













‘ชูวิทย์’ หวดซ้ำ ‘เศรษฐา’ ไม่เหมาะนั่งนายกฯ เหตุมีพฤติการณ์โกงหุ้น ฝาก ‘ภูมิธรรม’ เตือน ‘ทักษิณ’ เปลี่ยนตัวเอาคนอื่นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ แทน ‘เศรษฐา’ เตือนหากไม่ถอยระวังเจอแฉขั้นสุด โอดปีนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ฉลองวันเกิด หลังป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้าย
เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว ที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ออกมาเปิดปฏิบัติการแฉเพื่อชาติ เพื่อพุ่งเป้าโจมตี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ด้วยข้อกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ซ่อนเร้นเลี่ยงภาษีที่ดินโดยอาศัยเล่ห์เหลี่ยมของนายทุน เมื่อครั้งเป็นผู้บริหารสูงสุด ของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลให้เห็นว่า ‘เศรษฐา’ ขาดคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ในเรื่องจริยธรรม
ล่าสุดวันนี้ (15 ส.ค.) ‘ชูวิทย์’ เปิดปฏิบัติการแฉเพื่อชาติ Ep.2 โดยตั้งข้อสังเกตว่า ‘เศรษฐา’ มีพฤติการณ์โกงผู้ถือหุ้น เพื่อย้ำให้เห็นว่า ‘เศรษฐา’ ไม่ควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่มาของ ‘ที่ดินย่านทองหล่อ’ ที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในเครือของ บริษัท แสนสิริฯ
โดยที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นของ ‘บริษัท N’ ต่อมา ‘มีกลุ่มบุคคล’ ที่ชูวิทย์ เชื่อว่าเป็นนอมินีของ ‘เศรษฐา’ ได้รวมตัวกันไปกู้เงินจาก ‘บริษัท อ.’ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริฯ ที่มี ‘เศรษฐา’ เป็น 1 ในกรรมการบริษัท จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อมาซื้อหุ้นจาก ‘บริษัท N’ พร้อมกับปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท โดยนิติกรรมทุกอย่างเกิดขึ้นในวันเดียวกัน คือ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558
แต่ที่น่าสังเกต ‘ชูวิทย์’ อ้างว่าจากข้อมูลที่เขามี กลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งมีทั้งหมด 3 คน ในจำนวนนี้ คือ ‘นางสาว พ.’ ตรวจพบว่า ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรและไม่พบประวัติการเสียภาษี ส่วนอีก 2 คน คือ ‘นาย ส.’ และ ‘นาย พ.’ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทหนึ่งเท่านั้น แต่เหตุใด ‘บริษัท อ.’ ถึงยอมให้กู้เงินถึง 1,000 ล้านบาท อีกทั้ง มูลค่าในการซื้อหุ้นจาก ‘บริษัท N’ ตามจริงแล้วใช้เงินซื้อเพียง 565 ล้านบาทเท่านั้น พร้อมตั้งคำถามว่าส่วนต่างที่เหลืออยู่ 400 กว่าล้านบาท หายไปไหน?
ต่อมา วันที่ 14 กันยายน 2559 บริษัท แสนสิริฯ ได้ซื้อที่ดินแปลงนี้ในราคา 957.55 ล้านบาท เพื่อนำที่ดินมาสร้างคอนโดมิเนียม
ด้วยข้อมูลทั้งหมดจึงทำให้ ‘ชูวิทย์’ เชื่อว่า ‘เศรษฐา’ มีพฤติการณ์ปั่นราคาที่ดินเพื่อให้แพงขึ้น เพื่อเอาส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเอง อีกทั้งการนำเงินในบริษัท แสนสิริฯ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ มาซื้อที่ดินในราคาที่สูงเกินจริง ถือเป็นพฤติการณ์เหมือนโกงผู้ถือหุ้นด้วยเช่นกัน
‘ชูวิทย์’ ยังบอกว่าที่ผ่านมามีผู้ใหญ่บางคน โทรมาต่อรองขอให้เขาหยุดแฉ ‘เศรษฐา’ หากไม่หยุดจะนำแฉ ‘ชูวิทย์’ กลับ แต่ ‘ชูวิทย์’ ยืนยันว่าจะไม่หยุดเเฉ ‘เศรษฐา’ จนกว่าจะถึงวันโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่า ‘เศรษฐา’ จะได้เป็นหรือไม่ ถือว่าภารกิจครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมฝากถึง ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้ไปบอกกับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ว่าให้เอาคนอื่นขึ้นมาแทน ‘เศรษฐา’ ไม่เช่นนั้น จะเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่จะเป็นการทิ้งบอม ‘เศรษฐา’ ก่อนโหวตนายกฯ แน่
หลังจบการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าว ได้นำเค้กมาเซอร์ไพรซ์วันเกิดให้กับ ‘ชูวิทย์’ เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิด 62 ปี โดย ‘ชูวิทย์’ บอกว่าจริงๆ แล้วเขาเกิดวันที่ 15 สิงหาคม แต่เนื่องจากพ่อแม่เเจ้งเกิดช้า จึงทำให้ข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ เป็นวันที่ 29 สิงหาคม ช่วงหนึ่ง ‘ชูวิทย์’ ได้กล่าวขอบคุณทุกคน พร้อมบอกว่าวันเกิดปีนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาได้ฉลองวันเกิด หลังก่อนหน้านี้ ‘ชูวิทย์’ เปิดเผยว่ากำลังป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายอยู่
เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว ที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ออกมาเปิดปฏิบัติการแฉเพื่อชาติ เพื่อพุ่งเป้าโจมตี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ด้วยข้อกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ซ่อนเร้นเลี่ยงภาษีที่ดินโดยอาศัยเล่ห์เหลี่ยมของนายทุน เมื่อครั้งเป็นผู้บริหารสูงสุด ของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลให้เห็นว่า ‘เศรษฐา’ ขาดคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ในเรื่องจริยธรรม
ล่าสุดวันนี้ (15 ส.ค.) ‘ชูวิทย์’ เปิดปฏิบัติการแฉเพื่อชาติ Ep.2 โดยตั้งข้อสังเกตว่า ‘เศรษฐา’ มีพฤติการณ์โกงผู้ถือหุ้น เพื่อย้ำให้เห็นว่า ‘เศรษฐา’ ไม่ควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่มาของ ‘ที่ดินย่านทองหล่อ’ ที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในเครือของ บริษัท แสนสิริฯ
โดยที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นของ ‘บริษัท N’ ต่อมา ‘มีกลุ่มบุคคล’ ที่ชูวิทย์ เชื่อว่าเป็นนอมินีของ ‘เศรษฐา’ ได้รวมตัวกันไปกู้เงินจาก ‘บริษัท อ.’ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริฯ ที่มี ‘เศรษฐา’ เป็น 1 ในกรรมการบริษัท จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อมาซื้อหุ้นจาก ‘บริษัท N’ พร้อมกับปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท โดยนิติกรรมทุกอย่างเกิดขึ้นในวันเดียวกัน คือ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558
แต่ที่น่าสังเกต ‘ชูวิทย์’ อ้างว่าจากข้อมูลที่เขามี กลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งมีทั้งหมด 3 คน ในจำนวนนี้ คือ ‘นางสาว พ.’ ตรวจพบว่า ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรและไม่พบประวัติการเสียภาษี ส่วนอีก 2 คน คือ ‘นาย ส.’ และ ‘นาย พ.’ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทหนึ่งเท่านั้น แต่เหตุใด ‘บริษัท อ.’ ถึงยอมให้กู้เงินถึง 1,000 ล้านบาท อีกทั้ง มูลค่าในการซื้อหุ้นจาก ‘บริษัท N’ ตามจริงแล้วใช้เงินซื้อเพียง 565 ล้านบาทเท่านั้น พร้อมตั้งคำถามว่าส่วนต่างที่เหลืออยู่ 400 กว่าล้านบาท หายไปไหน?
ต่อมา วันที่ 14 กันยายน 2559 บริษัท แสนสิริฯ ได้ซื้อที่ดินแปลงนี้ในราคา 957.55 ล้านบาท เพื่อนำที่ดินมาสร้างคอนโดมิเนียม
ด้วยข้อมูลทั้งหมดจึงทำให้ ‘ชูวิทย์’ เชื่อว่า ‘เศรษฐา’ มีพฤติการณ์ปั่นราคาที่ดินเพื่อให้แพงขึ้น เพื่อเอาส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเอง อีกทั้งการนำเงินในบริษัท แสนสิริฯ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ มาซื้อที่ดินในราคาที่สูงเกินจริง ถือเป็นพฤติการณ์เหมือนโกงผู้ถือหุ้นด้วยเช่นกัน
‘ชูวิทย์’ ยังบอกว่าที่ผ่านมามีผู้ใหญ่บางคน โทรมาต่อรองขอให้เขาหยุดแฉ ‘เศรษฐา’ หากไม่หยุดจะนำแฉ ‘ชูวิทย์’ กลับ แต่ ‘ชูวิทย์’ ยืนยันว่าจะไม่หยุดเเฉ ‘เศรษฐา’ จนกว่าจะถึงวันโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่า ‘เศรษฐา’ จะได้เป็นหรือไม่ ถือว่าภารกิจครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมฝากถึง ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้ไปบอกกับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ว่าให้เอาคนอื่นขึ้นมาแทน ‘เศรษฐา’ ไม่เช่นนั้น จะเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่จะเป็นการทิ้งบอม ‘เศรษฐา’ ก่อนโหวตนายกฯ แน่
หลังจบการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าว ได้นำเค้กมาเซอร์ไพรซ์วันเกิดให้กับ ‘ชูวิทย์’ เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิด 62 ปี โดย ‘ชูวิทย์’ บอกว่าจริงๆ แล้วเขาเกิดวันที่ 15 สิงหาคม แต่เนื่องจากพ่อแม่เเจ้งเกิดช้า จึงทำให้ข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ เป็นวันที่ 29 สิงหาคม ช่วงหนึ่ง ‘ชูวิทย์’ ได้กล่าวขอบคุณทุกคน พร้อมบอกว่าวันเกิดปีนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาได้ฉลองวันเกิด หลังก่อนหน้านี้ ‘ชูวิทย์’ เปิดเผยว่ากำลังป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายอยู่