ที่พรรคภูมิใจไทย แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงถึงกรณีมีการใส่ร้ายป้ายสีพรรคภูมิใจไทย อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งม็อบ ว่า ตอนนี้เกือบ 77 จังหวัด ที่ประกาศจัดม็อบ เพราะฉะนั้นอย่าพยายามดูถูกพลังความรักชาติของประชาชนชาวไทย ที่เขาต้องการแสดงออก กับการไม่เห็นด้วยในการปฏิบัติตัวของนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นที่จะให้เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย เราปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า ไม่จริงและไม่ใช่ เราพร้อมจะทำหน้าที่ ในรัฐสภาอย่างเต็มที่
ส่วนที่มีการกล่าวหาที่รุนแรงว่าหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีทรัพย์สินอยู่ที่ประเทศกัมพูชา แนน บุณย์ธิดา กล่าวยืนยันว่า ไม่มีเราได้พูดคุยกับทางสมาชิกและหัวหน้าพรรคแล้ว เราไม่เคยมีกิจการ ไม่เคยมีทรัพย์สินใดๆ อยู่ที่ประเทศกัมพูชา เราพร้อมให้ตรวจสอบ และขอเรียกร้อง ว่า ท่านใดก็ตามแต่ที่ปล่อยข่าว รีบปล่อยออกมาเถอะว่าใคร ใครกันแน่ที่มีทรัพย์สิน เอาไปฝาก เอาไปซุก เอาไปซ่อนอยู่ที่นั่น การที่จะใช้โซเชียลมีเดียกล่าวหาคนนั้นคนนี้ต้องมีหลักฐาน ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า พรรคภูมิใจไทย เป็นคนปล่อยคลิป ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายฮุนเซน ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงเช่นกัน
“ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พวกเราชาวไทยรู้สึกแบบไหน และไม่เห็นต้องแปลกใจเลยว่าคนปล่อยคลิปไม่ใช่เรา เพราะทุกท่านเห็นอยู่แล้วว่าใครกันแน่เป็นคนปล่อยคลิปกันแน่ อังเคิลของท่านนั่นแหละ เพราะฉะนั้นอย่าลากพรรคภูมิใจไทยไปเกี่ยว เรามีศักดิ์ศรีของเรา ถ้าเราหวงผลประโยชน์ เราคงไม่ลาออกทุกตำแหน่ง ขณะนี้หน้าที่ 69 สส.ของเรายังคงอยู่”
ขณะที่ ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ยืนยันด้วยว่า ไม่ว่าจะตนหรือครอบครัวของตนหรือที่หลายท่านเรียกว่าผู้นำทางจิตวิญญาณ พ่อของตนเองไม่มีแน่นอน ใครที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่จะมีธุรกิจทรัพย์สินหรือผลประโยชน์แอบแฝงอยู่กับประเทศเพื่อนบ้าน ตรงนี้ยืนยัน และไม่ว่าจะมีการปล่อยคลิปปล่อยข่าวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร ยืนยันว่า พวกตนไม่มี เพราะฉะนั้นหากมีข่าวที่บอกเป็นอย่างอื่นได้เลย ตามสบายไม่ใช่ของพวกตนแน่นอน
ส่วนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคภูมิใจไทยนายไชยชนก กล่าวว่า ตนมีประสบการณ์เป็นฝ่ายค้านเป็นศูนย์ แต่ในการประชุมพรรค มีการแชร์ประสบการณ์ แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลชีวิตเป็นอย่างไร ทำให้ตนได้คำตอบ ว่า วิธีการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ของพวกเรา ก็จะเป็นตัวเราเองแบบนี้ไม่ได้ดูต้นแบบจากคนอื่น ไม่ได้ดูว่าต้องทำแบบไหน แต่จะเป็นแบบนี้ด้วยความภาคภูมิใจ
ไชยชนก ยังฝากด้วยว่า ปัจจุบันสถานการณ์หลายสิ่งหลายอย่างไม่แน่นอนดุเดือดขึ้นเรื่อยเรื่อยทั้งเรื่องการเมือง และปัญหาต่างๆของประเทศ วันนี้สิ่งหนึ่งที่ดุเดือดขึ้นด้วยคือเวทีสงครามการสื่อสาร จึงอยากฝากถึงพี่น้องประชาชน ว่า เวลานี้เป็นช่วงที่สำคัญที่ประเทศชาติต้องการสติของพวกท่านมากที่สุดในเวลานี้ อยากให้ทุกท่านประเมินข้อมูลทุกสถานการณ์อย่างรอบคอบ ไม่อยากให้มองแค่สิ่งที่ถูกพูด หรือประกาศแม้แต่กระทั่งพรรคตนเองแต่อยากให้ตัดสินใจจากการกระทำ ไม่ว่าจะรัฐบาลชุดใหม่รัฐบาลชุดเก่าหรือพรรคอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลก็ตาม เวลานี้อยากให้พวกท่านตั้งใจดูตัดสินใจจากการกระทำ
- ‘พิพัฒน์’ ปัดยก สส. ใต้ภูมิใจไทย ซบพรรคอื่น ซัด รังเกียจคนปลุกกระแสหวังสร้างความแตกแยกของพรรค ลั่นไม่ไปไหนอายุมากแล้ว ขอรักษาชื่อเสียงไว้จุดนี้
ขณะที่ พิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำภาคใต้พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฎข่าวว่าตนจะนำสส.ภาคใต้ ไปร่วมงานกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น โดยมีผู้ใหญ่จากพรรคการเมืองหนึ่งโทรศัพท์ติดต่อมาให้ถอยจากพรรคภูมิใจไทย ว่า ขอยืนยันว่ายังไม่เคยมีใครโทรมาหาตนเลยแม้แต่ท่านเดียว ดังนั้น อะไรก็แล้วแต่ที่มีการปั่นกระแสอยู่ในขณะนี้ตนขอปฏิเสธ
พร้อมระบุว่า การที่ตนได้มานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีสมัยที่สอง เมื่อเข้ามาทำงานทางการเมืองแล้วสิ่งที่ตั้งใจไว้ คือทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น ตลอดระยะเวลาที่อยู่ร่วมกับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ตนก็ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง และพอมาอยู่ร่วมกับรัฐบาลที่ผ่านมา ตนก็มั่นใจว่าได้ทำหน้าที่ในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังเช่นกัน
จึงขอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าตนรังเกียจการที่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งปั่นกระแส เพื่อให้พรรคภูมิใจไทยแตกแยกกัน จึงฝากไปถึงเพื่อนพี่น้องคนไทยทุกๆคนว่า ตนชัดเจนว่าเราไม่ใช่มาพร้อมเพื่อนแล้วสละเรือเสร็จแล้วจะไปแทงหลังเพื่อน ตนอายุมากแล้วปัจจุบันอายุ 70 ปีแล้ว คงจะโลดแล่นทางการเมืองอีกไม่นาน จึงเลือกที่จะรักษาชื่อเสียงของตนเองไว้ในจุดยืนตรงนี้
“ผมนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ขอยืนยันว่าเราอยู่พรรคภูมิใจไทย และไม่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งในพรรคอื่นโทรมาหาผมตามที่ปรากฎในสื่อโซเชียลฯ”