‘สุทิน คลังแสง’ รมว.กลาโหม ป้ายแดง ได้เข้าพบ ‘บิ๊กแอ๊ด’ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรมว.กลาโหม ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย โดย ‘สุทิน’ รู้จักกับ ‘บิ๊กแอ๊ด’ 20 กว่าปีก่อน สมัยยุคไทยรักไทย เมื่อครั้งเป็น สส.นกแล ที่เดินสายหาเสียงภาคอีสานด้วยกัน ‘บิ๊กแอ๊ด’ มีฐานเสียงสำคัญอยู่ ‘อีสานตอนล่าง’
ล่าสุด พล.อ.ธรรมรักษ์ จปร.10 ได้มาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ช่วย ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รุ่นน้อง จปร.17 ช่วยหาเสียง-ทำพื้นที่อีสานตอนล่าง ซึ่ง พล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นหนี่งในคนที่ช่วย พล.อ.ประวิตร ได้กลับมาเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 และขึ้น ‘5 เสือ ทบ.’ หลังโดนเด้งเข้ากรุ ยุค ‘บิ๊กแอ้ด’ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขณะเป็น ผบ.ทบ. ดังนั้น พล.อ.ธรรมรักษ์ จึงเปรียบเป็น ‘ผู้มีพระคุณ’ ของ พล.อ.ประวิตร ทั้งนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ เคยถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี หลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบ เพราะเป็น กก.บห.พรรคฯ อยู่ในกลุ่มบ้านเลขที่ 111
นอกจากนี้ ‘สุทิน’ เตรียมเข้าพบพูดคุยกับอดีต ‘บิ๊กทหาร’ หลายคน เช่น ‘บิ๊กโอ๋’ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่โดน สนช. ลงมติถอดถอน ตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ในยุค คสช. หลังรัฐประหาร 2557
เตรียมเข้าพบ ‘บิ๊กเหวียง’พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต ผบ.ทบ. อดีต รมว.กลาโหม ยุครัฐบาลทักษิณ ที่หนุน ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร ให้ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. สำหรับ ‘บิ๊กเหวียง’ ได้ชื่อว่าเป็น ‘บูรพาพยัคฆ์’ รุ่นบุกเบิก ที่เป็น ‘บูรพาเทวัญ’ ผสม ‘บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ เพราะเริ่มรับราชการ หลังจบจาก ร.ร.นายร้อย จปร. ที่ ร.1 พัน.2 รอ. ก่อนจะไปเป็น เสธ.พล.ร.2 รอ. จึงพบกับ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่สมัยเป็น เสธ.พล.ร.2 รอ. ขณะนั้น พล.อ.ประวิตร เป็น ผู้บังคับกองพัน
ทั้งนี้ ‘บิ๊กเหวียง’ หลังเป็น เสธ.พล.ร.2 รอ. ข้ามไปเป็น ผบ.พล.ร.6 ทางอีสาน ก่อนขึ้นเป็น แม่ทัพน้อยที่ 2 และถูกโยกเข้ากรุง ขยับเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 และเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 เข้าสู่เก้าอี้ 5 เสือทบ. และขึ้นเป็น ผบ.ทบ.
‘บิ๊กจิ๋ว’ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีต ผบ.ทบ. ที่มีบทบาททางการเมือง มายาวนาน หลังลาออกจาก ผบ.ทบ. มาลงการเมือง ทำ ‘พรรคความหวังใหม่’ ที่มีฐานที่มั่นใน ‘ภาคอีสาน’ เพราะช่วงที่ พล.อ.ชวลิต เป็น ผบ.ทบ. ได้ทำโครงการอีสานเขียว ต่อมาเมื่อมาทำพรรคความหวังใหม่ ได้ ‘ชิงชัย มงคลธรรม’ อดีต สส.ธรรมสังคม มาร่วมลงสมัคร สส.ความหวังใหม่ ที่ได้ทำโครงการ ‘พลังครูอีสาน’ ขึ้นมา จึงทำให้พรรคได้รับชัยชนะในภาคอีสาน
อีกอดีตนายทหารที่ ‘สุทิน’ เข้าพบคือ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีต รอง ผบ.ทบ. ที่เป็น นายกสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา ซึ่ง พล.อ.วิชิต เคยทำงานประสาน ‘สมคิด จาตุศรีพิทักษ์’ รองนายกฯ ยุค คสช. ที่ทำให้เกิดภาพ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ สวมกอด ‘สมเด็จฮุน เซน’ เมื่อครั้งเยือนไทย เมื่อปี 2558 ด้วยคอนเนกชั่นของ พล.อ.วิชิต เรียกว่าใกล้ชิด ‘ผู้นำกัมพูชา’ โดยเฉพาะกับ พล.อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา
สำหรับ พล.อ.วิชิต จบ ตท.9 รุ่นพี่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ตท.10 เริ่มชีวิตราชการทหารที่ ร.11 พัน.2 รอ. จากนั้นมาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ส่วนโครงการ 315 ที่มี พล.อ.ชวลิต เป็นหัวหน้า ศปก.ทบ.315 ที่ต้องออกรบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และได้พบกับ ‘พลพรรคไทยเกาะกง’ เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้พบกับ ‘เตีย บันห์’ นั่นเอง ซึ่งทั้ง ‘บิ๊กจิ๋ว-พล.อ.วิชิต’ มีความแนบชิด พล.อ.เตีย บันห์ มาถึงปัจจุบัน ที่สำคัญ พล.อ.วิชิต ยังได้ร่วมตั้ง ‘สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน’ ที่ได้เชิญ พล.อ.ชวลิต มาเป็นนายกสมาคมฯ คนแรกด้วย
ทั้งหมดนี้จึงถูกจับตาในสถานการณ์ที่ ‘เพื่อไทย’ กำลังเสียฐานเสียงภาคอีสาน ให้กับ ‘พรรคก้าวไกล’ และพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน โดยเฉพาะกับ ‘ภูมิใจไทย’ สำหรับ ‘สุทิน’ ถือเป็นแกนนำภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย การที่ ‘เพื่อไทย’ ส่ง ‘สุทิน’ มาเป็น รมว.กลาโหม จึงไม่ใช่เพียงเหตุผลหา ‘คนลงตำแหน่ง’ ไม่ได้
แต่มี ‘หวังผลการเเมือง’ แฝงอยู่ การที่ ‘สุทิน’ เดินสายพบอดีต ‘บิ๊กทหาร’ ที่มาทำการเมืองแต่ละคน ไม่ใช่เรื่องแปลก หากต้องการพบ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ด้านความมั่นคง แต่ดูจากภูมิหลังแล้ว ต่างมี ‘ภูมิหลัง-ฐานบารมี’ ที่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน และเป็น ‘คอนเนกชั่น’ ที่เชื่อมถึงกันทั้งหมด
ล่าสุด พล.อ.ธรรมรักษ์ จปร.10 ได้มาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ช่วย ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รุ่นน้อง จปร.17 ช่วยหาเสียง-ทำพื้นที่อีสานตอนล่าง ซึ่ง พล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นหนี่งในคนที่ช่วย พล.อ.ประวิตร ได้กลับมาเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 และขึ้น ‘5 เสือ ทบ.’ หลังโดนเด้งเข้ากรุ ยุค ‘บิ๊กแอ้ด’ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขณะเป็น ผบ.ทบ. ดังนั้น พล.อ.ธรรมรักษ์ จึงเปรียบเป็น ‘ผู้มีพระคุณ’ ของ พล.อ.ประวิตร ทั้งนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ เคยถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี หลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบ เพราะเป็น กก.บห.พรรคฯ อยู่ในกลุ่มบ้านเลขที่ 111
นอกจากนี้ ‘สุทิน’ เตรียมเข้าพบพูดคุยกับอดีต ‘บิ๊กทหาร’ หลายคน เช่น ‘บิ๊กโอ๋’ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่โดน สนช. ลงมติถอดถอน ตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ในยุค คสช. หลังรัฐประหาร 2557
เตรียมเข้าพบ ‘บิ๊กเหวียง’พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต ผบ.ทบ. อดีต รมว.กลาโหม ยุครัฐบาลทักษิณ ที่หนุน ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร ให้ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. สำหรับ ‘บิ๊กเหวียง’ ได้ชื่อว่าเป็น ‘บูรพาพยัคฆ์’ รุ่นบุกเบิก ที่เป็น ‘บูรพาเทวัญ’ ผสม ‘บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ เพราะเริ่มรับราชการ หลังจบจาก ร.ร.นายร้อย จปร. ที่ ร.1 พัน.2 รอ. ก่อนจะไปเป็น เสธ.พล.ร.2 รอ. จึงพบกับ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่สมัยเป็น เสธ.พล.ร.2 รอ. ขณะนั้น พล.อ.ประวิตร เป็น ผู้บังคับกองพัน
ทั้งนี้ ‘บิ๊กเหวียง’ หลังเป็น เสธ.พล.ร.2 รอ. ข้ามไปเป็น ผบ.พล.ร.6 ทางอีสาน ก่อนขึ้นเป็น แม่ทัพน้อยที่ 2 และถูกโยกเข้ากรุง ขยับเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 และเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 เข้าสู่เก้าอี้ 5 เสือทบ. และขึ้นเป็น ผบ.ทบ.
‘บิ๊กจิ๋ว’ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีต ผบ.ทบ. ที่มีบทบาททางการเมือง มายาวนาน หลังลาออกจาก ผบ.ทบ. มาลงการเมือง ทำ ‘พรรคความหวังใหม่’ ที่มีฐานที่มั่นใน ‘ภาคอีสาน’ เพราะช่วงที่ พล.อ.ชวลิต เป็น ผบ.ทบ. ได้ทำโครงการอีสานเขียว ต่อมาเมื่อมาทำพรรคความหวังใหม่ ได้ ‘ชิงชัย มงคลธรรม’ อดีต สส.ธรรมสังคม มาร่วมลงสมัคร สส.ความหวังใหม่ ที่ได้ทำโครงการ ‘พลังครูอีสาน’ ขึ้นมา จึงทำให้พรรคได้รับชัยชนะในภาคอีสาน
อีกอดีตนายทหารที่ ‘สุทิน’ เข้าพบคือ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีต รอง ผบ.ทบ. ที่เป็น นายกสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา ซึ่ง พล.อ.วิชิต เคยทำงานประสาน ‘สมคิด จาตุศรีพิทักษ์’ รองนายกฯ ยุค คสช. ที่ทำให้เกิดภาพ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ สวมกอด ‘สมเด็จฮุน เซน’ เมื่อครั้งเยือนไทย เมื่อปี 2558 ด้วยคอนเนกชั่นของ พล.อ.วิชิต เรียกว่าใกล้ชิด ‘ผู้นำกัมพูชา’ โดยเฉพาะกับ พล.อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา
สำหรับ พล.อ.วิชิต จบ ตท.9 รุ่นพี่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ตท.10 เริ่มชีวิตราชการทหารที่ ร.11 พัน.2 รอ. จากนั้นมาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ส่วนโครงการ 315 ที่มี พล.อ.ชวลิต เป็นหัวหน้า ศปก.ทบ.315 ที่ต้องออกรบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และได้พบกับ ‘พลพรรคไทยเกาะกง’ เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้พบกับ ‘เตีย บันห์’ นั่นเอง ซึ่งทั้ง ‘บิ๊กจิ๋ว-พล.อ.วิชิต’ มีความแนบชิด พล.อ.เตีย บันห์ มาถึงปัจจุบัน ที่สำคัญ พล.อ.วิชิต ยังได้ร่วมตั้ง ‘สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน’ ที่ได้เชิญ พล.อ.ชวลิต มาเป็นนายกสมาคมฯ คนแรกด้วย
ทั้งหมดนี้จึงถูกจับตาในสถานการณ์ที่ ‘เพื่อไทย’ กำลังเสียฐานเสียงภาคอีสาน ให้กับ ‘พรรคก้าวไกล’ และพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน โดยเฉพาะกับ ‘ภูมิใจไทย’ สำหรับ ‘สุทิน’ ถือเป็นแกนนำภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย การที่ ‘เพื่อไทย’ ส่ง ‘สุทิน’ มาเป็น รมว.กลาโหม จึงไม่ใช่เพียงเหตุผลหา ‘คนลงตำแหน่ง’ ไม่ได้
แต่มี ‘หวังผลการเเมือง’ แฝงอยู่ การที่ ‘สุทิน’ เดินสายพบอดีต ‘บิ๊กทหาร’ ที่มาทำการเมืองแต่ละคน ไม่ใช่เรื่องแปลก หากต้องการพบ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ด้านความมั่นคง แต่ดูจากภูมิหลังแล้ว ต่างมี ‘ภูมิหลัง-ฐานบารมี’ ที่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน และเป็น ‘คอนเนกชั่น’ ที่เชื่อมถึงกันทั้งหมด