พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติเห็นชอบให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนตัดสินใจ ก็เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะเป็นผู้เสนอชื่อ แม้ไม่ได้โหวตให้เพื่อแสดงความเป็นกลาง แต่ก็ถือว่าเป็นการใช้เสียงข้างมากในคณะกรรมการฯช่วยโหวตให้ผ่าน 9:1 ก็ขอแสดงความยินดีกับผบ. ตร.คนใหม่ด้วยที่ผ่านมติ ก็ถือว่าจะได้ทำงานต่อไป ทั้งนี้เห็นว่า แคนดิเดตทั้ง 4 คน มีคุณสมบัติเหมาะสม เคยผ่านงานป้องกันและปราบปรามมา สามารถเลือกใครก็ได้ ในหลักของการพิจารณาแล้ว เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้บกพร่องในการพิจารณาเสนอชื่อ แต่ต้องตอบสังคมให้ได้ว่า เหตุผลที่เลือกมีอะไรบ้าง แต่เสียดายที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบ
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า จากที่ติดตาม ทราบว่า มีการแยกวงเคลียร์กันก่อนโหวต ซึ่งถือเป็นเทคนิคของประธานในที่ประชุม ก็คงต้องทำความเข้าใจ ที่แจ้งหลักการและเหตุผล ทำให้ผ่านออกมา ถือว่าได้ผ่านระบบการคัดสรรอย่างครบถ้วนและคงเป็นเรื่องของการทำงานต่อไป ส่วนผู้ที่มีส่วนได้เสียนั้นตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม เฉพาะมาตรา 78 และ 87 ที่จะร้องต่อคณะกรรมการคุ้มครองพิทักษ์คุณธรรมเพื่อให้ได้สิทธิ์ดังกล่าวว่า ตัวเองมีสิทธิ์อย่างไร แต่คิดว่าเรื่องดังกล่าว คงกลายเป็นคลื่นสงบไป และคิดว่า เรื่องการร้องเรียนคงจะต้องจบลง เพราะแต่ละคนมีวินัย จึงคิดว่าในเรื่องของการร้องเรียนก็คงต้องจบลง เพราะสิ้นสุดด้วยการแต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เป็นเรื่องของการแต่งตั้งระดับล่างลงมาว่า กฎหมายฉบับนี้เกิดความเป็นธรรมจริงหรือไม่ ซึ่งอยากจะฝากไปยังผบ. ตร. ให้กระจายอำนาจการแต่งตั้งให้ครบถ้วน โดยเฉพาะการแต่งตั้งในจังหวัดหรือกองบัญชาการต่างๆ ขอให้ทุกหน่วยมีสิทธิ์ที่จะเลือกคนของตัวเองมาทำงานจะดีกว่าที่จะถูกสั่งหรือแบ่งปันยอด หรือโควตาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าทำได้ถือเป็นเหตุผลที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์ดังกล่าว จากการที่หน่วยงานของจังหวัดเอง หรือกองบัญชาการเองได้แต่งตั้งคนที่เห็นว่าเหมาะสมมากที่สุด
ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์สำหรับกรณีที่มีรายงานว่าที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีชื่อแคนดิเดตอันดับ 1 มาตลอด ในขณะที่มีกรณีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เกิดขึ้นในช่วงนี้พอดี ดูเหมือนเป็นการเตะตัดขากันหรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ใครมีหน้าที่อะไรก็จะบอกคำตอบอย่างชัดเจนว่า ในหน้าที่ที่ผ่านงานมานั้น เกี่ยวกับอะไร ถึงจะมีความเร็วในการขึ้นสู่ตำแหน่งมากที่สุดเท่าที่มีในประวัติศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่นคือสิ่งที่จะเป็นคำตอบชัดเจน เห็นมีการนำประวัติของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์มานำเสนอเยอะแยะไปหมด คงไม่ตอบว่าอะไร แต่ก็ยินดีด้วย ส่วนอนาคตข้างหน้าพล.ต.อ.ต่อศักดิ์จะทำอย่างไร ให้สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือสังคมที่ตำรวจกำลังว้าวุ่นในขณะนี้ โดยเฉพาะปัญหาของคดีที่เกิดขึ้นกับข้าราชการตำรวจ จะแก้ไขอย่างไร เพื่อไม่ให้ตำรวจเน่าหรือเป็นที่ติฉินนินทาของประชาชนมากมาย ก็คงต้องบังคับใช้กฎหมายให้เป็นธรรม และ มีคุณธรรมมากที่สุด และให้ความเป็นธรรมแก่ข้าราชการตำรวจ ที่มีอยู่ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
เมื่อถามว่าจะมีคลื่นใต้น้ำหรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า คิดว่าคลื่นใต้น้ำคงหมดไปแล้ว เพราะขนาดนายกรัฐมนตรียังถูกแรงกระแทก จนต้องออกมติแบบว่า ยอมที่จะทิ้งนาทีสุดท้าย เพื่อให้มตินี้ และลงไปเคลียร์ปัญหาด้วยตัวเอง คิดว่า แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีเองก็เลือกผบ.ตร..คนนี้มา คิดว่าแรงกระแทกดังกล่าวคงไม่สะเทือน
เมื่อถามย้ำว่า ผบ.ตร.คนใหม่จะสามารถทำงานกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ได้หรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า หลังจากนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต้องรอให้พ้นวินัยจากการสอบสวนกรณีที่ถูกกล่าวหาก่อน ซึ่งคงเป็นการสอบสวนที่เสร็จรวดเร็วภายใน 10 วัน เพราะมีก.ตร.2 คน เข้าไปสอบ ซึ่งตรงนั้นจะเป็นผลตามกฎหมายทางวินัยว่า จะสามารถโยกย้ายพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากตำแหน่งนี้หรือไม่ หรือถ้าไม่ได้ก็ต้องดำรงตำแหน่งรองผบ.ตร.ไป แต่อาจจะถูกลดหน้าที่หรือบทบาทลง จากงานประจำคืองานสืบสวนสอบสวน ที่ทำอยู่ และอาจจะถูกย้ายไปดูในงานอื่นหรือย้ายข้ามหน่วย ก็เป็นเรื่องของบุญพาวาสนาส่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะโดนย้ายไปอยู่ในส่วนของจเรตำรวจ
ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า หากเปิดข้อมูลบางอย่างออกมาจะตายทั้งสตช.นั้นพล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์มีและคิดว่ามีจริงๆ เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากการทำงาน และพบว่า ข้าราชการตำรวจในองค์กรใครมีบทบาทไปเกี่ยวพันยุ่งเกี่ยวกับทุนสีเทา ยาเสพติด ค้ามนุษย์ หรือแรงงานข้ามชาติต่างๆ ซึ่งอาจจะเห็นภาพนี้เกี่ยวข้องแม้กระทั่งเว็บการพนันที่ถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือบัญชีม้าต่างๆ ซึ่งเชื่อว่า มีข้อมูลอยู่ในมือ แต่ไม่ได้ส่งเข้าไปในสำนวนสอบสวน แต่เป็นข้อมูลที่รับผิดชอบสืบสอนสอบสวนในอดีต ก็เหมือนกับที่บอกว่า “อย่ามาเล่นมากนะ มีไม้ตีกลับด้วย ถ้าขุดผม ผมก็ขุดคุณมีแค่นั้นล่ะครับ”