อีกหนึ่งไฮไลท์ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ ได้แก่ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ. ... เสนอโดย ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะ
ก่อนเข้าสู่วาระ อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจบุรี พรรคเพื่อไทย เสนอให้เจ้าของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว พิจารณาถอนร่างฯ ออกไปก่อน เพื่อรอร่างฯ ของภาคประชาชนที่มีแนวคิดคล้ายๆ กันที่จะเสนอเข้ามาถึง 2 ฉบับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงมีความจำเป้นต้องรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งที่อยูในกลุ่ม LGBTQ และไม่ได้เป็นLGBTQ เพื่อให้กฎหหมายเป็นของทุกกลุ่ม แต่ ธัญวัจน์ ยืนยันไม่ถอนร่างฯ ออก พร้อมย้ำเรื่องนี้มีการผลักดันมาตั้งแต่ปี 2559
ทำให้ที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อ โดย ธัญวัจน์ ชี้แจงเหตุผลว่า รัฐธรรมนูญรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล ยอมได้รับความคุ้มครอง แต่ปัจจุบัน ยังไม่มีกฎหมายรับรองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ จึงส่งผลให้เกิดการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเอกสารของรัฐไทย ยังกำหนดให้ใช้ ‘คำนำหน้านาม’ ซึ่งถือตามเพศกำเนิด ได้แก่ เด็กชาย เด็กหญิง นาย นางสาว และนาง ส่งผลให้บุคคลข้ามเพศและผู้หลากหลายทางเพศอื่น ประสบปัญหาในการแสดงตัวตน การจะตัดสินใจกำหนดวิถีทางเทศ และกระทบต่อการดำเนินชีวิต จึงสมควรมีกฎหมายออกมาคุ้มครอง
หากเราจะเปลี่ยนแปลงการประกอบสร้างสังคมใหม่ เราจำเป็นต้องคืนเจตจำนงเรื่องของการระบุเพศให้กับพวกเขา เรื่องเพศเป็นเรื่องสำนึกภายในที่จะบอกตนเองได้ว่าตัวเองเป็นอะไร และอยากจะดำเนินชีวิตอย่างไร ทั้งวิถีและการแสดงออก โดยหลักการสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้คือ Self-determination หรือการกำหนดเพศด้วยตัวเอง นี่คือจุดเริ่มที่เราจะเปลี่ยนแปลงการประกอบสร้าง และมีอีกหลายก้าวสำคัญที่ต้องผลักดัน เพื่อให้สังคมได้โอบรับกับความหลากหลาย เพราะเพศมีคำอธิบายมากกว่าเรื่องของร่างกายและกายภาพ
ร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้นิยามอัตลักษณ์ทางเพศว่า คือการที่บุคคลหนึ่งรับรู้ต่อตนเองว่าคือใคร และเป็นเพศอะไร ซึ่งจะสอดคล้องกับสิ่งที่สังคมกำหนดหรือไม่ก็ได้ หมายรวมถึงการแสดงออกทางเพศด้วย ทำให้เราจำเป็นต้องออกกฎหมายที่คำนึงถึงเรื่องของอัตลักษณ์ทางเพศ ไม่ใช่แค่เพศสภาพทางเพศเท่านั้น
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์
จากนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็น โดย สส.พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุน ขณะที่ สส.พรรครัฐบาล ทั้ง พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชาติ อภิปรายคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ อาทิ ธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การออกกฏหมายใดๆ จะต้องสอดคล้องกับบริบทสังคม หากกฎหมายใดสุดโต่งเกินกว่าความต้องการของสังคม กฎหมายนั้นก็จะไม่สร้างประโยชน์ แล้วจะไม่ตอบโจทย์สภาพสังคมได้ อาจสร้างปัญหาตามมา
ที่ผ่านมา สภาฯได้มีการพิจารณากฎหมายสมรสเท่าเทียม และได้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อใช้สิทธิเสรีภาพในการสมรสรับรองความเป็นคู่สมรสของคน 2 เพศ และเพศเดียวกัน ซึ่งตนอภิปรายสนับสนุนเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะคิดเสมอว่า ไม่ว่าใครบนโลกใบนี้ต่างก็มีความรัก ไม่ควรถูกปิดกั้น เพราะเป็นเพียงแค่เกิดมาเป็นเพศใดเพศหนึ่ง
ส่วนคำนำหน้าชื่อไม่ว่าจะเป็น นาย นาง นางสาว ที่เป็นการแบ่งเพศตามสภาพมาตั้งแต่กำเนิด ตนมีความห่วงใยและความกังวลในการเปลี่ยนได้ตามความสมัครใจ เพราะในต่างประเทศสามารถให้เปลี่ยนคำนำหน้าได้ มีกฎ มีเงื่อนไขยาก-ง่ายแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม มองว่าไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ทุกคนควรมีสิทธิ์ได้เลือกความเป็นตัวเอง หากเขาไม่สะดวกที่ต้องใช้คำนำหน้าที่ไม่ตรงกับเพศสภาพในปัจจุบัน คิดว่าเขาควรมีสิทธิ์เลือกไม่ใส่คำนำหน้านามก็ได้
พร้อมยกตัวอย่างประเทศ เช่น สวีเดน และ ฟินแลนด์ การเปลี่ยนคำนำหน้า ไม่ได้จะเปลี่ยนกันง่าย ต้องพบจิตแพทย์ ต้องทำหมัน เพื่อกันกรณีถูกข่มขืนและตั้งท้อง แล้วประเทศเราจะใช้หลักอะไร ซึ่งถือเป็นข้อกังวล เพราะอาจเป็นต้นเหตุของการก่ออาชญากรรม เช่น การเปลี่ยนเพื่อไปหลอก ลวนลามบุคคลอีกเพศ เพื่อบอกว่าเป็นเพศเดียวกัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ไปเยี่ยมผู้ต้องขังที่เรือนจำอุดรธานี กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้ไปเห็นการแบ่งแยกนักโทษชายหญิง ถ้าสมมติว่าเพศทางเลือกได้กระทำผิด ซึ่งเขามีจิตใจไม่ตรงกับเพศสภาพ แล้วเขาเข้าไปอยู่ในเรือนจำ เขาต้องอยู่ร่วมกับผู้ต้องขังชายหรือหญิง
ผมเห็นบางคน เพศสภาพอาจจะเป็นชาย แต่จิตใจเขาเป็นผู้หญิง พอเขาเข้าไปในเรือนจำ คนพวกนี้จะมีสภาพจิตใจอย่างไร เพราะนมก็ยังไม่ได้เอาออก ต้องตัดผมสั้นอีก อย่างนี้เราจะให้เขาได้รับสิทธิ์เลือกหรือไม่ หรือสามารถเปิดพื้นที่ส่วนหนึ่งได้หรือไม่ เพราะจะต้องใช้สถานที่ ผมเป็นคนคิดมาก แม้สนับสนุนเรื่องแบบนี้มาโดยตลอด แต่ผมเป็นห่วงว่า แต่ละคนสภาพไม่เหมือนกัน บางคนสามารถเตะก้านคอผู้ชายสลบ อย่างนี้ก็มี แต่เขาสามารถแปลงเพศได้ อรชรอ้อนแอ้น อย่างนี้เปลี่ยนแล้วจะมีความเป็นธรรมหรือเปล่า เพราะการจะสร้างความเป็นธรรม เท่าเทียม เราสามารถสร้างได้ด้วยตัวเองมากกว่า เราสามารถผลักดันให้ผู้มีอำนาจใช้กลไกทางกฎหมาย สร้างความเป็นธรรมให้ได้เป็นรูปธรรมได้ดียิ่งกว่าการเปลี่ยนนาย เป็นนาง หรือเปลี่ยนนาง เป็นนาย ผมไม่อยากมองว่า แค่คำนำหน้านาม นาย นาง นางสาว เด็กชาย เด็กหญิง เป็นกรอบกำหนดในชีวิต เพราะไม่ว่าท่านจะเป็นนาย นาง นางสาว หรือมนุษย์ เสมอภาคกันทุกคน เพราะก็คนเหมือนกัน ผมเชื่อว่าถ้าคนเรารักกันจริง คำนำหน้านามไม่จำเป็นต้องเอามาเป็นกำแพงปิดกั้นความรัก ถ้าเราเอานาย นาง นางสาว มาเป็นอุปสรรค เพื่อปิดกั้นความรัก ผมว่ามันไม่ใช่ความรัก ดังนั้นหากจะทำกันจริงๆ ขอให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้
ธีระชัย แสนแก้ว
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า รู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่สภาฯ เปิดพื้นที่ให้กับการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพมนุษยชน และรู้สึกเท่ ที่สภาไทยพูดถึงเทรนด์ของโลก กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีหลายเรื่องที่ให้ความเป็นธรรม เช่น นิติสินสมรส และเสรีภาพขั้นพื้นฐานอื่นๆ แต่พอมาดูเรื่องของคำเปลี่ยนคำนำหน้านาม เราต้องรับฟังให้รอบ
อย่าเหาะเกินลงกา ไปไกลชนิดที่ว่าสุดลิ่มทิ่มประตู และจะทำให้สร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ และการที่เราจะภาคภูมิใจหรือไม่ภาคภูมิใจ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้คำนำหน้าว่าอะไร คงไม่ใช่ว่า ปกติเป็นคนหม่นหมองตรอมเศร้า ผลไม้ที่ชอบคือ ระกำ ปลูกดอกไม้ก็ปลูกดอกลั่นทม ฉันจะปลูกหญ้า เมื่อปลูกหญ้าก็ตรอมใจ เป็นคนประเภท ระทม ระกำตรอมใจ แต่พอเปลี่ยนคำนำหน้านามแล้ว จะลุกมาแฮปปี้ชนิดที่ว่าเปลี่ยนปุ๊บแฮปปี้ปั๊บ คงไม่ใช่เช่นนั้น แต่ความภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือเป็นหญิง หรือจะเป็น LGBTQ เราสามารถภาคภูมิใจได้
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด
อนุสรณ์ ยังร้องเพลง “กะเทยประท้วง” ของ ‘ปอยฝ้าย มาลัยพร’ พร้อมระบุว่า เป็นกะเทยก็ภาคภูมิใจได้แล้ว วันนี้คำว่ากะเทย คำที่บ่งบอกถึงเพศสภาพที่ 3, 4, 5 ไม่ใช่สิ่งที่จะไปบูลลี่กัน ไม่ใช่คำที่ฟังแล้วถูกประณามหยามหมิ่น สังคมเรา เป็นประเทศที่เปิดรับและเปิดกว้างกับคำหลากหลายทางเพศ ดังนั้น สิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตคือ เราจะเป็นชายจริงหญิงแท้ LGBTQ เราควรจะภาคภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น ตนเชื่อมั่นว่า เราจะใช้คำนำหน้าว่าอย่างไร เราก็ภาคภูมิใจได้
ก่อนที่เราจะเรียกร้องให้คนอื่นเคารพเรา เราควรเคารพผู้อื่นก่อน ก่อนที่เราจะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้กับตนเอง เราหันไปมองรอบด้านเสียก่อนว่า สิทธิ์ที่เราเรียกร้องนั้น ได้ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นหรือไม่ และต้องระมัดระวังผลกระทบ ที่จะตามมาอย่างที่ ‘ดา เอ็นโดรฟิน’ ได้ร้องไว้ว่า “ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ” ซึ่งหากเปลี่ยนคำนำหน้านาม จะไม่ได้หยุดแค่ที่ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ แต่จะกลายเป็นไม่รู้จักชาย ไม่รู้จักหญิง ไม่รู้จัก LGBTQ
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด
ขณะที่ กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยให้เหตุผลที่เกิดมาด้วยเพศหญิง แต่ใช้ชีวิตเหมือนเด็กผู้ชายมาตลอด ตั้งแต่เด็กมีความรู้สึกชอบและรักเพศหญิงมาตั้งแต่เด็ก และใช้ชีวิตแบบนี้มาเป็นปกติ จนกระทั่งวันนี้อายุ 46 ปี ภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้อยากจะเปลี่ยนคำนำหน้าเป็นผู้ชายแต่อย่างใด แต่เวลาไปติดต่อราชการ หรือเวลาแนะนำตัวเอง จะต้องมีการหันกลับมามองทุกครั้ง และมีความไม่แน่ใจว่า ตกลงเราผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่
เมื่ออ่านในใบสมัครข้าราชการ หรือเอกสารราชการคำนำหน้าขึ้นด้วยนางสาว ซึ่งจะมีเสียงซุบซิบนินทาตามหลังมาเสมอ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรมากหมาย แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจ และบางครั้งตอนที่เรายังไม่ได้คุยกับใคร ทุกคนก็ไม่ได้มองถึงขอบกพร่องตรงนี้ แต่เมื่อเริ่มคุยและลงท้ายด้วย “ค่ะ” สิ่งที่ตามมาคือ อคติของคนที่คุยกับเรา และมักจะมีคำนินทาตามหลังเสมอว่า ‘ไอ้ทอม’ อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเป็นคำพูดที่ค่อนข้างทำร้ายจิตใจ ผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างเป็นเป็นหัวอนุรักษ์โบราณ ก็ไม่อยากคุยกับไอ้ทอม ซึ่งงานที่ไปติดต่อก็เป็นประโยชน์ แต่โดนเหยียดทางอัตลักษณ์ทางเพศ
กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์
ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายชี้ให้เห็นถึงก้นบึ้งของหัวใจผู้หญิงข้ามเพศ อายุ 51 ปี ที่เจ็บปวดกับคำนำหน้านามว่า ‘นาย’ มาตลอดชีวิต นี่เป็นความฝันสูงสุดกับการที่จะได้เปลี่ยนคำนำหน้าให้ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศในปัจุบัน และฝันถึงสิ่งนี้มานาน โดยที่ความฝันคือการได้เป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์ และได้บรรลุความฝันเป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์ไปหลายสิบปีแล้ว แต่ความฝันที่สองที่สูงสุดคือ ออกจากความจากความเจ็บปวดที่ถูกเรียกว่า ‘นาย’ ทุกครั้ง ซึ่งใครที่ไม่ได้เป็นบุคคลข้ามเพศ ไม่มีทางเข้าใจสิ่งนี้ ดังนั้น ขอให้สภาฯ ร่วมกันถกเถียงปรับแก้ในจุดที่มีปัญหา และขอวิงวอนจากหัวใจของหญิงข้ามเพศที่รอสิ่งนี้มานานตลอดชีวิต
หลังสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้น ที่ประชุมลงมติ
- เห็นด้วย: 152 เสียง
- ไม่เห็นด้วย: 256 เสียง
- งดออกเสียง: 1 เสียง
- ไม่ลงคะแนน: 1 เสียง
ถือว่าที่ประชุมไม่รับร่าง พ.ร.บ.การรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศฯ