ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่เริ่มต้นครึ่งหลังเดือนเมษายน เขาผู้นี้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวที่มีอัตราการถูกเอ่ยถึง (Mentions) ทะยานขึ้นมา สวนทางกับแคนดิเดตคนอื่นๆ ที่ถูกเอ่ยถึงน้อยลงอย่างชัดเจน
เขาผู้นี้คือ ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียวของพรรค
จากข้อมูล Social Listening ของ SPACEBAR ระหว่างวันที่ 10 - 17 เมษายน ชื่อของ อนุทิน เคลื่อนไหวแบบเนิบๆ ในอัตราการถูกพูดถึงแค่หลักพันครั้ง และอยู่ในอันดับที่ 4 ของแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกเอ่ยถึงมากที่สุดรองจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทรโอชา (อันดับ 1), พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (อันดับ 2) และแพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (อันดับ 3)
จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในระหว่างวันที่ 16 - 17 เมษายน ชื่อของ อนุทิน เริ่มตีตื้นขึ้นมาแบบเหนือความคาดหมาย เพราะในวันที่ 17 เมษายน ชื่อของ อนุทิน ขึ้นมาอยู่ที่ 3 แซงหน้า แพทองธาร ชินวัตร (อีกครั้ง)
เขาผู้นี้คือ ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียวของพรรค
จากข้อมูล Social Listening ของ SPACEBAR ระหว่างวันที่ 10 - 17 เมษายน ชื่อของ อนุทิน เคลื่อนไหวแบบเนิบๆ ในอัตราการถูกพูดถึงแค่หลักพันครั้ง และอยู่ในอันดับที่ 4 ของแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกเอ่ยถึงมากที่สุดรองจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทรโอชา (อันดับ 1), พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (อันดับ 2) และแพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (อันดับ 3)
จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในระหว่างวันที่ 16 - 17 เมษายน ชื่อของ อนุทิน เริ่มตีตื้นขึ้นมาแบบเหนือความคาดหมาย เพราะในวันที่ 17 เมษายน ชื่อของ อนุทิน ขึ้นมาอยู่ที่ 3 แซงหน้า แพทองธาร ชินวัตร (อีกครั้ง)

กรณีไข่แมวและผองเพื่อน
สำหรับคนที่ไม่เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไม่ได้ติดตามเพจดังๆ หรือตามอินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อปคงจะตามไม่ทัน เพราะหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ชื่อของ อนุทิน ถูกเอ่ยถึงมากกว่าใครในช่วงนี้ เป็นเพราะชื่อของเขาและพรรคภูมิใจไทย ถูกนำไปพัวพันกับกรณีที่ชาวเน็ตสงสัยว่าเพจเฟซบุ๊คดังๆ บางเพจอาจจะหันมาสนับสนุน อนุทิน และพรรคภูมิใจไทยกรณีนี้เริ่มจากการสังเกตเห็นว่าเพจ ‘ไข่แมวX’ ที่ใช้การ์ตูนวิจารณ์สังคม (และรัฐบาลประยุทธ์) เป็นเพจที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ และเป็นรู้กันว่ามีท่าทีสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลมาโดยตลอด เมื่อเร็วๆ นี้กลับโพสต์การ์ตูนที่ดูเหมือนจะ ‘โปร’ นโยบายรักษามะเร็งฟรี (หรืออันที่จริงนโยบายติดตั้งเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรี) ของพรรคภูมิใจไทย
เราจะไม่พูดถึงมุกของ ‘ไข่แมวX’ ในที่นี้ เพราะสิ่งสำคัญกว่าคือท่าทีของเพจที่ทำให้ลูกเพจผิดหวังไปตามกันๆ และโจมตีเพจว่า ‘ถูกซื้อไปแล้ว’ พร้อมๆ กับที่มีชาวเน็ตพากันตั้งข้อสังเกตว่าเพจดังๆ บางเพจที่เคยต่อต้านรัฐบาลและสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลและกองทัพ ตอนนี้กลับมีท่าทีเหมือนจะเอนเอียงไปทางพรรคภูมิใจไทยอย่างผิดสังเกต

ภูมิใจไทยอยู่ตรงไหน?
ก่อนอื่นเราต้องพูดถึงเรื่องนี้กันก่อน สำหรับแฟนพันธุ์แท้การเมือง น่าจะตระหนักกันแล้วว่า อนุทิน ชาญวีรกูลและพรรคภูมิใจไทย น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป เช่นเดียวกับการตั้งรัฐบาลคราวที่แล้ว และจุดยืนของพรรคก็ชัดเจนว่าจะร่วมรัฐบาลเท่านั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ความฝันที่เกินเอื้อม เพราะหลายโพลให้พรรคภูมิใจไทยนำมาเป็นอันดับที่ 2 บางโพลให้ภูมิใจไทยอยู่ที่ 4 ในการเลือกตั้ง และจากข้อมูล Social Listening ของ SPACEBAR เราก็เห็นแนวโน้มที่ภูมิใจไทยอาจจะมาเป็นที่ 4 - 5 เช่นกัน
เอาเข้าจริงไม่ต้องถึงอันดับที่ 2 ก็ได้ ถ้าภูมิใจไทยได้ที่นั่งในสภาพอสมควร แล้วพรรคที่นำอยู่ถ้าไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมากแบบเด็ดขาด ภูมิใจไทยก็น่าจะเนื้อหอมมากพอที่จะทำให้พรรคเหล่านั้นวิ่งเข้าหาเพื่อเชิญมาร่วมรัฐบาล หรืออย่างน้อยก็จะไม่บอกว่าจะไม่มีทางจับมือกัน

สงครามชิงโซเชียล
ด้วยสถานะของภูมิใจไทยและ ‘เสี่ยหนู’ ที่จะเป็นตัวแปรตั้งรัฐบาล ทำให้เราเห็นว่าในกรณี ‘ไข่แมวX’ มีความซับซ้อนพอสมควร เพราะขณะที่ชาวเน็ตที่เชียร์ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลแสดงอาการผิดหวังและไม่พอใจอย่างแรง แต่อินฟลูเอนเซอร์การเมืองบางคนที่เชียร์พรรคตรงข้ามกับรัฐบาลมาโดยตลอด กลับแสดงท่าทีเฉยๆ แถมยังแก้ต่างให้ ‘ไข่แมวX’ หรือเพจที่ถูกกล่าวหว่าเอนเอียงไปทางภูมิใจไทยเรื่องนี้จึงกลายเป็นวิวาทะที่รุนแรงระหว่างฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลด้วยกันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างคนที่เชียร์เพื่อไทยแต่ไม่ตำหนิภูมิใจไทย ทำให้เกิดการกล่าวหากันว่า ‘ถูกซื้อ’ หรือ ‘แปรพักตร์’ ไปแล้ว
วิวาทะเหล่านี้อาจสะท้อนถึงการแย่งชิงความนิยมโดยอาศัยอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำคอนเทนต์การเมือง แต่ก็ยังอาจสะท้อนได้เหมือนกันว่า ไม่มีพรรคไหน (หรืออินฟลูเอนเซอร์สายการเมืองคนไหน) อยากจะชนกับภูมิใจไทยแบบตรงๆ เพราะไม่แน่ว่าอาจจะได้ร่วมงานกัน

คู่กรณีของเสี่ยหนู
แต่ไม่ใช่ว่า อนุทินและภูมิใจไทยจะลอยลำมานิ่งๆ เพราะพวกเขาถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนยุบสภา จากกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับ ‘นโยบายกัญชาเสรี’ และผู้ที่จ้วงแทงเสี่ยหนูแบบไม่รามือก็คือ ‘เสี่ยอ่าง’ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ในวันที่ชื่อของ อนุทิน ทะยานขึ้นมาในตาราง Social Listening ของ SPACEBAR เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ ชูวิทย์ เคลื่อนไหวครั้งสำคัญ ด้วยการเดินสายลงไปจังหวัดภาคใต้เพื่อหาแนวร่วมต่อต้านกัญชาเสรี ในพื้นที่ของอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็น ‘ฐานที่มั่นเดิม’ ของมวลชนฝ่ายสนับสนุนชมรมแพทย์ชนบท อันเป็นกลุ่มที่เป็นปฏิปักษ์กับ อนุทิน และพรรคภูมิใจไทยมาโดยตลอด
นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภูมิใจไทยจะต้องมีพื้นที่โซเชียลของตัวเองให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนเลือกตั้งไม่ถึงเดือน พวกเขาจะปล่อยให้ ‘ฝ่ายตรงข้าม’ ถล่มแบบรัวๆ ฝ่ายเดียวไม่ได้อีกต่อไป
และดูเหมือนเสี่ยหนูจะไม่กลัวเสี่ยอ่าง เพราะบอกว่าก่อนจะมีเรื่องกับ ชูวิทย์ ทางพรรคคิดว่าจะได้ ส.ส. จำนวนหนึ่ง แต่พอมีเรื่องกันขึ้นมา คิดว่าน่าจะได้เพิ่มซะแล้ว
ลีลาประมุขพรรคแบบนี้ ไว้ใจได้เลยว่าไม่น่าจะเป็นแค่ตัวประกอบในรัฐบาลรุ่นต่อไปแน่นอน
หมายเหตุ - Social Listening ของ SPACEBAR ไม่ใช่การทำโพล แต่เป็นการสำรวจการถูกพูดถึงของ Keyword ต่างๆ ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Youtube, Instagram, Forum และเว็บไซต์สำนักข่าวต่างๆ มีการอัพเดตข้อมูลทุกวัน ข้อมูลที่เก็บรวบรวมเป็นไปตามนโยบายด้านข้อมูลของบริษัท