อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ ว่า ขณะนี้พิจารณาครบถ้วนทั้งหมด 731 หน่วยงานแล้ว และสามารถปรับลดงบประมาณได้ประมาณ 9,000 กว่าล้านบาท
ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนจาก กมธ.ว่าเราดำเนินตามกรอบสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ยึดประชาชนเป็นหลักคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้กับประชาชน รวมถึงงบประมาณใดที่มีประโยชน์น้อย เช่น การสัมมนา ฝึกอบรม การดูงานต่างประเทศ และงบประชาสัมพันธ์ ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เป็นประโยชน์จริงๆ ถ้าอะไรที่เกิดประโยน์น้อย ก็ต้องต้องถูกปรับลดงบประมาณอย่างแน่นอน
ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนจาก กมธ.ฯ ปี 67 ซึ่งปี 68 บุคคลากรส่วนใหญ่ก็ยังคงคล้ายๆ เดิม และเป็นการส่งสัญญาณคู่ขนานระหว่างฝ่ายบริหาร โดยนายกฯ และฝ่ายนิติบัญญัติ โดย กมธ.ฯ งบประมาณใดที่จะนำเสนอในปี 68 ถ้ายังมีงบฯ ที่เกิดประโยชน์น้อยก็ต้องพิจารณาอย่างละเอียด และเชื่อว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2568 ที่กำลังจะมาถึง จะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม และยึดประโยชน์ของประชนเป็นสำคัญ
เมื่อถามถึงการอุทธรณ์งบประมาณของหน่วยงานหลังจากถูกปรับลด อนุสรณ์ ชี้แจงว่า การขออุทธรณ์ส่วนใหญ่เมื่อเข้ามาในห้อง กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ ก็จะเป็นไปตามการพิจารณาของอนุกรรมาธิการฯ ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่ขอคืนงบประมาณ เช่น กระทรวงกลาโหม ที่ในชั้นอนุกรรมาธิการฯ ได้มีการปรับลดงบประมาณในการซื้อเรือฟริเกต (Frigate) เนื่องจากเห็นว่าข้อมูลไม่มีรายละเอียดที่ลงลึก เช่น จะซื้อจากบริษัทอะไร มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ เมื่อมีการอุทธรณ์เข้ามาห้อง กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ ก็เห็นเช่นเดียวกับอนุ กมธ.ว่าไม่ได้คืนงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหม ตามที่อุทธรณ์มา และไปทำการบ้านมาใหม่
ขอย้ำว่าไม่ได้ไม่เห็นความสำคัญ เรายินดีสนับสนุนกองทัพอยู่ แต่ในสภาวะที่งบฯ มีอยู่อย่างจำกัด ก็ต้องจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้องซึ่งหน่วยงานสามารถขอซื้อใหม่ในปีงบประมาณหน้าได้
ขณะที่งบประมาณการจัดซื้ออากาศยานปีกหมุนดับเพลิงจากประเทศรัสเซีย ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่อนุกรรมาธิการด้านการปกครอง ได้ตัดงบประมาณส่วนนี้ออกไปทั้งหมดมูลค่า 950 ล้านบาท โดยยึดตามระเบียบข้อกฎหมาย แต่เมื่อมีการอุทธรณ์เข้ามาในห้อง กมธ.ชุดใหญ่ ทาง กมธ.ก็ได้พิจารณาถึงเหตุผลและงบประมาณที่มีอยู่ จึงคืนการจัดซื้อให้ทั้งหมด
การปรับลดงบประมาณครั้งนี้ถือว่ารวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แม้จะมีระยะพิจารณาเวลาจำกัด เนื่องจากเลยปีงบประมาณมามากแล้ว จนหน่วยงานใช้งบประมาณไปพลางก่อนแล้ว ซึ่งการปรับลดอาจไม่เต็มที่ด้วยเงื่อนไขในส่วนนี้ แต่ในปีหน้าจะต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่ามากกว่านี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ การประชุม กมธ.ครั้งสุดท้ายในวันที่ 13 มี.ค.นี้ จะเป็นการนัดตรวจสอบรายมาตราและรับรองการประชุม ก่อนส่งเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯพิจารณษวาระ 2 และวาระ 3 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20 -21 มี.ค.นี้