ยาวนานกว่า 9 ปี ที่ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ อยู่ในอำนาจ จากยุค คสช. ผ่องถ่ายสู่ยุค ‘รบ.เลือกตั้ง’ ก่อนโอนมาสู่ ‘ทายาท-พรรคร่างทรง’ ที่ล้ำกว่านั้นคือการตั้ง ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’ ระหว่างขั้ว ‘3ป.เดิม’ กับ ‘พรรคเพื่อไทย’ ภายใต้ ‘เศรษฐา ทวีสิน’เป็น นายกฯ ที่เปรียบเป็น ‘ตัวละคร-ไพ่ใบใหม่’ ของ ‘ขั้วอำนาจเดิม-ชนชั้นนำ’ ในการกรำศึกกับ ‘ขั้วอำนาจใหม่-พรรคก้าวไกล’
สำหรับ ‘2ป.ประยุทธ์ - ประวิตร’ ได้แยกพรรคของตัวเองเป็น ‘รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ’ ที่เปรียบเป็น ‘ร่างทรง’ ของทั้ง 2ป. แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะประกาศวางมือการเมืองไปแล้ว เพื่อปลดล็อคให้ รทสช. ไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งการส่งสัญญาณให้ 150 สว. สายไทยคู่ฟ้า ยกโหวตให้ ‘เศรษฐา’ เป็น นายกฯ หลังเคลียร์เก้าอี้รัฐมนตรีลงตัว
แต่ในซีก พปชร. มีการ ‘วัดพลัง’ พอสมควร ที่มีความพยายามดัน พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นนายกฯ แต่สุดท้ายไม่สามารถฝ่ากระแสกดดันต่างๆ ไปได้ จึงต้องจบที่ร่วมรัฐบาลข้ามขั้ว แต่ทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ คือ เสียง สว.สายบ้านป่ารอยต่อ ไม่ยกโหวตให้ ‘เศรษฐา’ ทำให้ พปชร. ต้องต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกับ ‘เพื่อไทย’ อย่างมาก ไม่ทางสะดวกแบบ รทสช. แต่สุดท้าย พปชร. ก็ได้เก้าอี้มาตามต้องการ โดยเฉพาะ รมว.เกษตรฯ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั่งรัฐมนตรีว่าการ
แต่ที่ถูกจับตาอย่างมากคือการที่ พล.อ.ประวิตร ส่งน้องรัก ‘ร่วมสายเลือด’ มาทำงานการเมืองแทน นั่นคือ ‘ป.ป็อด’พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่มาดำรงตำแหน่ง รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรฯ ล่าสุด พล.อ.ประวิตร ประกาศจะลาออก สส.บัญชีรายชื่อ แต่ยังคงนั่ง หน.พลังประชารัฐ ต่อไปเก้าอี้เดียว สำหรับ พล.อ.ประวิตร ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดน พล.อ.ประยุทธ์ ‘ริบอำนาจ’ ไม่ได้คุม ‘ทหาร-ตำรวจ’ เฉกเช่นยุค คสช. และโดนลดบทบาทลงไป ซึ่งบทบาทหลักไปอยู่กับเรื่อง ‘ทรัพยากรธรรมชาติ’ เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น
แต่สิ่งที่เปรียบเป็น ‘ฐานที่มั่น’ ของ พล.อ.ประวิตร คือ บอร์ดโอลิมปิคไทยฯ เพราะ พล.อ.ประวิตร เป็น ปธ.คณะกรรมการโอลิมปิคไทยฯ ที่ในบอร์ดพบว่ามี ‘น้องเลิฟ’ ของ พล.อ.ประวิตร อยู่หลายคน ตั้งอยู่ที่ ‘บ้านอัมพวัน’ เยื้องๆกับ ‘บ้านที่เสาเทเวศร์’ ภายหลัง ‘บิ๊กป้อม’ ขึ้นเป็น ปธ.บอร์ดโอลิมปิคไทยฯ ก็ได้มีการปรับปรุงเรื่อยมา แต่มาปรับปรุงใหญ่หลังจาก ‘บิ๊กณัฐ’พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เกษียณฯจาก ปลัดกลาโหม แล้วมาช่วยงาน พล.อ.ประวิตร ที่โอลิมปิคฯ ทำให้ ‘บ้านอัมพวัน’ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ใช้เป็นสถานที่รับแขกของ พล.อ.ประวิตร
นอกเหนือจาก ‘บ้านป่ารอยต่อ’ หรือมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่ช่วงหลังมีการ ‘คุมเข้มพื้นที่’ ไม่ให้ใครเข้า-ออกได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน มีการติดตั้งเครื่องแสกนบุคคลต่างๆ และมีนายทหารฝ่าย เสธ. จัดคิวเข้มงวดมากขึ้น แต่หากเป็น ‘บุคคลใกล้ชิด’ ของ พล.อ.ประวิตร ก็จะพาเข้า ‘บ้านปิยะมิตร’ ย่านมีนบุรี บ้านพักส่วนตัว ที่รับเฉพาะพี่น้องเพื่อนเท่านั้น
แต่ในวันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ส่งไม้ต่อทางการเมืองให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ทำให้โฟกัสไปอยู่ที่ ‘บ้านโชคชัย’ ของ ‘บิ๊กป็อด’ ที่ตั้งอยู่ย่านโชคชัย 4 กทม. ที่จะเคียงคู่ ‘บ้านป่ารอยต่อ’ ของ พล.อ.ประวิตร จึงต้องจับตาบทบาทของ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่เปิดหน้าสู่ ‘สนามการเมือง’ อย่างเป็นทางการ จะเป็นอย่างไรต่อไป
สำหรับ ‘2ป.ประยุทธ์ - ประวิตร’ ได้แยกพรรคของตัวเองเป็น ‘รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ’ ที่เปรียบเป็น ‘ร่างทรง’ ของทั้ง 2ป. แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะประกาศวางมือการเมืองไปแล้ว เพื่อปลดล็อคให้ รทสช. ไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งการส่งสัญญาณให้ 150 สว. สายไทยคู่ฟ้า ยกโหวตให้ ‘เศรษฐา’ เป็น นายกฯ หลังเคลียร์เก้าอี้รัฐมนตรีลงตัว
แต่ในซีก พปชร. มีการ ‘วัดพลัง’ พอสมควร ที่มีความพยายามดัน พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นนายกฯ แต่สุดท้ายไม่สามารถฝ่ากระแสกดดันต่างๆ ไปได้ จึงต้องจบที่ร่วมรัฐบาลข้ามขั้ว แต่ทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ คือ เสียง สว.สายบ้านป่ารอยต่อ ไม่ยกโหวตให้ ‘เศรษฐา’ ทำให้ พปชร. ต้องต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกับ ‘เพื่อไทย’ อย่างมาก ไม่ทางสะดวกแบบ รทสช. แต่สุดท้าย พปชร. ก็ได้เก้าอี้มาตามต้องการ โดยเฉพาะ รมว.เกษตรฯ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั่งรัฐมนตรีว่าการ
แต่ที่ถูกจับตาอย่างมากคือการที่ พล.อ.ประวิตร ส่งน้องรัก ‘ร่วมสายเลือด’ มาทำงานการเมืองแทน นั่นคือ ‘ป.ป็อด’พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่มาดำรงตำแหน่ง รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรฯ ล่าสุด พล.อ.ประวิตร ประกาศจะลาออก สส.บัญชีรายชื่อ แต่ยังคงนั่ง หน.พลังประชารัฐ ต่อไปเก้าอี้เดียว สำหรับ พล.อ.ประวิตร ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดน พล.อ.ประยุทธ์ ‘ริบอำนาจ’ ไม่ได้คุม ‘ทหาร-ตำรวจ’ เฉกเช่นยุค คสช. และโดนลดบทบาทลงไป ซึ่งบทบาทหลักไปอยู่กับเรื่อง ‘ทรัพยากรธรรมชาติ’ เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น
แต่สิ่งที่เปรียบเป็น ‘ฐานที่มั่น’ ของ พล.อ.ประวิตร คือ บอร์ดโอลิมปิคไทยฯ เพราะ พล.อ.ประวิตร เป็น ปธ.คณะกรรมการโอลิมปิคไทยฯ ที่ในบอร์ดพบว่ามี ‘น้องเลิฟ’ ของ พล.อ.ประวิตร อยู่หลายคน ตั้งอยู่ที่ ‘บ้านอัมพวัน’ เยื้องๆกับ ‘บ้านที่เสาเทเวศร์’ ภายหลัง ‘บิ๊กป้อม’ ขึ้นเป็น ปธ.บอร์ดโอลิมปิคไทยฯ ก็ได้มีการปรับปรุงเรื่อยมา แต่มาปรับปรุงใหญ่หลังจาก ‘บิ๊กณัฐ’พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เกษียณฯจาก ปลัดกลาโหม แล้วมาช่วยงาน พล.อ.ประวิตร ที่โอลิมปิคฯ ทำให้ ‘บ้านอัมพวัน’ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ใช้เป็นสถานที่รับแขกของ พล.อ.ประวิตร
นอกเหนือจาก ‘บ้านป่ารอยต่อ’ หรือมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่ช่วงหลังมีการ ‘คุมเข้มพื้นที่’ ไม่ให้ใครเข้า-ออกได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน มีการติดตั้งเครื่องแสกนบุคคลต่างๆ และมีนายทหารฝ่าย เสธ. จัดคิวเข้มงวดมากขึ้น แต่หากเป็น ‘บุคคลใกล้ชิด’ ของ พล.อ.ประวิตร ก็จะพาเข้า ‘บ้านปิยะมิตร’ ย่านมีนบุรี บ้านพักส่วนตัว ที่รับเฉพาะพี่น้องเพื่อนเท่านั้น
แต่ในวันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ส่งไม้ต่อทางการเมืองให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ทำให้โฟกัสไปอยู่ที่ ‘บ้านโชคชัย’ ของ ‘บิ๊กป็อด’ ที่ตั้งอยู่ย่านโชคชัย 4 กทม. ที่จะเคียงคู่ ‘บ้านป่ารอยต่อ’ ของ พล.อ.ประวิตร จึงต้องจับตาบทบาทของ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่เปิดหน้าสู่ ‘สนามการเมือง’ อย่างเป็นทางการ จะเป็นอย่างไรต่อไป
