนั้นบุคคลใดที่ใช้แอคหลุม ตามเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ร่วมกับ กลไก Robot เหล่านี้ จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด จะไม่มีการเอาดอกไม้เอากระเช้ามาขอขมาขอโทษ พร้อมเตือนไปยังพี่น้องประชาชนที่เข้าไปหลงผิดตามการปลุกระดม ของนักการเมือง ว่าให้หยุดการกระทำดังกล่าว
จึงมองได้ว่าสังคมขณะนี้กำลังอ่อนแอ การบังคับใช้กฎหมายไม่มีใครเกรงกลัว ทุกคนจึงอยากจะด่าใครก็ได้อยากจะพูดอะไรก็ได้ แม้แต่ดารานักร้องนักแสดงที่มีความเห็นเกี่ยวกับบ้านเมือง ก็มีการกระทำที่เป็นอันธพาลจนทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ มีการกดดันไปที่ลูกหลานของ ส.ว. ตามโรงเรียนต่างๆ มีการกดดันไม่ให้เด็ก และการกระทำลักษณะนี้ได้ลุกลามไปทั่วทุกพื้นที่ในสังคมไทยจึงถึงเวลาแล้ว ที่ต้องจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น
มีพรรคการเมืองคอยยุยงส่งเสริมอยู่เบื้องหลัง ให้เยาวชนกระทำความผิด อ้างเสรีภาพ แต่ทำผิดกฎหมาย จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบัน จนสุดท้ายต้องโดนดำเนินคดีและเสียอนาคต ดังนั้นใครที่ละเมิด ให้ร้ายคนอื่นด้วยถ้อยคำที่รุนแรงต้องรับผิดชอบ
เสรี กล่าวว่า วันนี้ตน เริ่มต้นดำเนินคดี กระปุกคนที่ให้ร้ายดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่น โดยดำเนินการยื่นฟ้องเอาผิดกับบุคคลสองคน ไว้เป็นตัวอย่างแล้ว คือ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และ ทนายอั๋น ภัทรพงศ์ ศุภักษร 2 ทนายความที่มีชื่อเสียง เป็นการฟ้องเพื่อให้สังคมได้ตื่น จะได้มีความรู้ความเข้าใจว่าเสรีภาพเป็นของทุกคน ใครละเมิดทำร้ายคนอื่นด้วยถ้อยคำที่รุนแรงย่อมต้องรับผิดชอบ และต่อไปจะเอาผิดทางอาญาและทางแพ่ง กลับกลุ่มบุคคลในโซเชียลมีเดียด้วย
“ตอนนี้เราจะตรวจสอบให้หมดใครไปทำร้ายกิจการงานของ ส.ว. หรือใครไปทำร้ายกิจการงานของใคร เราก็จะดำเนินคดีให้หมด ซึ่งนอกจากการฟ้องร้องคดีแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดีด้วย เบื้องต้นได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะดำเนินคดีเอาผิดเอาโทษ กลับไอ้คนป่า ที่อยากจะพูดอะไรก็ได้ อยากจะให้ร้ายอะไรก็ได้ หรือทำให้ใครเสียหายอย่างไรก็ได้ สังคมจะได้ตื่นตัวจะได้รับผิดชอบร่วมกัน เราต้องช่วยกันและกล้าที่จะออกมาต่อสู้กับคนพวกนี้ ถ้าท่านกลัวสังคมก็เสื่อมประชาชนก็อยู่อย่างไม่มีความสุข”
เสรี เปิดเผยด้วยว่าส่วนตัวโดน บูลลี่ให้ร้ายกิจการ ตลาดเสรี มีการส่งข้อความมาคุกคามแม่ค้าในตลาด รวมถึงลูกค้าในตลาด ส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่โง่ไม่ฉลาด เพราะบรรดาพ่อค้าแม่ค้าคือพวกที่ลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองพรรคนี้ ลูกค้าที่มาใช้บริการตลาดของตนก็ลงเลือกตั้งให้กับพรรคนี้ นอกจากกิจการของตนเองแล้วยังมีกิจการมากมายของวุฒิสมาชิก ก็ได้รับผลกระทบด้วย
ขณะที่ สมชาย แสวงการ สมาชิก ส.ว. กล่าวว่า ยังมี ส.ว. จำนวนมาก ที่ไม่ได้มาวันนี้ หลายคนเป็นหนักกฎหมาย ทุกคนเห็นตรงกันว่าจะไม่ปล่อยให้สภาพสังคมเป็นแบบนี้ ปล่อยให้เกิดการคุกคามไปถึงครอบครัว ของ ส.ว. 250 คน ซึ่งขณะนี้ส.ว.อยู่ระหว่างรวบรวม ข้อมูลการถูกคุกคามของแต่ละคนมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็อยู่ระหว่างการตรวจค้น แอคหลุมต่างๆ ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้เจอตัวหมดแล้วว่าใคร เป็นเจ้าของ Account
จากนั้นจะมีการฟ้องร้องคดีเอาผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบว่ามีเครื่องมือที่เป็นกลไกของพรรคการเมืองบางพรรค ใช้ AI หรือ Robot ในการโจมตี โดยที่ภาครัฐตามไม่ทัน ดังนั้นบุคคลใดที่ใช้แอคหลุม ตามเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ร่วมกับ กลไก Robot เหล่านี้ จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด จะไม่มีการเอาดอกไม้เอากระเช้ามาขอขมาขอโทษ พร้อมเตือนไปยังพี่น้องประชาชนที่เข้าไปหลงผิดตามการปลุกระดม ของนักการเมือง ว่าให้หยุดการกระทำดังกล่าว