เสร็จสิ้นการโหวต ‘เศรษฐา ทวีสิน’ มาถึงฝัน ได้เป็น นายกฯ คนที่ 30 แต่งานนี้ทิ้งร่องรอยต่างๆไว้ โดยเฉพาะ ‘การแตกหัก’ ระหว่าง 2 ลุง ด้วยกันเอง โดยเฉพาะคะแนนซีก สว. ที่แตกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ระหว่าง ‘เห็นชอบ’ กับ ‘งดออกเสียง’ หากเช็คเสียง สว. เห็นชอบ 152 เสียง งดออกเสียง 68 เสียง ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงที่สื่อเคยรายงานว่า สว. สายไทยคู่ฟ้า มีอยู่ราว 150 เสียง ส่วน สว. สายป่ารอยต่อ มีอยู่ราว 50-60 เสียง
ทั้งนี้มีรายงานว่า ‘เพื่อไทย’ ปิดยอด สว. ได้ช่วงวันที่ 19-20 ส.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 150 เสียง ที่จะสนับสนุน ‘เศรษฐา’ เป็น นายกฯ ซึ่งเป็นเสียงซีก ‘ไทยคู่ฟ้า’ ที่ยกให้ หลัง ‘เพื่อไทย’ เคลียร์โควต้า-กระทรวง เก้าอี้รัฐมนตรี ลงตัวแล้วกับ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ แต่ในซีก ‘ป่ารอยต่อ’ ไม่ลงตัว จนมาถึงวันที่ 21 ส.ค. ที่มีการแถลงข่าว 11 พรรคร่วมรัฐบาล ที่รวมแล้ว 314 เสียง ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. กับ ‘สันติ พร้อมพัฒน์’ รองหัวหน้า พปชร. ตัวแทน ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร. ไปร่วมแถลงข่าว
เรียกว่า ‘ม้วนเดียวจบ’ สำหรับ ‘ขั้วเพื่อไทย’ ที่ได้รับ ‘ทักษิณ’ กลับมาไทย ตามกำหนด 22 ส.ค. ด้วย ได้ ‘อำนาจรัฐ’ มาอยู่ในมือ แต่ในซีก ‘ขั้วชนชั้นนำ’ ก็ได้ ‘ทักษิณ’ มาเป็น ‘ตัวประกันการเมือง’ เรียกว่า ‘สมประโยชน์’ ทั้งคู่ และเกือบทำให้ พปชร. ตก ‘ขบวนอำนาจ’ ครั้งนี้ด้วย
ซึ่งในความเป็นจริง ‘เพื่อไทย’ ไม่ต้องพึ่งเสียง พปชร. ก็ได้ เพราะได้เสียง ‘ขั้วรัฐบาลเดิม - สว.สายไทยคู่’ ก็เพียงพอแล้ว ทำให้ซีก พปชร. ขยับตั้งแต่สัปดาห์ก่อน จะยกมือให้ ‘เศรษฐา’ เพื่อ ‘จองโควต้า รมต.’ ไว้ก่อน กลัวจะตกขบวนอำนาจไป เพราะ พปชร. ‘ตั้งเงื่อนไขสูง’ ต้องการได้ รมว.มหาดไทย และ รมว.เกษตรฯ และไม่พอใจที่ได้เก้าอี้ รมต. แค่ 4 เก้าอี้ เท่ากับ รทสช. ทั้งที่ได้เก้าอี้ สส. มากกว่า 4 ที่นั่ง
ในแง่หนึ่งก็เป็น ‘ภาพสะท้อน’ ว่า ‘ขั้วป่ารอยต่อ’ ไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ยังมี ‘ขั้วอำนาจ’ อื่นๆ ที่ผงาดขึ้นมา ‘วัดพลัง-ต่อรอง’ ในสนามการเมืองต่อจากนี้ ที่สุดท้ายทุกอย่าง ‘ดีลลงตัว’ หลังใช้เวลามากว่า 2 เดือน ระหว่าง ‘ขั้วทักษิณ-ขั้วไทยคู่ฟ้า’
ที่ผ่านมามีการมองว่า ‘ขั้วบ้านป่ารอยต่อ’ จะทำหน้าที่ ‘รับประกันทักษิณ’ ในการกลับมาอย่างปลอดภัย รวมทั้งการ ‘ดีลอำนาจ’ ต่างๆ แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น สะท้อนว่า ‘ขั้วป่ารอยต่อ’ กำลังโดนท้าทายจาก ‘ขั้วอำนาจ’ อื่นๆ ที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้เช่นกัน ทำให้ ‘บิ๊กป้อม’ ถึงกับไม่ไปร่วมประชุมสภาฯ ในการรโหวตนายกฯ และลาประชุม ครม. เพราะงานนี้ว่ากันว่า ‘บิ๊กป้อม’ อยู่ในสภาวะ ‘เสียศูนย์’ พอสมควร และ ‘ไม่พอใจ’ กับสิ่งที่เกิดขึ้น
งานนี้ว่ากันว่าเก้าอี้ ‘รัฐมนตรี’ ซีกของ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ อาจได้ ‘เกรดงาม’ มากกว่า ‘พลังประชารัฐ’ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ‘ขั้วบ้านป่ารอย’ จึงอยู่ในสภาวะต้อง ‘กลืนเลือด’ รวมทั้งเป็นการ ‘ดับฝัน’ พล.อ.ประวิตร ในการเป็น นายกฯ คนที่ 30 และทำให้ ‘บิ๊กป้อม’ ต้องไปทำการเมือง ‘หลังม่าน’ แทน พร้อมดันให้ ‘ป.ป็อด’พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย ขึ้นมา ‘เปิดหน้า’ ทำการเมืองแทน
ทั้งนี้มีรายงานว่า ‘เพื่อไทย’ ปิดยอด สว. ได้ช่วงวันที่ 19-20 ส.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 150 เสียง ที่จะสนับสนุน ‘เศรษฐา’ เป็น นายกฯ ซึ่งเป็นเสียงซีก ‘ไทยคู่ฟ้า’ ที่ยกให้ หลัง ‘เพื่อไทย’ เคลียร์โควต้า-กระทรวง เก้าอี้รัฐมนตรี ลงตัวแล้วกับ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ แต่ในซีก ‘ป่ารอยต่อ’ ไม่ลงตัว จนมาถึงวันที่ 21 ส.ค. ที่มีการแถลงข่าว 11 พรรคร่วมรัฐบาล ที่รวมแล้ว 314 เสียง ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. กับ ‘สันติ พร้อมพัฒน์’ รองหัวหน้า พปชร. ตัวแทน ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร. ไปร่วมแถลงข่าว
เรียกว่า ‘ม้วนเดียวจบ’ สำหรับ ‘ขั้วเพื่อไทย’ ที่ได้รับ ‘ทักษิณ’ กลับมาไทย ตามกำหนด 22 ส.ค. ด้วย ได้ ‘อำนาจรัฐ’ มาอยู่ในมือ แต่ในซีก ‘ขั้วชนชั้นนำ’ ก็ได้ ‘ทักษิณ’ มาเป็น ‘ตัวประกันการเมือง’ เรียกว่า ‘สมประโยชน์’ ทั้งคู่ และเกือบทำให้ พปชร. ตก ‘ขบวนอำนาจ’ ครั้งนี้ด้วย
ซึ่งในความเป็นจริง ‘เพื่อไทย’ ไม่ต้องพึ่งเสียง พปชร. ก็ได้ เพราะได้เสียง ‘ขั้วรัฐบาลเดิม - สว.สายไทยคู่’ ก็เพียงพอแล้ว ทำให้ซีก พปชร. ขยับตั้งแต่สัปดาห์ก่อน จะยกมือให้ ‘เศรษฐา’ เพื่อ ‘จองโควต้า รมต.’ ไว้ก่อน กลัวจะตกขบวนอำนาจไป เพราะ พปชร. ‘ตั้งเงื่อนไขสูง’ ต้องการได้ รมว.มหาดไทย และ รมว.เกษตรฯ และไม่พอใจที่ได้เก้าอี้ รมต. แค่ 4 เก้าอี้ เท่ากับ รทสช. ทั้งที่ได้เก้าอี้ สส. มากกว่า 4 ที่นั่ง
ในแง่หนึ่งก็เป็น ‘ภาพสะท้อน’ ว่า ‘ขั้วป่ารอยต่อ’ ไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ยังมี ‘ขั้วอำนาจ’ อื่นๆ ที่ผงาดขึ้นมา ‘วัดพลัง-ต่อรอง’ ในสนามการเมืองต่อจากนี้ ที่สุดท้ายทุกอย่าง ‘ดีลลงตัว’ หลังใช้เวลามากว่า 2 เดือน ระหว่าง ‘ขั้วทักษิณ-ขั้วไทยคู่ฟ้า’
ที่ผ่านมามีการมองว่า ‘ขั้วบ้านป่ารอยต่อ’ จะทำหน้าที่ ‘รับประกันทักษิณ’ ในการกลับมาอย่างปลอดภัย รวมทั้งการ ‘ดีลอำนาจ’ ต่างๆ แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น สะท้อนว่า ‘ขั้วป่ารอยต่อ’ กำลังโดนท้าทายจาก ‘ขั้วอำนาจ’ อื่นๆ ที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้เช่นกัน ทำให้ ‘บิ๊กป้อม’ ถึงกับไม่ไปร่วมประชุมสภาฯ ในการรโหวตนายกฯ และลาประชุม ครม. เพราะงานนี้ว่ากันว่า ‘บิ๊กป้อม’ อยู่ในสภาวะ ‘เสียศูนย์’ พอสมควร และ ‘ไม่พอใจ’ กับสิ่งที่เกิดขึ้น
งานนี้ว่ากันว่าเก้าอี้ ‘รัฐมนตรี’ ซีกของ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ อาจได้ ‘เกรดงาม’ มากกว่า ‘พลังประชารัฐ’ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ‘ขั้วบ้านป่ารอย’ จึงอยู่ในสภาวะต้อง ‘กลืนเลือด’ รวมทั้งเป็นการ ‘ดับฝัน’ พล.อ.ประวิตร ในการเป็น นายกฯ คนที่ 30 และทำให้ ‘บิ๊กป้อม’ ต้องไปทำการเมือง ‘หลังม่าน’ แทน พร้อมดันให้ ‘ป.ป็อด’พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย ขึ้นมา ‘เปิดหน้า’ ทำการเมืองแทน