พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะต้องฝ่าฟัน
การฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล การขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องจับตาดูสถานการณ์หลังจากนี้อย่างไม่วางตา
เพราะมีเงื่อนปมอย่างน้อย 4 ด่านที่ ‘พิธา’ และพรรคก้าวไกลจะต้องต่อสู้ ประนีประนอม แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง และยืนหยัด เพื่อเดินหน้าสร้างฝันจากนโยบายให้กลายเป็นจริง
1. ปมถือหุ้นสื่อ iTV - ถ้า กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา และศาลฯ วินิจฉัยว่า พิธามีความผิด อาจพ่วงให้ ส.ส.ก้าวไกล ที่พิธาเซ็นรับรอง ขาดคุณสมบัติ ส.ส. ตกไปตามกัน
2. จับมือ 7 พรรคร่วมรัฐบาล - เริ่มต้นชื่นมื่น แต่เมื่อลงในรายละเอียด จัดทำข้อตกลงร่วมกัน (MOU) แล้ว จะมีจุดต่างที่ไปด้วยกันไม่ได้หรือไม่ โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหวในการบรรลุข้อตกลง
3. ปมแก้ไขมาตรา 112 - พรรคเพื่อไทยจะหันหลังให้ก้าวไกล แล้วจัดตั้งรัฐบาลเองหรือไม่ หลังทักษิณ ชินวัตร พูดในเพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 พฤษภาคม ว่า
“สมมติว่า พรรคเพื่อไทย ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล สิ่งไหนที่พรรคก้าวไกลจะทำ ซึ่งคิดว่าไม่ทำนะ ทำในสิ่งที่กระทบกระเทือนสถาบันพระมหากษัตริย์ เราก็คงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ใช่ขวาจัดตกขอบ ไม่ใช่ แต่เราเป็นคนไทย เราเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ เท่านั้นเอง ชัดเจน ไม่มีบิดพลิ้ว”
4. หาแนวร่วมอีก 66 เสียงสนับสนุนในสภาฯ - หลังรู้ผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ส.ว.หลายคนออกมาแสดงทัศนะจะไม่สนับสนุนพิธาเป็นนายกฯ และพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ไม่โหวตพิธา โดยยกประเด็นแก้ไข/ยกเลิกมาตรา 112 เป็นสาเหตุหลัก แม้เวลาต่อมา เมื่อกระแสสังคมกดดัน ส.ว.บางคนแสดงท่าทีว่าจะโหวตพิธา ก็ใช่ว่าจะยืนยันว่า เมื่อถึงเวลานั้น จะมีคนโหวตกี่คน เพราะเวลานี้ บรรดา ส.ส. และ ส.ว. ส่วนใหญ่ยังสงวนท่าที
หรือถึงแม้จะรวมเสียงได้ครบ ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่า ในวันโหวตนายกฯ จะไม่มี ‘งูเห่า’ เกิดขึ้น
พิธาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หรือไม่ คงจะเร็วไปที่จะตอบตอนนี้ เพราะสัจธรรมในโลกและการเมืองคือ ไม่มีอะไรแน่นอน
เหมือนที่มีคนเคยกล่าวว่า “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร”
การฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล การขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องจับตาดูสถานการณ์หลังจากนี้อย่างไม่วางตา
เพราะมีเงื่อนปมอย่างน้อย 4 ด่านที่ ‘พิธา’ และพรรคก้าวไกลจะต้องต่อสู้ ประนีประนอม แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง และยืนหยัด เพื่อเดินหน้าสร้างฝันจากนโยบายให้กลายเป็นจริง
1. ปมถือหุ้นสื่อ iTV - ถ้า กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา และศาลฯ วินิจฉัยว่า พิธามีความผิด อาจพ่วงให้ ส.ส.ก้าวไกล ที่พิธาเซ็นรับรอง ขาดคุณสมบัติ ส.ส. ตกไปตามกัน
2. จับมือ 7 พรรคร่วมรัฐบาล - เริ่มต้นชื่นมื่น แต่เมื่อลงในรายละเอียด จัดทำข้อตกลงร่วมกัน (MOU) แล้ว จะมีจุดต่างที่ไปด้วยกันไม่ได้หรือไม่ โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหวในการบรรลุข้อตกลง
3. ปมแก้ไขมาตรา 112 - พรรคเพื่อไทยจะหันหลังให้ก้าวไกล แล้วจัดตั้งรัฐบาลเองหรือไม่ หลังทักษิณ ชินวัตร พูดในเพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 พฤษภาคม ว่า
“สมมติว่า พรรคเพื่อไทย ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล สิ่งไหนที่พรรคก้าวไกลจะทำ ซึ่งคิดว่าไม่ทำนะ ทำในสิ่งที่กระทบกระเทือนสถาบันพระมหากษัตริย์ เราก็คงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ใช่ขวาจัดตกขอบ ไม่ใช่ แต่เราเป็นคนไทย เราเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ เท่านั้นเอง ชัดเจน ไม่มีบิดพลิ้ว”
4. หาแนวร่วมอีก 66 เสียงสนับสนุนในสภาฯ - หลังรู้ผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ส.ว.หลายคนออกมาแสดงทัศนะจะไม่สนับสนุนพิธาเป็นนายกฯ และพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ไม่โหวตพิธา โดยยกประเด็นแก้ไข/ยกเลิกมาตรา 112 เป็นสาเหตุหลัก แม้เวลาต่อมา เมื่อกระแสสังคมกดดัน ส.ว.บางคนแสดงท่าทีว่าจะโหวตพิธา ก็ใช่ว่าจะยืนยันว่า เมื่อถึงเวลานั้น จะมีคนโหวตกี่คน เพราะเวลานี้ บรรดา ส.ส. และ ส.ว. ส่วนใหญ่ยังสงวนท่าที
หรือถึงแม้จะรวมเสียงได้ครบ ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่า ในวันโหวตนายกฯ จะไม่มี ‘งูเห่า’ เกิดขึ้น
พิธาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หรือไม่ คงจะเร็วไปที่จะตอบตอนนี้ เพราะสัจธรรมในโลกและการเมืองคือ ไม่มีอะไรแน่นอน
เหมือนที่มีคนเคยกล่าวว่า “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร”
