



พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และ คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เมื่อเข้าสู่การเสนอชื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดย ชวน หลีกภัย กล่าวตอนหนึ่งว่า นี่คือเห็นช่วงปลายของชีวิต ผมได้เห็นการเติบโต เปลี่ยนแปลง ล้มลุกคุกคลานของพรรค พรรคถูกฟ้องยุบพรรค 2 ครั้ง ผมเป็นหัวหน้าทีมสู้คณะ และเราก็สู้จนชนะคดี
ทั้งนี้อยากให้เรารำลึกถึงบุญคุณ บัณฑิต ศิริพันธุ์ และเล็ก นานา เจ้าของที่ดินของที่ตั้งพรรค วันนี้มี บุพ นานา ลูกของเล็ก นานา มาร่วมประชุม ผมหวังว่าพวกเราเรียนรู้ความผิดพลาด ผมไม่เคยคิดให้พรรคเป็นพรรคอะไหล่ หรือพรรคประกอบ ไม่อยากให้ใครมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสุดท้ายที่จะพิจารณา ดังนั้นในครั้งนี้ขอเสนอน ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ เพราะเห็นว่าสถานการณ์การเมืองคนที่จะเลือกมาต้องไม่ด้อยกว่าพรรคอื่น และเชื่อว่าจะนำพรรคไปสู่แนวทางประชาธิปไตย และฟื้นฟูพรรคได้
ทั้งนี้มีผู้รับรองชื่อ ‘อภิสิทธิ์’ ครบ 169 เสียง ต่อมา อภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า “ถามผลวันนี้มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ และตนไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ต้องตอบว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องตอบรับ” จากนั้นภายหลังจากที่พักการประชุมใหญ่ เพื่อให้ อภิสิทธิ์ และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรค ได้พูดคุยกัน ก่อนกลับมาประชุมอีกครั้ง
โดย อภิสิทธ์ กล่าวต่อที่ประชุมว่า "จากการพูดคุยเข้าใจตรงกันทุกอย่าง ได้เรียนรักษาการหัวหน้าพรรคจะขอถอนตัวจากการเป็นสมัครหัวหน้าพรรค ด้วยเหตุผลที่แจ้งให้ตนทราบ ขอลาออกจากสมาชิกพรรค แต่ยืนยันไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดเป็นสีฟ้าจนวันตาย เป็นลูกพระแม่ธรณี รับใช้บ้านเมืองวันข้างหน้า ถ้าช่วยพรรคในวันข้างหน้าได้ผมไม่ปฏิเสธ หวังว่าผู้บริหารชุดใหม่จะทำงานได้สำเร็จ ตามที่คุณเฉลิมชัยได้กล่าวไว้กับผม"
ขณะที่ ‘มาดามเดียร์’วทันยา บุนนาค ได้คะแนนรับรองชื่อ 139 เสียง ซึ่งไม่ถึง 3 ใน 4 ขององค์ประชุมคือ 196 เสียง ทำให้ไม่สามารถลงสมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้
จากนั้น วทันยา ให้สัมภาษณ์ถึงการจะลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ว่า ต้องขอประเมิน ทบทวน และรอดูทิศทางของพรรค เราต้องเลือกที่จะทำการเมืองกับพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ตรงกัน แต่ถ้าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน ก็เป็นเรื่องของเราที่ต้องพิจารณาตัวเองว่ายังสมควรที่จะทำงานกับพรรคต่อหรือไม่ แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะมีสัญญาณบอกเราเอง
“ตอนนี้ตัดสินใจว่าจะยังไม่รับตำแหน่งใดๆ แต่ยังจะทำงานที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนช่วงการหาเสียงเลือกตั้งต่อ เช่น การขับเคลื่อนกฎหมายต่างๆ หรือที่ทำเพื่อประชาชน แต่งานที่ทำร่วมกับพรรคจะงดเว้นไปก่อนจนกว่าจะมีความชัดเจน” วทันยา กล่าว