แจงยิบทุกประเด็น ยันไม่ซูเอี๋ยหรืออวยกองทัพ!

4 ม.ค. 2567 - 13:13

  • ‘สุทิน’ ย้ำพยายามแก้ปม ‘เรือดำน้ำ’ แจงฉีกสัญญาไม่ได้เพราะไม่คุ้มเสีย รอ ‘อสส.’ ช่วยหาทางออก

  • รับปรับลดงบกำลังพลต้องใช้เวลา

  • แย้มมาตรจูงใจเป็นเป็นทหารเกณฑ์ มีโอกาสได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเกียรติยศ

  • โต้ฉายา ‘ดาวน์น้อย’ ยันไม่มีซูเอี๋ยหรืออวยกองทัพ!

discussion_of_budget_expenditures_for_2024_second_day_sutin_klungsang_SPACEBAR_Hero_1f86143e46.jpg

วันนี้ (4 ม.ค.) ที่รัฐสภา ‘สุทิน คลังแสง’ รมว.กลาโหม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2567 ในส่วนของงบประมาณกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังถูกตั้งคำถามในหลายประเด็น 

เริ่มต้นที่คำถามว่าภาวะวิกฤตทำไมรัฐบาลถึงไม่ลดงบประมาณกองทัพลง เรื่องนี้ ‘สุทิน’ ชี้แจงว่า ปรับลดแล้ว แต่เป็นการทำภายใต้ข้อจำกัดและสถานการณ์ของประเทศ การจัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้นเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง คือ เพิ่มขึ้น 1.2%-1.3% หากเทียบกับราคาเงินเฟ้อ หรือสัดส่วนในภาพรวมของงบประมาณแผ่นดินเหมือนกับไม่ได้ขึ้น และเมื่อเทียบกับจีดีพีตัวเลขงบประมาณของประเทศที่พัฒนาแล้วที่จัดงบ 3% แต่ของไทยมีเพียง 1.2% 

ส่วนแผนการปรับลดกำลังพล ‘สุทิน’ อธิบายว่า ความมั่นคงอยู่ที่ขวัญกำลังใจและยุทโธปกรณ์ หากปรับลดแบบทันด่วนจะกระทบต่อขวัญกำลังใจ ดังนั้นต้องใช้เวลาในการปฏิรูปกองทัพ โดยตอนนี้มีนายพลมี 700 คน แต่ในปี 2570 ตั้งเป้าว่าจะลดลง 380  คน และเพื่อให้เร็วขึ้นจะทำโครงการเออรี่รีไทร์ 

ขณะที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมจะสร้างพลเรือนพันธุ์ใหม่ บางหน้าที่จะไม่ติดยศ เช่น หมอ แพทย์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์งบประมาณ เจ้าหน้าที่ธุรการ  เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้นุ่มลง และจะลดภารงบประมาณ

“ส่วนที่มองว่างบประมาณด้านกำลังพลยังสูง หากจะทำให้เร็วต้องปลด แต่ทำไม่ได้ เพราะขวัญกำลังใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ปีนี้จึงไม่เห็นงบบุคลากรลดลง เพราะ 3 เดือนที่ผมมาทำอะไรไม่ได้ ปลดใครไม่ได้ แต่ผมมีแผนการปรับกำลังพล คือ ยุบหน่วยที่ไม่จำเป็น ควบรวมหน่วยที่ภารกิจใกล้เคียงกัน และ ปิดอัตราไม่บรรจุเพิ่มเมื่อบุคลากรเกษียณอายุราชการ”

สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าว

ส่วนประเด็นเรื่องงดเกณฑ์ทหาร ‘สุทิน’ ชี้แจงว่าจะใช้วิธีสมัครทหารเกณฑ์ ด้วยการใช้มาตรการเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ เช่น 

  • เงินเดือนทหารเกณฑ์รับเต็มจำนวน
  • ได้เรียนต่อเนื่องหลังปลดประจำการ 
  • มีโอกาสรรับราชการในหน่วยงานทหารและโรงเรียนตำรวจ (โควตา 80%)  
  • มีโอกาสรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเกียรติยศ 
  • การรับสมัครทหารเกณฑ์จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ประเทศด้วย

อีกประเด็นคือเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ ‘สุทิน’ ได้ขอความเป็นธรรมให้กับรัฐบาลชุดนี้ด้วย เพราะรัฐบาลก่อนเป็นคนสร้างปัญหา แต่รัฐบาลนี้ต้องเข้ามาแก้ไข หลังจากพิจารณาแล้วพบว่าไม่ว่าแก้อย่างไรก็โดนด่า เช่น รับเรือดำน้ำจีน จะมีปัญหาเรื่องผิดสัญญา แต่หากให้ใช้เรือฟริเกตจะถูกด่า แม้จะมีคนบอกว่าให้ยกเลิกสัญญา แต่หากยกเลิกแล้วได้เงินจำนวน 6,000 ล้านบาท ที่จ่ายไปหลายงวดแล้วคืนก็พร้อมทำ แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น 

เรื่องนี้ต้องเห็นใจกองทัพเรือและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีนด้วย เพราะเศรษฐกิจที่ไทยทำร่วมกันกับจีนมีประโยชน์ร่วมกัน 2 แสนล้านบาท แต่หากนำปัญหาเรือดำน้ำมาเป็นข้อขัดแย้งไม่คุ้ม

“ได้ถามอัยการสูงสุดในข้อตกลงที่ทำไปนั้น จะยกเลิกได้หรือไม่ หรือจะเดินหน้าอย่างไร ทั้งนี้ผมเชื่อว่าจะรอไม่เกิน 2 วัน อัยการสูงสุดจะตอบมา ซึ่งผมเชื่อว่าจะได้แนวทางเดินซึ่งมีฐานรองรับคำอธิบายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หากจะเดินหน้าแบบเดิมต้องไม่เสียเงิน 6,000 ล้านบาท แต่หากผิดสัญญาจีนต้องคืนเงิน แต่มีปัญหาในระยะเริ่มต้นคือไทยเคยผิดข้อตกลงเพราะจ่ายเงินไม่ตรงในช่วงที่มีโควิด”

สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าว

นอกจากนี้ ‘สุทิน’ ยังชี้แจงถึงการกู้เรือหลวงสุโขทัยว่า ต้องกู้เรือในสภาพที่สมบูรณ์ทั้งลำ ไม่เอาทีละชิ้นส่วน เพราะต้องการพิสูจน์หาหลักฐาน ที่ทำให้เรือล่ม ยืนยันไม่มีการทำลายหลักฐาน หรือมีนอกไม่มีในแน่นอน 

ส่วนที่วิจารณ์เรื่องการซื้ออาวุธ ‘ยุคสุทินดาวน์น้อย’ เพราะต้องการผ่อนนาน แต่ข้อเท็จจริงคือมีเม็ดเงิน 15% ต้องจ่ายล่วงหน้าที่เหลือต้องจ่ายจริง ทั้งนี้ขอเงินดาวน์ไป 20% แต่สำนักงบประมาณตัดเหลือ 15% เพราะปีงบประมาณ 67 เหลือเวลาใช้งบเพียง 4 เดือน กังวลว่าใช้งบประมาณไม่ทัน ไม่ใช่กรณีดาวน์น้อย เพื่อผ่อนนาน  ขณะที่ประเด็นทหารกองพลพัฒนา ตั้งงบน้ำซ้ำซ้อนกับแหล่งน้ำอื่น 30% ทำให้คนเข้าใจผิด เพราะนำงบน้ำบาดาลมาเปรียบเทียบ ทั้งที่ยืนยันว่าตั้งงบไม่ซ้ำซ้อน เพราะจะสำรวจพื้นที่ก่อน

“ผมเป็นรมว.กลาโหม ไม่ลืมจุดยืนเดิม และต้องการให้กองทัพทันสมัย พยายามทำทุกอย่าง แต่ต้องใช้เวลา กลยุทธ์ขอเวลาพิสุจน์ แต่ยืนยันไม่เข้ามาเพื่อซูเอี๋ย หรืออวยกองทัพ”

สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์