‘เศรษฐา’ พบ ตัวแทนสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ รับฟังข้อเสนอนโยบาย พร้อมระบุ รีแบรนด์เพื่อไทย ไม่ใช่เเค่ภาพลักษณ์ แต่เป็นวิธีการทำงาน คาดชัด 1-2 สัปดาห์นี้ ขณะให้กำลังใจ ‘พิธา’ ปมถือหุ้นสื่อ หวังจบลงด้วยดี ห่วงเงินสนับสนุนสโมสรฟุตบอลน้อย ทำพัฒนาลำบาก
ตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ Taxi เข้าหารือและเสนอนโยบายเกี่ยวกับการจัดการสหกรณ์ Taxi ต่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย
โดยวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย กล่าวว่า ดีใจที่ได้รับโอกาสในการมาให้ข้อมูล เพราะไม่เคยได้รับโอกาสลักษณะนี้มาก่อน ครั้งนี้มีความคาดหวังว่า พรรคเพื่อไทยจะนำปัญหาทั้งหมดไปแก้ไขเชิงนโยบาย ที่ผ่านมาผู้ให้บริการรถแท็กซี่ถูกกำหนดนโยบายที่ไม่ยุติธรรม มีนโยบายที่เปิดให้รถส่วนบุคคลสามารถมาทำแท็กซี่ได้ จึงทำให้กลุ่มผู้ให้บริการแท็กซี่ได้รับผลกระทบอย่างหนักและถูกเอารัดเอาเปรียบ
อีกทั้งในเรื่องพลังงาน ที่ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส แพงขึ้น แต่ค่ามิเตอร์แท็กซี่ ยังคงเริ่มต้นที่ 35 บาทเท่าเดิมมา 10 ปีแล้ว ทำให้ผู้ให้บริการแท็กซี่ขาดทุน จากที่เคยขับวันละ 8 ชั่วโมงก็มีรายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันต้องขับถึงวันละ 14-15 ชั่วโมง ย้ำว่า เราไม่ได้รับความยุติธรรม เชื้อเพลิงประกาศลอยตัว แต่ค่าโดยสารไม่ลอยตัว มองว่า เป็นการเอาแท็กซี่ป้ายเหลืองมาหมักหมมไว้ จนวันนี้แท็กซี่ขาดทุน จึงสอบถามว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐบาลชุดใหม่จะมีนโยบายสนุบสนุนให้รถแท็กซี่ใช้ระบบพลังงานไฟฟ้า
ด้านเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้พี่น้องสหกรณ์แท็กซี่เดือดร้อนใจ ช่วงหาเสียงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ตนคิดว่าหากเกิดการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น และพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายจากว่าที่นายกฯให้ดูแลกระทรวงคมนาคม เชื่อว่าปัญหาหลายอย่างจะสามารถแก้ไขได้โดยเร็ว
เมื่อถามว่า การจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าจะมีช่วงไตรมาส 3 ช่วงปลายหรือเมื่อไหร่ เศรษฐา กล่าวว่า อันนี้เป็นความคาดหวังของตนเอง ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียด หวังว่าจะให้จบในเร็วๆ นี้ เพราะพี่น้องสหกรณ์แท็กซี่เดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หรือว่า การแข่งขันจากบริษัทข้ามชาติที่ใช้เทคโนโลยีมา ทำให้เขาสามารถทำกำไรได้ดีกว่า และพี่น้องแท็กซี่รายจ่ายสูง รายได้ต่ำ ต้องทำงานหนักขึ้นถึงวันละ 10- 14 ชั่วโมง ได้เงินกลับบ้านจากการหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว เพียงแค่ 200 กว่าบาท ตรงนี้เป็นหน้าที่ของทางพรรคการเมืองที่จะต้องไปดูแลด้วย
เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมจำเป็นที่พรรคเพื่อไทยต้องได้กระทรวงคมนาคมหรือไม่ หรือการเป็นพรรคร่วมก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ เศรษฐา ระบุว่า ตนเชื่อว่า การแก้ไขปัญหาที่จะเป็นรูปธรรมได้เราต้องได้ดูแลกระทรวงคมนาคม สมมุติหากไม่ได้รับการมอบหมายให้ดูแลกระทรวงคมนาคม ก็เชื่อว่า ว่าที่นายกฯ ก็มีความกังวลเรื่องนี้ และก็จะส่งผ่านไปยังคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในคณะรัฐบาลได้
เศรษฐา ยังกล่าวถึงการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทยว่า เรากำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็ได้รายงานความคืบหน้าต่อ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า 1-2 สัปดาห์ จะแถลงให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนภาพลักษณ์หลังการรีแบรนด์ จะออกมาในรูปแบบใดนั้น เศรษฐา กล่าวว่า อยากให้ใช้คำว่า Transformation เพราะรีแบรนด์ จะหมายถึงภาพลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เฉพาะภาพลักษณ์ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและวิธีคิดด้วย คงต้องใช้เวลาอีกระยะ ย้ำว่าไม่ต้องกังวล เพราะรวดเร็วอย่างเเน่นอน
เศรษฐา ยังปฏิเสธตอบคำถามกรณีหลักฐานหุ้นสื่อ ITV โดยระบุเพียงว่า ตนไม่มีความเห็น เพราะโฟกัสแต่เรื่องในพรรคเพื่อไทย แต่ก็ให้กำลังใจ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล หวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทันทีที่เศรษฐา เดินทางถึงที่ทำการพรรคเพื่อไทย ก็ได้นั่งจิบอเมริกาโน่ไม่ใส่น้ำตาล เมนูโปรด พร้อมพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง
เศรษฐา ยังได้ให้ความเห็นถึงกรณีสมาคมฟุตบอลไทย อนุมัติจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ให้สโมสรสมาชิกในไทยลีกระดับ 3 งวดที่สามเป็นจำนวนเงินทีมละ 63,750 บาทว่า ส่วนตัวก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะหากระดับสโมสรไม่แข็งแรง ทีมชาติเราคงพัฒนาไปไกลไม่ได้อย่างแน่นอน ส่วนสโมสรใหญ่ๆ ส่วนตัวมองไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ เพราะแต่ละทีมก็มีมาตรฐานสูง ซึ่งนั่นก็คือกำลังสำคัญของการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ทั้งนี้ ส่วนตัวคงไม่เข้ามาเป็นที่ปรึกษา หรือให้คำปรึกษากับสมาคมฟุตบอลไทยในอนาคต
เศรษฐา ยังได้ให้กำลังใจนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เย็นวันนี้ มีคิวลงเตะฟุตบอลอุ่นเครื่องกับทีมชาติไต้หวันว่า ขอให้เล่นเต็มที่ ถึงแม้จะเป็นเกมอุ่นเครื่อง แต่ก็มีผลต่อลำดับคะแนนเพราะเป็นแมตช์ฟีฟ่าเดย์ ที่สำคัญจะเป็นการวัดฝีเท้าของนักเตะไทยด้วยว่าเป็นอย่างไร ก่อนเอ่ยปากชมนักเตะไทยว่า มีคนเก่งๆเยอะ หลายคนก็ได้ไปเล่นที่ต่างประเทศทำให้มีประสบการณ์เอามาต่อยอดที่ไทยได้
ช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวได้ถามว่ามีโอกาสที่สื่อมวลชนจะได้เตะฟุตบอลกับเศรษฐาหรือไม่ โดยเศรษฐา ตอบแบบเป็นกันเองว่า ‘วันไหน นัดมาเลยดีกว่า’
ตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ Taxi เข้าหารือและเสนอนโยบายเกี่ยวกับการจัดการสหกรณ์ Taxi ต่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย
โดยวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย กล่าวว่า ดีใจที่ได้รับโอกาสในการมาให้ข้อมูล เพราะไม่เคยได้รับโอกาสลักษณะนี้มาก่อน ครั้งนี้มีความคาดหวังว่า พรรคเพื่อไทยจะนำปัญหาทั้งหมดไปแก้ไขเชิงนโยบาย ที่ผ่านมาผู้ให้บริการรถแท็กซี่ถูกกำหนดนโยบายที่ไม่ยุติธรรม มีนโยบายที่เปิดให้รถส่วนบุคคลสามารถมาทำแท็กซี่ได้ จึงทำให้กลุ่มผู้ให้บริการแท็กซี่ได้รับผลกระทบอย่างหนักและถูกเอารัดเอาเปรียบ
อีกทั้งในเรื่องพลังงาน ที่ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส แพงขึ้น แต่ค่ามิเตอร์แท็กซี่ ยังคงเริ่มต้นที่ 35 บาทเท่าเดิมมา 10 ปีแล้ว ทำให้ผู้ให้บริการแท็กซี่ขาดทุน จากที่เคยขับวันละ 8 ชั่วโมงก็มีรายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันต้องขับถึงวันละ 14-15 ชั่วโมง ย้ำว่า เราไม่ได้รับความยุติธรรม เชื้อเพลิงประกาศลอยตัว แต่ค่าโดยสารไม่ลอยตัว มองว่า เป็นการเอาแท็กซี่ป้ายเหลืองมาหมักหมมไว้ จนวันนี้แท็กซี่ขาดทุน จึงสอบถามว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐบาลชุดใหม่จะมีนโยบายสนุบสนุนให้รถแท็กซี่ใช้ระบบพลังงานไฟฟ้า
ด้านเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้พี่น้องสหกรณ์แท็กซี่เดือดร้อนใจ ช่วงหาเสียงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ตนคิดว่าหากเกิดการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น และพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายจากว่าที่นายกฯให้ดูแลกระทรวงคมนาคม เชื่อว่าปัญหาหลายอย่างจะสามารถแก้ไขได้โดยเร็ว
เมื่อถามว่า การจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าจะมีช่วงไตรมาส 3 ช่วงปลายหรือเมื่อไหร่ เศรษฐา กล่าวว่า อันนี้เป็นความคาดหวังของตนเอง ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียด หวังว่าจะให้จบในเร็วๆ นี้ เพราะพี่น้องสหกรณ์แท็กซี่เดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หรือว่า การแข่งขันจากบริษัทข้ามชาติที่ใช้เทคโนโลยีมา ทำให้เขาสามารถทำกำไรได้ดีกว่า และพี่น้องแท็กซี่รายจ่ายสูง รายได้ต่ำ ต้องทำงานหนักขึ้นถึงวันละ 10- 14 ชั่วโมง ได้เงินกลับบ้านจากการหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว เพียงแค่ 200 กว่าบาท ตรงนี้เป็นหน้าที่ของทางพรรคการเมืองที่จะต้องไปดูแลด้วย
เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมจำเป็นที่พรรคเพื่อไทยต้องได้กระทรวงคมนาคมหรือไม่ หรือการเป็นพรรคร่วมก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ เศรษฐา ระบุว่า ตนเชื่อว่า การแก้ไขปัญหาที่จะเป็นรูปธรรมได้เราต้องได้ดูแลกระทรวงคมนาคม สมมุติหากไม่ได้รับการมอบหมายให้ดูแลกระทรวงคมนาคม ก็เชื่อว่า ว่าที่นายกฯ ก็มีความกังวลเรื่องนี้ และก็จะส่งผ่านไปยังคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในคณะรัฐบาลได้
เศรษฐา ยังกล่าวถึงการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทยว่า เรากำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็ได้รายงานความคืบหน้าต่อ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า 1-2 สัปดาห์ จะแถลงให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนภาพลักษณ์หลังการรีแบรนด์ จะออกมาในรูปแบบใดนั้น เศรษฐา กล่าวว่า อยากให้ใช้คำว่า Transformation เพราะรีแบรนด์ จะหมายถึงภาพลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เฉพาะภาพลักษณ์ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและวิธีคิดด้วย คงต้องใช้เวลาอีกระยะ ย้ำว่าไม่ต้องกังวล เพราะรวดเร็วอย่างเเน่นอน
เศรษฐา ยังปฏิเสธตอบคำถามกรณีหลักฐานหุ้นสื่อ ITV โดยระบุเพียงว่า ตนไม่มีความเห็น เพราะโฟกัสแต่เรื่องในพรรคเพื่อไทย แต่ก็ให้กำลังใจ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล หวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทันทีที่เศรษฐา เดินทางถึงที่ทำการพรรคเพื่อไทย ก็ได้นั่งจิบอเมริกาโน่ไม่ใส่น้ำตาล เมนูโปรด พร้อมพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง
เศรษฐา ยังได้ให้ความเห็นถึงกรณีสมาคมฟุตบอลไทย อนุมัติจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ให้สโมสรสมาชิกในไทยลีกระดับ 3 งวดที่สามเป็นจำนวนเงินทีมละ 63,750 บาทว่า ส่วนตัวก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะหากระดับสโมสรไม่แข็งแรง ทีมชาติเราคงพัฒนาไปไกลไม่ได้อย่างแน่นอน ส่วนสโมสรใหญ่ๆ ส่วนตัวมองไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ เพราะแต่ละทีมก็มีมาตรฐานสูง ซึ่งนั่นก็คือกำลังสำคัญของการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ทั้งนี้ ส่วนตัวคงไม่เข้ามาเป็นที่ปรึกษา หรือให้คำปรึกษากับสมาคมฟุตบอลไทยในอนาคต
เศรษฐา ยังได้ให้กำลังใจนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เย็นวันนี้ มีคิวลงเตะฟุตบอลอุ่นเครื่องกับทีมชาติไต้หวันว่า ขอให้เล่นเต็มที่ ถึงแม้จะเป็นเกมอุ่นเครื่อง แต่ก็มีผลต่อลำดับคะแนนเพราะเป็นแมตช์ฟีฟ่าเดย์ ที่สำคัญจะเป็นการวัดฝีเท้าของนักเตะไทยด้วยว่าเป็นอย่างไร ก่อนเอ่ยปากชมนักเตะไทยว่า มีคนเก่งๆเยอะ หลายคนก็ได้ไปเล่นที่ต่างประเทศทำให้มีประสบการณ์เอามาต่อยอดที่ไทยได้
ช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวได้ถามว่ามีโอกาสที่สื่อมวลชนจะได้เตะฟุตบอลกับเศรษฐาหรือไม่ โดยเศรษฐา ตอบแบบเป็นกันเองว่า ‘วันไหน นัดมาเลยดีกว่า’
