ย้อนไปเมื่อ ก.ย.64 ช่วงที่ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะเป็นนายกฯ กำลังเผชิญกับ ‘ศึกในพลังประชารัฐ’ แม้ว่าจะมี ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ คุมพรรคอยู่ แต่กลับมี ‘ข่าวรั่ว’ ออกมาก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่ามีแผนการ ‘ล้มนายกฯ’ เกิดขึ้น ซึ่งแผนนี้ได้ ‘รั่ว’ ออกมา ทำให้ในฝั่ง ‘บิ๊กตู่’ ทำการ ‘หาข่าว’ ว่าข่าวนี้จริงหรือไม่ ? รวมทั้งได้ถาม ‘บิ๊กป้อม’ ด้วย
ต่อมา ‘บิ๊กตู่’ ก็ให้สัมภาษณ์ว่า “พล.อ.ประวิตรท่านบอกว่าไม่มีอะไร ท่านบอกว่าคุยกับข้างในแล้ว แต่ก็ยังมีการปล่อยข่าวเช่นนี้ออกมาอีก ผมไม่สบายใจ และพล.อ.ประวิตร ก็ไม่สบายใจ” ก่อนที่ ‘บิ๊กตู่’ จะกล่าวย้ำเป็นนัยว่า “พล.อ.ประวิตร บอกผมว่าไม่มี อาจจะหลงหูหลงตาหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ”
แต่กระแสข่าวนี้กลับมี ‘น้ำหนัก’ มากขึ้น หลังมี ‘เสียงเตือน’ ที่ส่งไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น หนึ่งในบุคคลที่เตือน พล.อ.ประยุทธ์ คือ ‘เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น ที่ได้คอนเฟิร์มกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า กระแสข่าว ‘ล้มนายกฯ’ นั้นเป็นจริง มีการส่ง ‘บัตรเชิญโหวตล้มนายกฯ’
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินเกมตลบหลัง ‘ขบวนการล้มนายกฯ’ ในขณะนั้น ถึงขั้นที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในขณะนั้น ที่ถูกเพ่งเป้า ‘โหวตล้มกลางสภาฯ’ ต้องเดินสายพบ สส.พลังประชารัฐ จับเข่าคุยมากขึ้น เพราะเป็นที่รู้กันว่าที่ผ่านมาทั้ง ‘ป.ประยุทธ์ - ป.ป๊อก’ ถือว่ามี ‘ระยะห่าง’ กับ สส. พอสมควร
อย่างไรก็ตามบารมีของ ‘เสี่ยต่อ เฉลิมชัย’ เรียกว่าถึงขีดสุด เพราะในศึกซักฟอกครั้งนั้น ได้คะแนนไว้วางใจมาที่ 1 แต่หากย้อนคำพูด ‘เสี่ยต่อ’ ก่อนลงมติ ก็น่าฉุกคิดกับคำว่า “มันจบแล้วครับนาย” ราวกับว่า ‘เสี่ยต่อ’ รู้เบื้องหลังเกมนี้ทั้งหมด ด้วยบุคลิกเป็น ‘คนเงียบๆ’ เปรียบเป็น ‘พูดน้อย ต่อยหนัก’ และเป็นคน ‘ใจนักเลง’ พอในสนามการเมือง
แม้ในช่วงเวลานั้น จะมีเหตุการณ์ ‘ริบอำนาจ ปชป.’ จาก ‘ขั้ว 3ป.’ เกิดขึ้น กรณีโอน 4 หน่วยงาน ที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขณะเป็น รมช.เกษตรฯ เคยดูแล จากเดิมที่ให้ ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ กำกับดูแลในฐานะ รองนายกฯ ที่ดูแลกระทรวงเกษตรฯ แต่กลับถูกโยกไปยัง ‘บิ๊กป้อม’ แทน ทำให้คน ปชป. ไม่พอใจอย่างมาก แต่ ‘เฉลิมชัย’ ในฐานะ รมว.เกษตรฯ ในขณะนั้น ก็ไม่ออกมาโวยวายอะไร แถมแก้ต่างให้ด้วย ว่า อำนาจการตัดสินใจหลัก ยังคงเป็นของรัฐมนตรีว่าการ 100% ไม่มีซ้ำซ้อน หากทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีใครสามารถเข้ามาก้าวก่ายได้
แต่บทตอบโต้ อยู่ที่ ‘จุรินทร์’ ที่สื่อสารไปยัง นายกฯ อย่าให้ปัญหาภายใน พปชร. กระทบพรรคอื่น เกิดปัญหาอื่นเพิ่มโดยไม่จำเป็น จนสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ต้อง ‘ยอมถอย’ นั่นเอง ตอกย้ำภาพ ‘เฉลิมชัย’ พูดน้อย ต่อยหนัก จัดการเรียบ
สำหรับ ‘เสี่ยต่อ’ ก่อนไปเติบโตที่ จ.ประจวบฯ เริ่มจากการเป็น ‘นักการเมืองท้องถิ่น’ สมาชิกสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ส.จ.) และ ประธานสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก่อนมาสู่การเมืองระดับชาติเป้น สส. ครั้งแรก ปี 2544 เป็น สส. หลายสมัย แต่มาพ่ายครั้งแรกเลือกตั้งปี 62 ให้กับ ‘พรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์’ จากพรรคเพื่อไทย เพียง 106 คะแนน ทำให้ ‘เสี่ยต่อ’ ไม่ได้เป็น สส. ทว่ากลับมีบารมีได้เป็น ‘เลขาธิการพรรค’ ซึ่ง ‘เสี่ยต่อ’ มีอาณาจักรของตัวเองชื่อ ‘บ้านดาวล้อมเดือน’ ริมถนนราชพฤกษ์ ย่านตลิ่งชัน ที่จะใช้พบปะทุกวันพุธ กับบรรดา ‘พันธมิตรการเมือง’
ดังนั้นจึงต้องจับตาว่า หาก ‘เฉลิมชัย’ ได้เป็น ‘หัวหน้า ปชป.’ คนใหม่ ทิศทางของ ปชป. จะเปลี่ยนไปอย่างไร ในสภาวะ ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเก้าอี้ ครม. ยังว่างอยู่ 2 ที่นั่ง โดยวันนี้ ปชป. นำร่องโดยการเป็น ‘ฝ่ายค้านอิสระ’ ไม่สังฆกรรมกับ ‘ก้าวไกล’ ไปพลางก่อน