








เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย และ พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย และคณะทำงาน ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน, คนค้าขายและภาคเอกชน ที่ย่านสุทธิสาร โดยเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) จากสถานีเพชรบุรี ไปยังสถานีสุทธิสาร ซึ่งระหว่างไปขึ้่นรถไฟฟ้าใต้ดิน นายกฯ ยังได้แวะสอบถามพูดคัยกับผู้ค้าอาหารและผู้ค้ากลุ่มรถเข็น ซึ่งได้ฝากความหวังนายกฯ แก้ปัญหาด้านต้นทุนสินค้าและราคาค่าก๊าซหุงต้มที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้องปรับขึ้นราคาสินค้าตามไปด้วย
ขณะเดียวกัน มีประชาชนเข้ามาขอถ่ายภาพเซลฟี่กับ เศรษฐา อย่างคึกคักระหว่างไปสถานีเพชรบุรี รวมทั้ง ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมคณะ ยังได้ให้การต้อนรับและร่วมพูดคุยถึงการให้บริการรถไฟฟ้าของประชาชน ระยะเวลาในการเดินทาง การหารายได้ผ่านโฆษณาภายในสถานี ปริมาณผู้โดยสารแต่ละวัน โดยในวันทำการปกติมีประชาชนมาใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ 500,000 คนต่อวัน
ทันทีที่เดินทางถึงตลาดเมืองไทยภัทร ก็มีประชาชนมารอต้อนรับอย่างเนืองแน่น โดยตลอดทางยังมีการขอถ่ายรูปเซลฟี่กับ เศรษฐา เป็นจำนวนมาก พร้อมส่งเสียงเชียร์กันอย่างคึกคัก พร้อมกันนี้ เศรษฐา ยังได้เดินสำรวจราคาสินค้าและสอบถามปัญหาต่างๆ กับบรรดาคนค้าขาย ซึ่งทุกคนได้ฝากให้ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ต้นทุนราคาสินค้าและปากท้องของประชาชน
นอกจากนี้ทาง นวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ยังได้มาต้อนรับพร้อมแนะนำร้านกล้วยทอดเจ้าประจำด้วย ทั้งนี้ เศรษฐา ยังได้แวะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรบริเวณดังกล่าว โดยได้สอบถามการดำเนินชีวิตและสวัสดิการ พร้อมหารือกับ จุลพันธ์ ให้ดูแลเรื่องสวัสดิการและหนี้สินข้าราชการตำรวจด้วย
ภายหลังการลงพื้นที่ เศรษฐา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนใหญ่ที่รับฟังความคิดเห็น เป็นเรื่องของค่าของชีพ ค่าน้ำมัน ราคาแก๊สและไฟฟ้า ทำให้วัตถุในการประกอบการทำอาหารแพงขึ้น โดยการแก้ปัญหาต้องแก้ที่รากฐาน ซึ่งเมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า หากมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกจะมีการประกาศนโยบายออกไป ส่วนเรื่องของตัวเลขต้องมีการพิจารณาก่อน ขอให้ใจเย็นอีกนิดหนึ่ง ขอให้ทราบตัวเลขที่แน่นอนก่อนแล้วจะแจ้งให้ทราบ
ส่วนปัญหาที่ช่วงเวลาเร่งด่วน รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มีตู้โดยสารไม่เพียงพอนั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงระบุว่าจะมีการเพิ่มตู้ ขณะนี้กำลังสั่งซื้ออยู่ ทั้งนี้ ได้พูดคุยกับผู้โดยสาร ซึ่งก็มีการตอบรับที่ดีว่าสะดวกสบาย ราคาเหมาะสม แต่ในช่วงเร่งด่วน จำนวนตู้โดยสารก็มีน้อยเกินไป ส่วนราคาค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย จะเริ่มได้เมื่อไรนั้น ต้องขอไปพิจารณาก่อน
“จริงๆ แม้จะบอกว่าเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่เราไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว เรามีพรรคร่วมรัฐบาลอีก 10 พรรค ฉะนั้น จึงต้องไปพิจารณานโยบายโดยรวมก่อน ส่วนจะเป็นราคา 20 บาททุกสาย และใช้กับผู้ที่มีรายได้น้อยก่อนหรือไม่นั้น ต้องนำไปพิจารณาก่อนเช่นเดียวกัน” เศรษฐา ระบุ
เมื่อถามว่า การลดค่าไฟจะสามารถทำได้ในระยะเวลา 4 เดือนเลยหรือไม่นั้น เศรษฐา กล่าวว่า คงทำได้ก่อน ส่วนจะเป็นราคา 4.25 บาท ตามที่ภาคอุตสาหกรรมเรียกร้องหรือไม่นั้น ต้องขอไปพิจารณาก่อน แต่ก็เข้าใจโจทย์ว่าต้องการเท่าไร และจะพยายามจนสุดความสามารถ ทั้งนี้ ที่ไม่อยากบอกตัวเลขก่อน เพราะเดี๋ยวจะมีการผิดเพี้ยน แล้วมาต่อว่ากันได้ ขอให้ใจเย็นนิดหนึ่ง
“จะถามกี่ครั้ง ก็ตอบไปไม่ได้มากกว่านี้ แต่ก็อยากจะตอบเหมือนกัน แต่อยากมีความมั่นใจในการตอบ” เศรษฐา ระบุ
ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ เสียดายหรือไม่นั้น เศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งท่านก็เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติมานาน
“ก็ไม่ทราบสาเหตุจริงๆ ว่าทำไม พล.อ.ประวิตร จึงลาออก ส่วนตัวเคยคุยโทรศัพท์กับ พล.อ.ประวิตร แค่นิดเดียว ยังไม่เคยเจอตัว เมื่อเข้าทำเนียบแล้วก็อยากจะเชิญ พล.อ.ประวิตร มารับประทานอาหาร” เศรษฐา ระบุ
เมื่อถามว่า อยากให้ความมั่นใจกับประชาชนเรื่องเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท จะไม่มีอะไรมาสะดุดแล้วใช่หรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีการเชิญหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องมารับฟังความคิดเห็น ซึ่งได้มีการดูเรื่องรายละเอียด แต่หากวันไหนที่สามารถออกโครงการได้ จะแจ้งให้ทราบ แต่คิดว่าเป็นไตรมาสหนึ่งแน่นอน