สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์และไทยสร้างไทย เป็นพรรคการเมืองที่ถูกพูดถึงมากระดับหนึ่ง แม้จะไม่มากเท่ากับพรรคตัวเต็ง แต่ก็มากพอที่จะถูกจับตาในฐานะตัวแปรสำคัญ
เส้นทางของไทยสร้างไทยอาจจะเพิ่งเริ่มต้น แต่การเดินทางบนถนนการเมืองของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานถึง 3 ทศวรรษ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ การเอ่ยถึง ‘คุณหญิงหน่อย’ ไม่ได้คึกคักเท่ากับการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ซึ่งในตอนนั้นคุณหญิงหน่อยได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ต่อมาแยกตัวออกมาตั้งพรรคของตัวเองในชื่อไทยสร้างไทย ด้วยสถานะพรรคหน้าใหม่และสถานะใหม่ของคุณหญิงหน่อยที่แบ็คอัพไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนก่อน ทำให้สเกลของการรณรงค์หาเสียงอาจไม่เท่าเมื่อครั้งอยู่เพื่อไทย
เส้นทางของไทยสร้างไทยอาจจะเพิ่งเริ่มต้น แต่การเดินทางบนถนนการเมืองของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานถึง 3 ทศวรรษ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ การเอ่ยถึง ‘คุณหญิงหน่อย’ ไม่ได้คึกคักเท่ากับการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ซึ่งในตอนนั้นคุณหญิงหน่อยได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ต่อมาแยกตัวออกมาตั้งพรรคของตัวเองในชื่อไทยสร้างไทย ด้วยสถานะพรรคหน้าใหม่และสถานะใหม่ของคุณหญิงหน่อยที่แบ็คอัพไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนก่อน ทำให้สเกลของการรณรงค์หาเสียงอาจไม่เท่าเมื่อครั้งอยู่เพื่อไทย

เส้นทางของ ‘หญิงหน่อย’
ยุคพลังธรรม- คุณหญิงสุดารัตน์ เริ่มต้นเส้นทางการเมืองในฐานะ ส.ส. ของพรรคพลังธรรม ในปี 2535 หรือการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยหลังการยึดอำนาจของ รสช. และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
- ระหว่างรัฐบาลชวนและรัฐบาลบรรหาร สุดารัตน์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.มหาดไทย รมช.
- หลังจากได้เป็น ส.ส. ชองพลังธรรม ในการเลือกตั้งปี 2538 ในการเลือกตั้งปี 2539 พรรคพลังธรรมมาถึงจุดดิ่ง โดยได้ ส.ส. แค่คนเดียว คือ สุดารัตน์
- ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังธรรมไม่ลงสมัครครั้งนั้น หลังจาก พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ผู้ก่อตั้งพรรคหารือกับคนทั้งสองแล้ว ทักษิณตัดสินใจแยกทาง และต่อมาไปตั้งพรรคไทยรักไทย

ยุคไทยรักไทย
- สุดารัตน์ ออกจากพลังธรรมมาเข้าร่วมกับใหม่ที่ชื่อ ไทยรักไทย และได้เป็น ส.ส. ผู้มีส่วนในชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคหน้าใหม่ในการเลือกตั้งปี 2544
- ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 1 สุดารัตน์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในเวลานั้นเกิดการระบาดของโรคซาร์สและไข้หวัดนก
- หลังชนะเลือกตังปี 2548 ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่หลังจากนั้นรัฐบาลทักษิณ 2 เผชิญการประท้วงต่อต้านจากกลุ่มต่างๆ
- เกิดรัฐประหารในปี 2549 ตามด้วยคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 ไทยรักไทยถูกยุบ สุดารัตน์ ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี

แยกกันตีเวอร์ชัน 2
แม้คุณหญิงหน่อยจะได้เป็นผู้นำของเพื่อไทย แต่กลับมีการให้กำเนิด ‘พรรคพี่น้อง’ ของเพื่อไทยขึ้นมาที่ชื่อ ไทยรักษาชาติ ซึ่งแทนที่จะช่วยกันเก็บคะแนน กลับประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝันทำให้ถูกยุบพรรคก่อนที่จะโลดแล่นทางการเมืองเมื่อเหลือเพื่อไทยพรรคเดียว โอกาสที่จะตั้งรัฐบาลก็น้อยลงไป อีกทั้งในการเลือกตั้งปี 2562 แม้เพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงากมายพอจะตั้งรัฐบาลได้ ก็มีเหตุเป็นไปทำให้ไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้
ในปี 2563 สุดารัตน์ ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่เหยี่ยวการเมืองที่มีสายตาแหลมคมย่อมมองออกว่าการลาออกของคุณหญิงหน่อยไม่ใช่เพราะ ‘หมดสภาพ’ แต่น่าจะเป็นการใช้ยุทธศาสตร์ ‘แยกกันตี’ เหมือนที่เพื่อไทยเคยคิดทำกับไทยรักษาชาติ

ทำไมไทยสร้างไทยถูกพูดถึงแบบแผ่วๆ?
ตั้งแต่ในยุคเพื่อไทย+ไทยรักษาชาติแล้วที่มีข้อสงสัยถึงความเกี่ยวข้องระหว่าง 2 พรรคนี้ ซึ่ง สุดารัตน์ กล่าวว่าทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกัน หลังจากที่ออกมาตั้งไทยสร้างไทย สุดารัตน์ก็ยังเจอคำถามเดิมๆ ประเภทนี่คือการแยกกันเดิม ร่วมกันตีในสูตร ‘เพื่อไทย+ไทยสร้างชาติ’ หรือเปล่า?ด้วยความเข้าใจแบบนี้ล่ะมั้งที่ทำให้การรับรู้ (Brand perception) ของผู้คนต่อพรรคไทยสร้างไทยมีอยู่น้อยนิด เพราะถูกบดบังด้วยรัศมีของพรรคเพื่อไทย
ยังไม่นับการที่ชื่อของพรรคไทยสร้างไทยยังไปคล้ายกับพรรคไทยสร้างชาติของ ‘ลุงตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งทำให้การรับรู้ของผู้คนถูกบดบังเช้าไปอีก และยังมีปัญหาความคล้ายกันที่ถึงขนาดทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใส่ชื่อพรรคให้ผู้สมัครผิด
เช่น กรณีของณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 หมายเลข 3 จ.หนองบัวลำภู พรรคไทยสร้างไทยพบว่า กกต. ใส่ข้อมูลชื่อพรรคที่เข้าสังกัดผิดพลาด จากพรรค ‘ไทยสร้างไทย’ เป็น ‘ไทยสร้างชาติ’
ด้วยการ Positioning ตัวเองที่ไม่โดดเด่น และยังมีปัญหาเรื่อง Brand perception ทำให้ไทยสร้างไทยจึงถูกเอ่ยถึงเพียงแผ่วเบา
เช่นเดียวกับอนาคตทางการเมืองของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ไม่รู้จะยังฉายแสงได้ต่อไปอีกนานแค่ไหน