








‘ชูวิทย์’ แฉตอกฝาโลง ‘เศรษฐา’ ส่งท้ายก่อนโหวตนายกฯ พร้อมประกาศปิดฉากบทบาท ‘จอมแฉ’ ขอใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตกับครอบครัว ลั่นต่อจากนี้คงไม่ไปปรากฎตัวที่ไหน ขอกลับไปสู่การเป็นประชาชนอย่างสมบูรณ์แบบ บอกตำนานไม่ได้เกิดขึ้นวันนี้ แต่เกิดขึ้นหลังผมตายแล้ว
‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ประกาศยุติบทบาทจอมแฉ หลังจบการแถลงข่าวแฉเพื่อชาติ EP.3 ภารกิจที่เขาตั้งเป้าชำแหละพฤติกรรมของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เพื่อชี้ให้เห็นว่า ‘เศรษฐา’ ขาดจริยธรรมที่ไร้ซึ่งคุณสมบัติของการเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้
ทีมข่าว SPACEBAR พูดคุยกับ ‘ชูวิทย์’ เพิ่มเติม หลังจบการแถลงข่าว โดย ‘ชูวิทย์’ ยอมรับว่าเหตุผลของการยุติบทบาทครั้งนี้ เป็นเพราะเขาต้องการใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัว และใช้เวลาในการรักษาตัวเองจากโรคมะเร็ง
ส่วนสิ่งที่จะขึ้นตามมาต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพ เรื่องกฎหมาย หรือเรื่องอื่นๆ เขาพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกประการ เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น และพร้อมจะสู้ต่อไปยันวันสุดท้ายของชีวิต
“ผมเป็นเพียงฟันเฟืองตัวหนึ่งในสังคมนี้ เมื่อถึงเวลาของผม ผมไม่เสียดายว่าวันเวลามันผ่านไปแล้ว และผมเท่าได้เท่านี้ วันเวลานี้ มันจบในเดือนสิงหาคม 2566 สื่อทั้งหลายจะไม่ได้เห็นผมอีก ผมคงไม่ไปปรากฎตัวที่ไหนอีก คงใช้เวลากับครอบครัว ใช้เวลากับเอง ระลึกในสิ่งที่ผมทำในอดีตว่าทำอะไรบ้าง ผมภูมิใจ ในสิ่งที่ผมทำ ผมภูมิใจในสิ่งที่ผมผ่านมา”
‘ชูวิทย์’ บอกว่า เมื่อภารกิจผมจบสิ้นแล้ว ก็ต้องไปดูเเลเรื่องของตัวเอง เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่ผมจะเป็นเหล็ก เป็นไฟที่เผาผลาญอยู่ตลอดเวลา ที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาของผม ก็ต้องถึงเวลาของผมอยู่ดี เพียงแต่พระเจ้าให้เวลาผมมาแค่นี้ เมื่อให้มาแค่นี้ ผมก็รับแค่นี้แหละครับ วาระอันสั้นที่ผมเหลืออยู่นี้ เป็นสิ่งที่ผมต้องเลือกเอง มันไม่มีใครเลือกให้ผมแล้ว ลูกผมก็เลือกไม่ได้ คนใกล้ชิดก็เลือกไม่ได้ ผมเลือกของผมเอง เพราะถ้าถึงเวลาผมไป ผมก็ไปตัวคนเดียว ผมไม่ได้ไปฉุกรั้งใครไปกับผม
“ผมหวังว่าประชาชนคนไทยทุกๆ คน ที่ติดตามผม คงจะตัดสินผมในอนาคต ประวัติศาสตร์นั้น คนรุ่นหลังจะเขียน ตำนานต่างๆ มันไม่ได้เกิด ณ วันนี้ มันเกิดเมื่อผมตายแล้วครับ”
เมื่อถามว่ามีอะไรที่ห่วงเป็นพิเศษหรือไม่ ‘ชูวิทย์’ บอกว่าไม่มี ย้ำว่า ‘เศรษฐา’ เป็นเพียงนอมินีคนหนึ่งของ ‘ทักษิณ’ และเชื่อว่าวันพรุ่งนี้ ‘เศรษฐา’ คงโหวตไม่ผ่าน ส่วนใครจะขึ้นมาไม่ใช่น่าที่ของผมแล้ว จบตรงนี้ครับ ยืนยันได้ พรรคเพื่อไทยจะเสนอใครไม่ใช่เรื่องของผม หรือใครจะเป็นนายกฯ ก็ไม่ใช่เรื่องของผม ที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์
“มันจบลง ณ วันนี้ ณ วันที่ 21 ส.ค.66 ผมได้กลับคืนเป็นประชาชนอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นคนธรรมดาที่ต่อไปจะแก่ จะป่วยตาย ผมขออวยพรก่อนที่ผมจะไป ขอให้ทุกคนรัก สามัคคีและทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติครับ”
‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ประกาศยุติบทบาทจอมแฉ หลังจบการแถลงข่าวแฉเพื่อชาติ EP.3 ภารกิจที่เขาตั้งเป้าชำแหละพฤติกรรมของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เพื่อชี้ให้เห็นว่า ‘เศรษฐา’ ขาดจริยธรรมที่ไร้ซึ่งคุณสมบัติของการเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้
ทีมข่าว SPACEBAR พูดคุยกับ ‘ชูวิทย์’ เพิ่มเติม หลังจบการแถลงข่าว โดย ‘ชูวิทย์’ ยอมรับว่าเหตุผลของการยุติบทบาทครั้งนี้ เป็นเพราะเขาต้องการใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัว และใช้เวลาในการรักษาตัวเองจากโรคมะเร็ง
ส่วนสิ่งที่จะขึ้นตามมาต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพ เรื่องกฎหมาย หรือเรื่องอื่นๆ เขาพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกประการ เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น และพร้อมจะสู้ต่อไปยันวันสุดท้ายของชีวิต
“ผมเป็นเพียงฟันเฟืองตัวหนึ่งในสังคมนี้ เมื่อถึงเวลาของผม ผมไม่เสียดายว่าวันเวลามันผ่านไปแล้ว และผมเท่าได้เท่านี้ วันเวลานี้ มันจบในเดือนสิงหาคม 2566 สื่อทั้งหลายจะไม่ได้เห็นผมอีก ผมคงไม่ไปปรากฎตัวที่ไหนอีก คงใช้เวลากับครอบครัว ใช้เวลากับเอง ระลึกในสิ่งที่ผมทำในอดีตว่าทำอะไรบ้าง ผมภูมิใจ ในสิ่งที่ผมทำ ผมภูมิใจในสิ่งที่ผมผ่านมา”
‘ชูวิทย์’ บอกว่า เมื่อภารกิจผมจบสิ้นแล้ว ก็ต้องไปดูเเลเรื่องของตัวเอง เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่ผมจะเป็นเหล็ก เป็นไฟที่เผาผลาญอยู่ตลอดเวลา ที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาของผม ก็ต้องถึงเวลาของผมอยู่ดี เพียงแต่พระเจ้าให้เวลาผมมาแค่นี้ เมื่อให้มาแค่นี้ ผมก็รับแค่นี้แหละครับ วาระอันสั้นที่ผมเหลืออยู่นี้ เป็นสิ่งที่ผมต้องเลือกเอง มันไม่มีใครเลือกให้ผมแล้ว ลูกผมก็เลือกไม่ได้ คนใกล้ชิดก็เลือกไม่ได้ ผมเลือกของผมเอง เพราะถ้าถึงเวลาผมไป ผมก็ไปตัวคนเดียว ผมไม่ได้ไปฉุกรั้งใครไปกับผม
“ผมหวังว่าประชาชนคนไทยทุกๆ คน ที่ติดตามผม คงจะตัดสินผมในอนาคต ประวัติศาสตร์นั้น คนรุ่นหลังจะเขียน ตำนานต่างๆ มันไม่ได้เกิด ณ วันนี้ มันเกิดเมื่อผมตายแล้วครับ”
เมื่อถามว่ามีอะไรที่ห่วงเป็นพิเศษหรือไม่ ‘ชูวิทย์’ บอกว่าไม่มี ย้ำว่า ‘เศรษฐา’ เป็นเพียงนอมินีคนหนึ่งของ ‘ทักษิณ’ และเชื่อว่าวันพรุ่งนี้ ‘เศรษฐา’ คงโหวตไม่ผ่าน ส่วนใครจะขึ้นมาไม่ใช่น่าที่ของผมแล้ว จบตรงนี้ครับ ยืนยันได้ พรรคเพื่อไทยจะเสนอใครไม่ใช่เรื่องของผม หรือใครจะเป็นนายกฯ ก็ไม่ใช่เรื่องของผม ที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์
“มันจบลง ณ วันนี้ ณ วันที่ 21 ส.ค.66 ผมได้กลับคืนเป็นประชาชนอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นคนธรรมดาที่ต่อไปจะแก่ จะป่วยตาย ผมขออวยพรก่อนที่ผมจะไป ขอให้ทุกคนรัก สามัคคีและทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติครับ”