มีโอกาสแค่ไหนที่ผู้ชายที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถนั่งอยู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ต่อไป?
คำตอบนี้อยู่ในผลการสำรวจ SPACEBAR POLL ซึ่งเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน ด้วยการถอดคุณสมบัติจากบุคลิกภาพโดยภาพรวมของแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนพรรคการเมืองออกมาเป็นตัวเลือก โดยแต่ละพรรคจะมีคุณสมบัติ 5 ด้าน ให้ผู้ตอบแบบสอบถามได้พิจารณาเลือกจัดลำดับว่า “คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของพรรคการเมืองที่ประชาชนเห็นว่าจำเป็นต่อประเทศไทย”
เราพบว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นหนึ่งใน 4 พรรคที่มีสัดส่วนคะแนนนิยมมากพอที่จะวิเคราะห์ได้ว่าพวกเขามีอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาล และแคนดิเดตจากพรรคของพวกเขาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย และนี่คือเหตุผลที่คนไทยตัดสินใจเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคนี้ ซึ่งก็คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่คือเหตุผลที่คนไทยจะเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ และ ‘ลุงตู่’
คำตอบนี้อยู่ในผลการสำรวจ SPACEBAR POLL ซึ่งเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน ด้วยการถอดคุณสมบัติจากบุคลิกภาพโดยภาพรวมของแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนพรรคการเมืองออกมาเป็นตัวเลือก โดยแต่ละพรรคจะมีคุณสมบัติ 5 ด้าน ให้ผู้ตอบแบบสอบถามได้พิจารณาเลือกจัดลำดับว่า “คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของพรรคการเมืองที่ประชาชนเห็นว่าจำเป็นต่อประเทศไทย”
เราพบว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นหนึ่งใน 4 พรรคที่มีสัดส่วนคะแนนนิยมมากพอที่จะวิเคราะห์ได้ว่าพวกเขามีอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาล และแคนดิเดตจากพรรคของพวกเขาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย และนี่คือเหตุผลที่คนไทยตัดสินใจเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคนี้ ซึ่งก็คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่คือเหตุผลที่คนไทยจะเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ และ ‘ลุงตู่’

เราจะมาวิเคราะห์เหตุผลทั้ง 5 ข้อกันสักเล็กน้อย
เราทราบดีว่าพรรควมไทยสร้างชาติเพิ่มจะก่อตั้งขึ้นมาสำหรับศึกเลือกตั้งครั้งนี้โดยเฉพาะ และดีย์แมนคนสำคัญไม่ใช่หัวหน้าพรรคที่ชื่อ พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แต่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานาน (เกือบ/กว่า) 8 ปี
ข้อ 1
ด้วยระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนานขนาดนี้ จึงไม่ยากที่ผู้คนจะมองเห็นว่า พล.อ. ประยุทธ์ ‘ทํางานเป็น, เห็นผลงานเร็ว และชัดเจน’ เพราะในประวัติศาสตร์การเมืองไทย มีนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 3 คนที่ดำรงตำแหน่งยาวนานขนาดนี้ และการดำรงตำแหน่งนานๆ หมายความว่า รัฐบาลหรือนายกฯ คนนั้นสามารถสานต่อนโยบายของตนได้ต่อเนื่อง ในขณะที่นายกฯ ที่อยู่ไม่ครบเทอมยากที่สร้างผลงานให้เห็นชัดเจนได้ ด้วยเหตุผลนี้ อาจทำให้ผู้คนต้องการเห็นนายกฯ รัฐมนตรีที่สานต่อนโยบายของตัวเองได้จนเกิดผลงานที่จับต้องได้ และนี่คือเหตุที่ประชาชนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ‘ทํางานเป็น, เห็นผลงานเร็ว และชัดเจน’ จึงมีสัดส่วนมากที่สุด ถึง 49%
ข้อ 2
เหตุผลต่อมาที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับที่ 2 ที่ 30% คือผลงานในการปราบคอร์รัปชั่นทุจริต ซึ่งในข้อนี้น่าจะเป็นความนิยมที่ติดค้างมาตั้งแต่ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศภายใต้ธง คสช. ซึ่งมีอำนาจเกือบจะเบ็ดเสร็จในการสะสาง ‘ปัญหา’ ต่างๆ
ข้อ 3 และ 4
เหตุผลข้อ 3 (ปกป้องชาติศาสนา พระมหากษัตริย์) และข้อ 4 (อนุรักษ์นิยม) ดูเหมือนจะสะท้อนแนวทางของพรรคและตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้อย่างชัดเจน ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติมีภาพลักษณ์ของพรรคอนุรักษ์นิยมและได้ใจผู้มีสิทธิออกเสียงในกลุ่มที่มองหาผู้นำในด้านนี้
ข้อ 5
ส่วนข้อที่ 5 (เถรตรง โผงผาง จริงจัง) ดูเหมือนจะสะท้อนตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ มากที่สุด อย่างไรก็ตาม SPACEBAR POLL พบว่าคุณลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการน้อยที่สุดในตัวนายกรัฐมนตรี ดังนั้น แม้ว่มันจะคุณสมบัติที่ทำให้ผู้คนชื่นชมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ แต่โดยรวมแล้ว มันไม่ใช่เหตุผลที่มีพลังมากพอที่จะดึงคะแนนเสียงของคนกลุ่มอื่นๆ ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง
เราทราบดีว่าพรรควมไทยสร้างชาติเพิ่มจะก่อตั้งขึ้นมาสำหรับศึกเลือกตั้งครั้งนี้โดยเฉพาะ และดีย์แมนคนสำคัญไม่ใช่หัวหน้าพรรคที่ชื่อ พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แต่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานาน (เกือบ/กว่า) 8 ปี
ข้อ 1
ด้วยระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนานขนาดนี้ จึงไม่ยากที่ผู้คนจะมองเห็นว่า พล.อ. ประยุทธ์ ‘ทํางานเป็น, เห็นผลงานเร็ว และชัดเจน’ เพราะในประวัติศาสตร์การเมืองไทย มีนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 3 คนที่ดำรงตำแหน่งยาวนานขนาดนี้ และการดำรงตำแหน่งนานๆ หมายความว่า รัฐบาลหรือนายกฯ คนนั้นสามารถสานต่อนโยบายของตนได้ต่อเนื่อง ในขณะที่นายกฯ ที่อยู่ไม่ครบเทอมยากที่สร้างผลงานให้เห็นชัดเจนได้ ด้วยเหตุผลนี้ อาจทำให้ผู้คนต้องการเห็นนายกฯ รัฐมนตรีที่สานต่อนโยบายของตัวเองได้จนเกิดผลงานที่จับต้องได้ และนี่คือเหตุที่ประชาชนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ‘ทํางานเป็น, เห็นผลงานเร็ว และชัดเจน’ จึงมีสัดส่วนมากที่สุด ถึง 49%
ข้อ 2
เหตุผลต่อมาที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับที่ 2 ที่ 30% คือผลงานในการปราบคอร์รัปชั่นทุจริต ซึ่งในข้อนี้น่าจะเป็นความนิยมที่ติดค้างมาตั้งแต่ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศภายใต้ธง คสช. ซึ่งมีอำนาจเกือบจะเบ็ดเสร็จในการสะสาง ‘ปัญหา’ ต่างๆ
ข้อ 3 และ 4
เหตุผลข้อ 3 (ปกป้องชาติศาสนา พระมหากษัตริย์) และข้อ 4 (อนุรักษ์นิยม) ดูเหมือนจะสะท้อนแนวทางของพรรคและตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้อย่างชัดเจน ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติมีภาพลักษณ์ของพรรคอนุรักษ์นิยมและได้ใจผู้มีสิทธิออกเสียงในกลุ่มที่มองหาผู้นำในด้านนี้
ข้อ 5
ส่วนข้อที่ 5 (เถรตรง โผงผาง จริงจัง) ดูเหมือนจะสะท้อนตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ มากที่สุด อย่างไรก็ตาม SPACEBAR POLL พบว่าคุณลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการน้อยที่สุดในตัวนายกรัฐมนตรี ดังนั้น แม้ว่มันจะคุณสมบัติที่ทำให้ผู้คนชื่นชมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ แต่โดยรวมแล้ว มันไม่ใช่เหตุผลที่มีพลังมากพอที่จะดึงคะแนนเสียงของคนกลุ่มอื่นๆ ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง

แม้ว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะมีโอกาสที่จะรั้งเก้าอี้นายกฯ ต่อไปได้ แต่จากผลสำรวจของเรายังพบด้วยว่า ประชาชนมากถึง 75.3% คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะได้รัฐบาลใหม่ ส่วนประชาชนที่คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะได้คณะทำงานชุดเดิม และสามารถสานต่อนโยบายเดิมอย่างต่ออเนื่องมีเพียง 24.7%
แต่คำตอบนี้ก็ยังไม่ใช่ข้อสรุปแบบตายตัว เพราะเรามีโอกาสที่จะมีรัฐบาลผสม ที่ผสมผสานระหว่างพรรคการเมืองที่อยู่ตรงกันข้ามกันมาก่อน และด้วยเหตุผลทางการเมืองบางอย่าง มันมีโอกาสเช่นกันที่เราอาจจะได้รัฐบาลใหม่ แต่ในรัฐบาลใหม่กลับยังประกอบไปด้วยคณะทำงานชุดเดิม
แต่คำตอบนี้ก็ยังไม่ใช่ข้อสรุปแบบตายตัว เพราะเรามีโอกาสที่จะมีรัฐบาลผสม ที่ผสมผสานระหว่างพรรคการเมืองที่อยู่ตรงกันข้ามกันมาก่อน และด้วยเหตุผลทางการเมืองบางอย่าง มันมีโอกาสเช่นกันที่เราอาจจะได้รัฐบาลใหม่ แต่ในรัฐบาลใหม่กลับยังประกอบไปด้วยคณะทำงานชุดเดิม