หลังแต่ละพรรคได้หมายเลข ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์) กันไปแล้ว ล่าสุด ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตีความหมายตัวเลขประจำพรรคเอาไว้อย่างสนุกๆ โดยระบุหัวข้อว่า ‘การเมืองเรื่องจับเบอร์’
โดยตีความหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเลขของ ‘พรรคภูมิใจไทย’ ว่า หมายถึง ‘เจ็บ’ และ ‘เจ๊ง’ และในทางดาราศาสตร์ถือเป็น ‘ดาวแห่งทุกข์โศก’ และหากนำไปตีความว่า ‘ทำงาน 7 วันไม่หยุด’ จะหมายถึงความยากลำบากของหนทางข้างหน้า
ส่วน ‘พรรคชาติไทยพัฒนา’ ได้หมายเลข 18 ถือว่าเป็นเลขดีของคนจีน เพราะในภาษากวางตุ้ง หมายถึงหาเงินง่าย (ออกเสียงว่า ‘สับปาด’) นอกจากนี้ 1 + 8 = 9 เป็นเลขมงคล
‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ได้หมายเลข 22 เป็นเลขคู่เหมือน ชู 2 ข้าง 2 นิ้ว ถือว่าเท่าทุน ไม่ได้ไม่เสีย เป็นศูนย์รวมของอารมณ์ ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกคน และหากให้ฝรั่งชู 2 นิ้วด้วยมือ 2 ข้าง ทำนิ้วงอๆ หมายถึงเครื่องหมาย “-“ หรืออัญประกาศ แปลว่า “คำพูด” คือ พูดเก่งแต่อยู่ในวงจำกัด
‘พรรคประชาธิปัตย์’ ได้หมายเลข 26 เป็นเลขอมทุกข์ มีภัยไข้เจ็บมาจากโรคเก่าเรื้อรัง แม้มีความมุ่งมั่น แต่จะพบความกดดันอย่างรุนแรง และอาจมีโรคแทรกซ้อนอีกด้วย
‘พรรคเพื่อไทย’ ได้หมายเลข 29 มีความหมายเป็นเลขใฝ่รู้ มีเสน่ห์ หากเรียกเรียงตัว คือ ‘สองเก้า’ คือต้องใช้สองเท้าก้าวเดินต่อไป
‘พรรคก้าวไกล’ ได้หมายเลข 31 เป็นพลังแห่งความไม่แน่นอนของชะตา เบื้องต้นลำบาก แต่ประสบความสำเร็จในบั้นปลาย ยังมีเรื่องอุบัติเหตุกลางคันที่ต้องระวัง
‘พรรคพลังประชารัฐ’ ได้หมายเลข 37 เป็นเลขที่บวกกันได้ 10 หมายถึงพอดี แต่ถ้าไปเล่นไพ่บาคาร่าจะกลายเป็น 0 แต้ม ต้องลุ้นอีกใบ และหมายถึงหากฝั่งตรงข้ามชนะขาด ก็ไม่ต้องพึ่ง คือ หมอบ แต่หากชนะไม่ขาดก็ยังลุ้นได้ สถานการณ์เรียกว่าก้ำกึ่ง
‘ชูวิทย์’ ยังมองว่าข้อดีของคนที่จับได้เลข 2 หลัก คือ ไม่ซ้ำกับเลขผู้สมัคร ส.ส. เขตแน่นอน จะมีเพียงพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น ที่จับหมายเลขปาร์ตี้ลิสได้เบอร์เดี่ยวอยู่พรรคเดียวที่เป็นพรรคใหญ่ และจะจำลำบาก เวลาไปกาอาจเกิดความสับสน
พร้อมทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าพรรคจะได้เบอร์อะไร ก็ขอให้ทำงานเพื่อประชาชน และอย่าไปหวังเข้าสภาแล้วทำตัวเป็น ส.ส. ขายตัว เพราะหากเป็นแบบนั้นจะจับประจานให้เข็ด และประชาชนต้องช่วยกันจำ จดบันทึกไว้ อย่าได้เอามาเป็น ‘ผู้แทน’ พรรคไหนใช้กระสุนมากสุด ก็คือลงทุนมากสุด และการลงทุนคือ ‘ความเสี่ยง’ ซึ่งกลยุทธ์ของเขาครั้งนี้ ปฏิบัติการณ์ ‘กระแสล้อมกระสุน’ ใครที่มีกระสุนมาก แต่ยิงแล้วด้าน ไม่ได้ผลตรงเป้า กระสุนจึงแพ้กระเเส เพราะประชาชนจะใช้กระแสสั่งสอนให้เป็นบทเรียน กับพรรคการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์
โดยตีความหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเลขของ ‘พรรคภูมิใจไทย’ ว่า หมายถึง ‘เจ็บ’ และ ‘เจ๊ง’ และในทางดาราศาสตร์ถือเป็น ‘ดาวแห่งทุกข์โศก’ และหากนำไปตีความว่า ‘ทำงาน 7 วันไม่หยุด’ จะหมายถึงความยากลำบากของหนทางข้างหน้า
ส่วน ‘พรรคชาติไทยพัฒนา’ ได้หมายเลข 18 ถือว่าเป็นเลขดีของคนจีน เพราะในภาษากวางตุ้ง หมายถึงหาเงินง่าย (ออกเสียงว่า ‘สับปาด’) นอกจากนี้ 1 + 8 = 9 เป็นเลขมงคล
‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ได้หมายเลข 22 เป็นเลขคู่เหมือน ชู 2 ข้าง 2 นิ้ว ถือว่าเท่าทุน ไม่ได้ไม่เสีย เป็นศูนย์รวมของอารมณ์ ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกคน และหากให้ฝรั่งชู 2 นิ้วด้วยมือ 2 ข้าง ทำนิ้วงอๆ หมายถึงเครื่องหมาย “-“ หรืออัญประกาศ แปลว่า “คำพูด” คือ พูดเก่งแต่อยู่ในวงจำกัด
‘พรรคประชาธิปัตย์’ ได้หมายเลข 26 เป็นเลขอมทุกข์ มีภัยไข้เจ็บมาจากโรคเก่าเรื้อรัง แม้มีความมุ่งมั่น แต่จะพบความกดดันอย่างรุนแรง และอาจมีโรคแทรกซ้อนอีกด้วย
‘พรรคเพื่อไทย’ ได้หมายเลข 29 มีความหมายเป็นเลขใฝ่รู้ มีเสน่ห์ หากเรียกเรียงตัว คือ ‘สองเก้า’ คือต้องใช้สองเท้าก้าวเดินต่อไป
‘พรรคก้าวไกล’ ได้หมายเลข 31 เป็นพลังแห่งความไม่แน่นอนของชะตา เบื้องต้นลำบาก แต่ประสบความสำเร็จในบั้นปลาย ยังมีเรื่องอุบัติเหตุกลางคันที่ต้องระวัง
‘พรรคพลังประชารัฐ’ ได้หมายเลข 37 เป็นเลขที่บวกกันได้ 10 หมายถึงพอดี แต่ถ้าไปเล่นไพ่บาคาร่าจะกลายเป็น 0 แต้ม ต้องลุ้นอีกใบ และหมายถึงหากฝั่งตรงข้ามชนะขาด ก็ไม่ต้องพึ่ง คือ หมอบ แต่หากชนะไม่ขาดก็ยังลุ้นได้ สถานการณ์เรียกว่าก้ำกึ่ง
‘ชูวิทย์’ ยังมองว่าข้อดีของคนที่จับได้เลข 2 หลัก คือ ไม่ซ้ำกับเลขผู้สมัคร ส.ส. เขตแน่นอน จะมีเพียงพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น ที่จับหมายเลขปาร์ตี้ลิสได้เบอร์เดี่ยวอยู่พรรคเดียวที่เป็นพรรคใหญ่ และจะจำลำบาก เวลาไปกาอาจเกิดความสับสน
พร้อมทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าพรรคจะได้เบอร์อะไร ก็ขอให้ทำงานเพื่อประชาชน และอย่าไปหวังเข้าสภาแล้วทำตัวเป็น ส.ส. ขายตัว เพราะหากเป็นแบบนั้นจะจับประจานให้เข็ด และประชาชนต้องช่วยกันจำ จดบันทึกไว้ อย่าได้เอามาเป็น ‘ผู้แทน’ พรรคไหนใช้กระสุนมากสุด ก็คือลงทุนมากสุด และการลงทุนคือ ‘ความเสี่ยง’ ซึ่งกลยุทธ์ของเขาครั้งนี้ ปฏิบัติการณ์ ‘กระแสล้อมกระสุน’ ใครที่มีกระสุนมาก แต่ยิงแล้วด้าน ไม่ได้ผลตรงเป้า กระสุนจึงแพ้กระเเส เพราะประชาชนจะใช้กระแสสั่งสอนให้เป็นบทเรียน กับพรรคการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์