ภายหลังเสร็จสิ้นวาระการประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2567 เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า เราจะทำให้พรรคเติบโตและเพิ่มสมาชิกพรรค โดยตั้งคณะทำงานในเรื่องสมาชิกพรรค สาขาพรรค และตัวแทนพรรค เข้าไปดูแลโดยตรง เดินทางไปพบปะชี้แจงให้ความรู้ทั่วไปประเทศ
นอกจากนี้ เตรียมดำเนินการในอีกหลายเรื่อง เช่น พรรคจะให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม เนื่องจากในปัจจุบันเกิดผลกระทบต่อประชาชนและลูกหลานในอนาคต เช่น ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เซาะกร่อนชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละครอบครัว จึงต้องมีการกำหนดทิศทางที่ชัดเจน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล จะต้องมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน
ส่วนการดึงคนรุ่นเก่าและอดีต สส.กลับพรรคนั้น กำลังประสานงาน และคงจะมีการแถลงข่าวอยู่เรื่อยๆ ส่วนการมอบหมายงานให้กับ มงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ นั้นยังไม่ได้พูดคุย แต่จะหางานที่เหมาะสมให้ในภายหลัง และได้เรียนไว้เป็นหลักการว่า การทำงานของพรรคต้องทำงานกับประชาธิปัตย์ทั้งหมดให้ได้ เพราะพรรคเป็นองค์กร
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามความคิดเห็นถึงโฉมหน้า ‘ครม.เศรษฐา 1/1’ ปรากฏว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าขอให้โปรดเกล้าฯ ลงมาเสียก่อน เพราะอำนาจการตัดสินใจเป็นของนายกฯ
ถ้าตัดสินใจถูกก็รับชอบ แต่หากตัดสินใจผิด ก็ต้องรับผิดไป เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
ส่วนเมื่อถามถึงการวางบทบาทการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างไรนั้น เฉลิมชัย ก็ยืนยันถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้มีข่าวต่างๆ ออกมาเกี่ยวกับพรรค ผมก็บอกว่า ถ้ามีจริงก็ให้เปิดออกมา แต่ไม่มีใครแก้ข่าวให้ เพราะฉะนั้น ยืนยันพรรคทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ แต่พรรคก็ไม่สามารถขอเปิดอภิปรายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 และมาตรา 152 ได้ด้วยตนเอง เพราะพรรคมี สส.เพียง 25 คน
เฉลิมชัย บอกด้วยว่า เร็วๆ นี้จะมีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 68 เราก็ยังยืนจะทำหน้าที่ตรวจสอบ อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ท้วงติงนำเสนอต่อสาธารณะ ส่วนอะไรที่ถูกต้อง เราก็ไม่คัดค้านแน่นอน