ชะตากรรม ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ถูกผูกกับ ‘นายกฯ’ คนต่อไป ว่าจะเป็นใคร ที่ในขณะนี้เป็นเวลาของ ‘เพื่อไทย’ ที่ยังถืออาญาสิทธิ์ในการนำจัดตั้งรัฐบาล พร้อมกับชูชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ขึ้นเป็นนายกฯ ที่มี ‘แผลทางการเมือง’ ขยายใหญ่ขึ้น ในการกรำศึกกับ ‘ชูวิทย์ จอมแฉ’ ที่ทำให้ ‘เศรษฐา’ ต้องออกมา ‘เปิดหน้า’ ชี้แจงด้วยตนเอง นับถอยหลัง 5 วัน ก่อนถึงวันโหวตนายกฯ 22ส.ค.นี้ ที่ในสภาฯ จะเปิดให้อภิปราย ‘เศรษฐา’ 5 ชั่วโมง ซึ่งชะตากรรมของ ‘เศรษฐา’ สะเทือนมาถึง ‘แสนสิริ’ ที่กระทบภาพลักษณ์ของทั้งคู่
มีความเคลื่อนไหว ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ บินไปพบคุณพ่อที่ดูไบ แล้วในขณะนี้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ได้กลับมาไทยแล้ว ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่า ‘ทักษิณ’ จะกลับไทยช่วง 21-22 ส.ค.นี้ หลังเลื่อนมาจาก 10 ส.ค. ที่อ้างเรื่องพบแพทย์ตรวจสุขภาพ ทามไลน์ตามกระแสข่าวนี้ จะตรงกับวันโหวตนายกฯ 22 ส.ค.นี้ พอดี แต่ในแวดวงการเมืองมีการพูดกันว่า ‘ทักษิณ’ จะกลับไทยได้ ต่อเมื่อได้ นายกฯ คนที่ 30 ก่อน
แม้ ‘เพื่อไทย’ จะฝ่าด่านไปดึง ‘ขั้วรัฐบาลเดิม’ มาร่วมรัฐบาลได้ โดยเฉพาะขั้วสองลุง แต่การตกลง ‘เก้าอี้รัฐมนตรี’ ยังไม่ลงตัทั้งหมด แต่ละพรรคมี ‘เงื่อนไขสูง’ พอสมควร ชนิดที่เท่ากับ ‘ตัดหัวแขน-ขา’ ของซีก ‘เพื่อไทย’ เลยทีเดียว แต่ก็เป็นการยืนพื้นที่ ‘เพื่อไทย’ ก็อยู่ในสภาวะอาจต้อง ‘กลืนเลือด’ หลังทำการ ‘กลืนน้ำลาย’ มาจับมือกับขั้วสองลุงแล้ว
ว่ากันว่า ‘ทักษิณ’ ได้รับ ‘สัญญาณ’ ให้กลับไทย แต่ระยะเวลาก็มี ‘เดดไลน์’ เช่นกัน ไม่ใช่ให้ ‘เลื่อน-ทอดเวลา’ ไปเรื่อยๆ มีการขีดเส้น ‘ทักษิณ’ ให้กลับมาภายใน ส.ค.66 หากเลย ‘ระยะเวลา’ นี้ไป ก็อาจทำให้ ‘ที่คุยไว้’ ต้องพับแผนไป หรือเรียกว่าต้องไป ‘ดีลใหม่’ นั่นเอง ซึ่งอาจไม่มี ‘โอกาสทอง’ เช่นนี้อีก
หากสุดท้ายชื่อ ‘เศรษฐา’ ไปไม่ถึงฝัน จะจบที่ชื่อ ‘แพทองธาร’ หรือไม่ เริ่มมีการพูดถึงชื่อ ‘แพทองธาร’ เป็น ‘ชื่อสำรอง’ ในการโหวตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ในแง่หนึ่งเป็นชื่อที่ ‘ทักษิณ’ ไว้ใจได้มากที่สุด พร้อมที่จะ ‘ช่วยคุณพ่อ’ หากเทียบกับชื่อ ‘เศรษฐา’ ในเรื่องนี้ แต่ก็ยังติดอยู่ที่ ‘คุณหญิงอ้อ’พจมาน ดามาพงศ์ จะยอมให้ ‘ลูกสาว’ ต้องมาเผชิญชะตากรรมหรือไม่ เพราะ ‘พรรษา’ ทางการเมืองยังน้อย ยังมีเวลาอยู่ อีกทั้ง ‘ตระกูลชินวัตร’ เหลือตัวเลือกไม่มาก ในการส่ง ‘ทายาท’ มาทำการเมือง
ในหลายวงมีการมองชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หากมาเป็น นายกฯ ก็จะเป็น ‘ตัวประกัน’ ในทางการเมืองทันที ที่ชีวิตเปรียบ ‘ยืนอยู่บนเส้นด้าน’ เท่ากับเป็นการล็อกคอ ‘ทักษิณ’ ไม่ให้ทำอะไร ‘นอกลู่นอกทาง’ หรือ ‘คิดตุกติก’ ด้วย
ภารกิจของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ในวันนี้ มีต้นทุนต่างๆที่ต้องจ่าย เมื่อตัดสินใจไปทางใดทางหนึ่ง แต่ต้นทุนที่ ‘เพื่อไทย’ ต้องจ่ายแพงที่สุด คือ “พาทักษิณกลับบ้าน” ซึ่งต้นทุนนี้อาจมากถึงการทำให้ ‘เพื่อไทย’ ล่มสลายไป แต่ก็เป็นระยะเวลา 20 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ ‘พรรคไทยรักไทย - พลังประชาชน – เพื่อไทย’ เป็นแถวหน้าในสนามการเมือง
ทั้งนี้เคยมีการพูดใน ‘เพื่อไทย’ เสียด้วยซ้ำว่า ‘ตระกูลชินวัตร’ ก็พร้อมที่จะ ‘เลิกทำพรรค’ ที่เปรียบเป็น ‘กงสี-ธุรกิจ’ อย่างหนึ่งของ ‘ตระกูลชินวัตร’ หรือสุดท้าย ‘พรรคเพื่อไทย’ จะกลายเป็น ‘พรรคไฮบริด’ กลายมาเป็น ‘อนุรักษ์นิยมใหม่’ ในอนาคตก็เป็นได้ ตามแนวคิดของ ‘ทักษิณ’ ที่เขาอยากเป็น ‘ที่รัก’ ของ ‘อีลีทไทย’ เพราะเขารอเวลานี้มา 20 ปีแล้ว
มีความเคลื่อนไหว ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ บินไปพบคุณพ่อที่ดูไบ แล้วในขณะนี้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ได้กลับมาไทยแล้ว ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่า ‘ทักษิณ’ จะกลับไทยช่วง 21-22 ส.ค.นี้ หลังเลื่อนมาจาก 10 ส.ค. ที่อ้างเรื่องพบแพทย์ตรวจสุขภาพ ทามไลน์ตามกระแสข่าวนี้ จะตรงกับวันโหวตนายกฯ 22 ส.ค.นี้ พอดี แต่ในแวดวงการเมืองมีการพูดกันว่า ‘ทักษิณ’ จะกลับไทยได้ ต่อเมื่อได้ นายกฯ คนที่ 30 ก่อน
แม้ ‘เพื่อไทย’ จะฝ่าด่านไปดึง ‘ขั้วรัฐบาลเดิม’ มาร่วมรัฐบาลได้ โดยเฉพาะขั้วสองลุง แต่การตกลง ‘เก้าอี้รัฐมนตรี’ ยังไม่ลงตัทั้งหมด แต่ละพรรคมี ‘เงื่อนไขสูง’ พอสมควร ชนิดที่เท่ากับ ‘ตัดหัวแขน-ขา’ ของซีก ‘เพื่อไทย’ เลยทีเดียว แต่ก็เป็นการยืนพื้นที่ ‘เพื่อไทย’ ก็อยู่ในสภาวะอาจต้อง ‘กลืนเลือด’ หลังทำการ ‘กลืนน้ำลาย’ มาจับมือกับขั้วสองลุงแล้ว
ว่ากันว่า ‘ทักษิณ’ ได้รับ ‘สัญญาณ’ ให้กลับไทย แต่ระยะเวลาก็มี ‘เดดไลน์’ เช่นกัน ไม่ใช่ให้ ‘เลื่อน-ทอดเวลา’ ไปเรื่อยๆ มีการขีดเส้น ‘ทักษิณ’ ให้กลับมาภายใน ส.ค.66 หากเลย ‘ระยะเวลา’ นี้ไป ก็อาจทำให้ ‘ที่คุยไว้’ ต้องพับแผนไป หรือเรียกว่าต้องไป ‘ดีลใหม่’ นั่นเอง ซึ่งอาจไม่มี ‘โอกาสทอง’ เช่นนี้อีก
หากสุดท้ายชื่อ ‘เศรษฐา’ ไปไม่ถึงฝัน จะจบที่ชื่อ ‘แพทองธาร’ หรือไม่ เริ่มมีการพูดถึงชื่อ ‘แพทองธาร’ เป็น ‘ชื่อสำรอง’ ในการโหวตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ในแง่หนึ่งเป็นชื่อที่ ‘ทักษิณ’ ไว้ใจได้มากที่สุด พร้อมที่จะ ‘ช่วยคุณพ่อ’ หากเทียบกับชื่อ ‘เศรษฐา’ ในเรื่องนี้ แต่ก็ยังติดอยู่ที่ ‘คุณหญิงอ้อ’พจมาน ดามาพงศ์ จะยอมให้ ‘ลูกสาว’ ต้องมาเผชิญชะตากรรมหรือไม่ เพราะ ‘พรรษา’ ทางการเมืองยังน้อย ยังมีเวลาอยู่ อีกทั้ง ‘ตระกูลชินวัตร’ เหลือตัวเลือกไม่มาก ในการส่ง ‘ทายาท’ มาทำการเมือง
ในหลายวงมีการมองชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หากมาเป็น นายกฯ ก็จะเป็น ‘ตัวประกัน’ ในทางการเมืองทันที ที่ชีวิตเปรียบ ‘ยืนอยู่บนเส้นด้าน’ เท่ากับเป็นการล็อกคอ ‘ทักษิณ’ ไม่ให้ทำอะไร ‘นอกลู่นอกทาง’ หรือ ‘คิดตุกติก’ ด้วย
ภารกิจของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ในวันนี้ มีต้นทุนต่างๆที่ต้องจ่าย เมื่อตัดสินใจไปทางใดทางหนึ่ง แต่ต้นทุนที่ ‘เพื่อไทย’ ต้องจ่ายแพงที่สุด คือ “พาทักษิณกลับบ้าน” ซึ่งต้นทุนนี้อาจมากถึงการทำให้ ‘เพื่อไทย’ ล่มสลายไป แต่ก็เป็นระยะเวลา 20 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ ‘พรรคไทยรักไทย - พลังประชาชน – เพื่อไทย’ เป็นแถวหน้าในสนามการเมือง
ทั้งนี้เคยมีการพูดใน ‘เพื่อไทย’ เสียด้วยซ้ำว่า ‘ตระกูลชินวัตร’ ก็พร้อมที่จะ ‘เลิกทำพรรค’ ที่เปรียบเป็น ‘กงสี-ธุรกิจ’ อย่างหนึ่งของ ‘ตระกูลชินวัตร’ หรือสุดท้าย ‘พรรคเพื่อไทย’ จะกลายเป็น ‘พรรคไฮบริด’ กลายมาเป็น ‘อนุรักษ์นิยมใหม่’ ในอนาคตก็เป็นได้ ตามแนวคิดของ ‘ทักษิณ’ ที่เขาอยากเป็น ‘ที่รัก’ ของ ‘อีลีทไทย’ เพราะเขารอเวลานี้มา 20 ปีแล้ว