ฮือฮากันอีกครั้งสำหรับ บรรดากองเชียร์ ‘เพื่อไทย’ หลัง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ใช้จังหวะหัวโค้งก่อนเลือกตั้ง ปาดหน้าดับกระแสการเมืองปรอทแตก ประกาศผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า “ผมขออนุญาตอีกครั้ง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานภายในเดือนกรกฎาคมนี้ก่อนวันเกิดผมครับ ขออนุญาตนะครับ เกือบ 17 ปีแล้วที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว ผมก็แก่แล้วครับ”
พร้อมขยายความต่อในช่องคอมเมนต์ว่า “ไม่ต้องกังวลว่าผมจะเป็นภาระพรรคเพื่อไทย ผมจะเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย และวันที่ผมกลับยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ทั้งหมดคือการตัดสินใจของผมเองด้วยความรักผูกพันธ์กับครอบครัว - แผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา”
แน่นอนทุกถ้อยคำการสื่อสารถูกตั้งคำถาม ‘นัยทางการเมือง’ ทั้งการ ‘วิเคราะห์’ และ ‘วิแคะ’ ผลลัพธ์ออกเห็นร่วมกันว่า นอกจากประเด็น ‘อยากกลับมาเลี้ยงหลาน’ แล้วยังเป็นการสื่อสารเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
ดูสถานการณ์เลือกตั้งตอนนี้ จังหวะออกหมัดฮุกของเพื่อไทยดูลำบาก ล่อเป้าชมลมยังพลาด เพราะกระแสขั้วเสรีนิยม เริ่มถ่านเทไปหา ‘ก้าวไกล’ ที่ชูเด่นเรื่องนโยบายความชัดเจน ‘มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา’ ในขณะที่ ‘เพื่อไทย’ แม้ช่วงหลังแกนนำคนสำคัญทั้งแคนดิเดตนายกฯ ‘อุ๊งอิ๊ง - เศรษฐา’ หรือบรรดา ‘นักรบห้องแอร์’ ต่างออกมายืนยันว่าจะไม่จับมือกับ ‘ป.ประวิตร’ อย่างไรเสียทุกอย่างอาจช้าไปสำหรับคนหนุ่มสาว...
ผลโพลช่วงท้ายหลายสำนัก ฟันธงคะแนนนิยมเทไปให้ ‘พรรคก้าวไกล’ และ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ บางสำนักถึงขั้นชู ขึ้นเบอร์หนึ่ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อ ‘เลือกคน’ หรือ ‘เลือกพรรค’ กระแสทิศไปทางเดียวกันที่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ และ ‘พรรคเพื่อไทย’
นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ‘แม้ว’ ตัดสินใจสร้างปรากฏการณ์ ‘อยากกลับบ้าน’ (อีกครั้ง) เพื่อเป็นลมใต้ปีก หนุน ‘พรรคตระกูลชินวัตร’ ให้สูงขึ้นเดินหน้าทำภารกิจ ‘แลนด์สไลด์’ อย่างไม่กังวล ‘กระแส’ เพราะ ‘นายใหญ่’ ออกตัวแรง มีหรือแฟนคลับจะไม่แฮปปี้
อย่างไรเสียในนัยจากข้อความ ก็มีหลายอย่างที่ต้องพูดคุย อย่างการที่บอกจะกลับมาก่อนวันเกิด (26 ก.ค.) ซึ่งเป็นช่วงที่ ‘รัฐบาลประยุทธ์’ ยังคงทำหน้าที่รักษาการณ์อยู่ แต่การเลือกกลับมาหลังการเลือกตั้ง หากคะแนนพรรคเพื่อไทยสูงนำลิ่ว อาจเป็นการสร้างความชอบธรรมกลายๆ ถึงการสนับสนุนทักษิณด้วย อีกหนึ่งคีย์เมจเสจที่น่าสนใจ คือ ‘เจ้านาย’ คงตีความไม่อยากคงหมายถึงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งอาจทำให้แฟนคลับที่มีแนวคิดประชาธิปไตยสุดโต่งกังวลว่า ถึงนโยบายการแแก้ ม.112 ผ่านระบบรัฐสภา จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องดูต่อไป
‘รศ.สุขุม นวลสกุล’ อดีตอธิบการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า นี่อาจเป็นไม้ตายของ ‘ทักษิณ’ แต่ไม่ใช่ไพ่ใบสุดท้ายของ ‘เพื่อไทย’ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ที่เสนอไป 3 รายชื่อพรรคก็ยังไม่ได้ ‘ปิดเกม’ ยังคงเป็นปุจฉาให้คนตั้งคำถามว่าสรุปแล้วจะเป็นใครเป็นตัวจริง ‘เบอร์ 1 ไทยคู่ฟ้า’
เมื่อถามถึงประเด็นที่ทักษิณระบุว่าจะกลับเมืองไทยช่วงเดือนกรกฎาคม (ซึ่งเป็นช่วงที่คาดว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาล) สามารถการันตีความมั่นใจของคนแดนไกลได้หรือไม่ ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน กูรูการเมืองให้ความเห็นว่า ส่วนตัวคิดว่าทักษิณเชื่อมั่นเสนอว่าพรรคเพื่อไทยต้องชนะการเลือกตั้งแน่ เพียงแต่การโพสต์ข้อความในลักษณะนี้จะทำให้ชนะขาดขึ้น
ส่วนกรณีดีลลับข้ามขั้วที่มีกระแสข่าวว่าเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลร่วมกับ ‘พลังประชารัฐ’ นั้น อาจารย์สุขุมว่า ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้เพราะคะแนนเลือกตั้งยังไม่สมบูรณ์ แต่หากเกิดการร่วมดีลจริงต้องมีคนตกเป็นจำเลยทั้ง 2 ฝั่ง
“ถ้าจะจับมือกันก็ต้องมีคนเสียสละ ผมเชื่อว่าถ้าพลังประชารัฐจับมือกับเพื่อไทย บุคคลที่เคยออกมาแสดงจุดยืนว่าจะไม่ร่วมกัน จะต้องเป็นคนที่ถูกสังเวย โดยการลาออกจากหัวหน้าพรรค แบบเดียวกับที่อภิสิทธิ์ลาออกจากประชาธิปัตย์สมัยปี 2562”
ในสายตาของคอการเมือง ก็อยากให้พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จับมือตั้งรัฐบาล ในฐานะที่ทั้งคู่เป็น ‘พรรคล้มทหาร’ เหมือนกัน ถ้าคนหนึ่งเป็นรัฐบาล อีกคนเป็นฝ่ายค้านแฟนคลับคงผิดหวัง แต่ทางการเมืองก็ยอมรับว่า สีแดงก็ไม่ชอบสีส้มเหมือนกัน เพราะกระแสแรงต่อเนื่อง แต่คงเทียบยากเพราะผลโพลที่ออกมาคือ ‘กระแส’ หาใช่ ‘กระสุน’ บัตรเลือกพรรค แม้จะเทไปที่พรรคก้าวไกล เต็มที่ก็มีแค่ 100 ที่นั่ง แต่บัตรเลือกคน มีถึง 400 นั่งที่ ซึ่งเพื่อไทยเองยังคงมีแต้มต่อของกระสุนตุนไว้ในกระเป๋าเยอะกว่า
ท้ายที่สุด อาจารย์สุขุม ขอสื่อสารกับประชาชนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ดูการเมืองให้เป็นเกม อย่าง ‘กลัว’ เลือกตามที่ใจปรารถนา และเชื่อว่ากระแส ‘ทักษิณ’ มีผลแค่เฉพาะกองเชียร์เพื่อไทย เป็นการรักษาฐานเท่านั้น
แต่ ‘คนแจวเรือแปะ’ อย่าง ‘วิษณุ เครืองาม’ ก็ออกมาระบุแล้ว หากจะกลับมาต้องติดคุกก่อน...แม้วจะกล้าไหม วัดใจ ‘พ่อแม้ว’ ดู
พร้อมขยายความต่อในช่องคอมเมนต์ว่า “ไม่ต้องกังวลว่าผมจะเป็นภาระพรรคเพื่อไทย ผมจะเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย และวันที่ผมกลับยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ทั้งหมดคือการตัดสินใจของผมเองด้วยความรักผูกพันธ์กับครอบครัว - แผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา”
แน่นอนทุกถ้อยคำการสื่อสารถูกตั้งคำถาม ‘นัยทางการเมือง’ ทั้งการ ‘วิเคราะห์’ และ ‘วิแคะ’ ผลลัพธ์ออกเห็นร่วมกันว่า นอกจากประเด็น ‘อยากกลับมาเลี้ยงหลาน’ แล้วยังเป็นการสื่อสารเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
ดูสถานการณ์เลือกตั้งตอนนี้ จังหวะออกหมัดฮุกของเพื่อไทยดูลำบาก ล่อเป้าชมลมยังพลาด เพราะกระแสขั้วเสรีนิยม เริ่มถ่านเทไปหา ‘ก้าวไกล’ ที่ชูเด่นเรื่องนโยบายความชัดเจน ‘มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา’ ในขณะที่ ‘เพื่อไทย’ แม้ช่วงหลังแกนนำคนสำคัญทั้งแคนดิเดตนายกฯ ‘อุ๊งอิ๊ง - เศรษฐา’ หรือบรรดา ‘นักรบห้องแอร์’ ต่างออกมายืนยันว่าจะไม่จับมือกับ ‘ป.ประวิตร’ อย่างไรเสียทุกอย่างอาจช้าไปสำหรับคนหนุ่มสาว...
ผลโพลช่วงท้ายหลายสำนัก ฟันธงคะแนนนิยมเทไปให้ ‘พรรคก้าวไกล’ และ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ บางสำนักถึงขั้นชู ขึ้นเบอร์หนึ่ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อ ‘เลือกคน’ หรือ ‘เลือกพรรค’ กระแสทิศไปทางเดียวกันที่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ และ ‘พรรคเพื่อไทย’
นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ‘แม้ว’ ตัดสินใจสร้างปรากฏการณ์ ‘อยากกลับบ้าน’ (อีกครั้ง) เพื่อเป็นลมใต้ปีก หนุน ‘พรรคตระกูลชินวัตร’ ให้สูงขึ้นเดินหน้าทำภารกิจ ‘แลนด์สไลด์’ อย่างไม่กังวล ‘กระแส’ เพราะ ‘นายใหญ่’ ออกตัวแรง มีหรือแฟนคลับจะไม่แฮปปี้
อย่างไรเสียในนัยจากข้อความ ก็มีหลายอย่างที่ต้องพูดคุย อย่างการที่บอกจะกลับมาก่อนวันเกิด (26 ก.ค.) ซึ่งเป็นช่วงที่ ‘รัฐบาลประยุทธ์’ ยังคงทำหน้าที่รักษาการณ์อยู่ แต่การเลือกกลับมาหลังการเลือกตั้ง หากคะแนนพรรคเพื่อไทยสูงนำลิ่ว อาจเป็นการสร้างความชอบธรรมกลายๆ ถึงการสนับสนุนทักษิณด้วย อีกหนึ่งคีย์เมจเสจที่น่าสนใจ คือ ‘เจ้านาย’ คงตีความไม่อยากคงหมายถึงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งอาจทำให้แฟนคลับที่มีแนวคิดประชาธิปไตยสุดโต่งกังวลว่า ถึงนโยบายการแแก้ ม.112 ผ่านระบบรัฐสภา จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องดูต่อไป
‘รศ.สุขุม นวลสกุล’ อดีตอธิบการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า นี่อาจเป็นไม้ตายของ ‘ทักษิณ’ แต่ไม่ใช่ไพ่ใบสุดท้ายของ ‘เพื่อไทย’ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ที่เสนอไป 3 รายชื่อพรรคก็ยังไม่ได้ ‘ปิดเกม’ ยังคงเป็นปุจฉาให้คนตั้งคำถามว่าสรุปแล้วจะเป็นใครเป็นตัวจริง ‘เบอร์ 1 ไทยคู่ฟ้า’
เมื่อถามถึงประเด็นที่ทักษิณระบุว่าจะกลับเมืองไทยช่วงเดือนกรกฎาคม (ซึ่งเป็นช่วงที่คาดว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาล) สามารถการันตีความมั่นใจของคนแดนไกลได้หรือไม่ ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน กูรูการเมืองให้ความเห็นว่า ส่วนตัวคิดว่าทักษิณเชื่อมั่นเสนอว่าพรรคเพื่อไทยต้องชนะการเลือกตั้งแน่ เพียงแต่การโพสต์ข้อความในลักษณะนี้จะทำให้ชนะขาดขึ้น
ส่วนกรณีดีลลับข้ามขั้วที่มีกระแสข่าวว่าเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลร่วมกับ ‘พลังประชารัฐ’ นั้น อาจารย์สุขุมว่า ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้เพราะคะแนนเลือกตั้งยังไม่สมบูรณ์ แต่หากเกิดการร่วมดีลจริงต้องมีคนตกเป็นจำเลยทั้ง 2 ฝั่ง
“ถ้าจะจับมือกันก็ต้องมีคนเสียสละ ผมเชื่อว่าถ้าพลังประชารัฐจับมือกับเพื่อไทย บุคคลที่เคยออกมาแสดงจุดยืนว่าจะไม่ร่วมกัน จะต้องเป็นคนที่ถูกสังเวย โดยการลาออกจากหัวหน้าพรรค แบบเดียวกับที่อภิสิทธิ์ลาออกจากประชาธิปัตย์สมัยปี 2562”
ในสายตาของคอการเมือง ก็อยากให้พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จับมือตั้งรัฐบาล ในฐานะที่ทั้งคู่เป็น ‘พรรคล้มทหาร’ เหมือนกัน ถ้าคนหนึ่งเป็นรัฐบาล อีกคนเป็นฝ่ายค้านแฟนคลับคงผิดหวัง แต่ทางการเมืองก็ยอมรับว่า สีแดงก็ไม่ชอบสีส้มเหมือนกัน เพราะกระแสแรงต่อเนื่อง แต่คงเทียบยากเพราะผลโพลที่ออกมาคือ ‘กระแส’ หาใช่ ‘กระสุน’ บัตรเลือกพรรค แม้จะเทไปที่พรรคก้าวไกล เต็มที่ก็มีแค่ 100 ที่นั่ง แต่บัตรเลือกคน มีถึง 400 นั่งที่ ซึ่งเพื่อไทยเองยังคงมีแต้มต่อของกระสุนตุนไว้ในกระเป๋าเยอะกว่า
ท้ายที่สุด อาจารย์สุขุม ขอสื่อสารกับประชาชนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ดูการเมืองให้เป็นเกม อย่าง ‘กลัว’ เลือกตามที่ใจปรารถนา และเชื่อว่ากระแส ‘ทักษิณ’ มีผลแค่เฉพาะกองเชียร์เพื่อไทย เป็นการรักษาฐานเท่านั้น
แต่ ‘คนแจวเรือแปะ’ อย่าง ‘วิษณุ เครืองาม’ ก็ออกมาระบุแล้ว หากจะกลับมาต้องติดคุกก่อน...แม้วจะกล้าไหม วัดใจ ‘พ่อแม้ว’ ดู