‘สภาฯ’ ไฟเขียว! รับหลักการ ‘ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช.’

21 ก.พ. 2567 - 08:30

  • ‘สภาฯ’ รับหลักการ ‘ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช.’ พร้อมตั้ง 31 กมธ.วิสามัญฯ

  • ‘รวมไทยสร้างชาติ-ภูมิใจไทย-ประชาชาติ’ อภิปรายหนุน ‘เพื่อไทย’ ชี้เป็นก้าวแรกแก้กฎหมายพิเศษ

  • 3 พรรครุมถล่ม ‘คณะรัฐประหาร’ เสริมเขี้ยวเล็บ กอ.รมน.-ลดบทบาทภาคประชาชน

House_of_Representatives_accepts_the_principles_of_the_draft_bill_to_cancel_NCPO_orders_SPACEBAR_Hero_3fc76429cf.jpg

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ มีไฮไลท์อยู่ที่การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ลงวันที่ 4 เม.ย. 2559 พ.ศ. ....

ซึ่งเสนอโดย ยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กับคณะ โดยที่ประชุมเห็นชอบให้พิจารณาร่วมกับร่าง พ.ร.บ.ทำนองเดียวกันอีก 2 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับที่ ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยกับคณะ และฉบับที่ รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลกับคณะ เป็นผู้เสนอ

รุมซัด ‘คณะรัฐประหาร’ เสริมเขี้ยวเล็บ ‘กอ.รมน.’ แต่ลดบทบาทภาคประชาชนในพื้นที่ ขาดมีส่วนร่วมแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

ยูนัยดี อภิปรายชี้ให้เห็นถึงร่าง พ.ร.บ.เนื่องด้วยคำสั่ง คสช.ที่ 14/2559 ได้กำหนดให้ยกเว้นบทบัญญัติบางมาตราของ พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้ไม่มีสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่เป็นสมาชิก และเป็นส่วนสำคัญให้การแก้ปัญหาเกิดผลสัมฤทธิ์ ขณะที่คณะกรรมการที่ปรึกษาฯ ของ คสช.ไม่สามารถตอบสนองการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งประชาชนในพื้นที่ก็ไม่ได้มีส่วนร่วม

แต่เดิม สภาที่ปรึกษาฯ ซึ่งมีตัวแทนจากหลายภาคส่วน สามารถเสนอแนะ มีส่วนร่วมในการตรวจสอบประเมินการทำงานของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และให้ความเห็นแก่นายกรัฐมนตรี และเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อประกอบการพิจารณาให้เจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายพลเรือน ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ให้ออกไปจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ แต่คำสั่ง คสช. ทำให้สภาที่ปรึกษาฯ ถูกลดทอนอำนาจหน้าที่ลงไป จึงขอเสนอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช. ดังกล่าว เพื่อให้สภาที่ปรึกษาเดิมได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่

ยูนัยดี วาบา

ด้าน ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตว่า คำสั่ง คสช.ได้เพิ่มอำนาจให้ กอ.รมน. เพื่อขยายอำนาจฝ่ายทหารมาควบคุมกิจการของพลเรือน ซึ่งมองว่ากำลังเดินไปผิดทาง จึงเสนอให้มีการยกเลิกคำสั่ง คสช. ดังกล่าว เพื่อยุติบทบาทของคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ ฟื้นฟูสภาที่ปรึกษาฯ และจำกัดบทบาทของ กอ.รมน.

แซะยึดอำนาจวันเดียวออกกฎหมาย แต่กว่าจะยกเลิกได้นานเป็นปี ฝากผู้แทนฯ อย่าเห็นดีเห็นงามกับรัฐประหาร

ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เป็นการรวมศูนย์อำนาจไปไว้ที่ส่วนกลางเพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีตัวแทนจากแต่ละภาคส่วน การบริหารเช่นนี้เป็นผลทำให้การบริหารปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งยังมีปัญหาเพิ่มขึ้น แม้แต่รัฐบาลปัจจุบันก็ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากหลายหน่วยงานว่า ควรยกเลิกคำสั่ง คสช. แล้วกลับไปใช้กฎหมายเดิม กล่าวได้ว่า ทั้ง 3 ร่าง พ.ร.บ.ที่มีผู้เสนอมา มีเจตจำนงเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์

ถ้าท่านยึดอำนาจการปกครองประเทศ แล้วออกคำสั่งประกาศต่างๆ ใช้เวลาเท่าใด บางท่านก็ว่าใช้เวลาวันเดียว พอยึดอำนาจแล้วศาลฎีกา วินิจฉัยว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ออกกฎหมายอะไรได้หมด ครั้นเราจะยกเลิก ต้องเสนอร่าง พ.ร.บ. ผ่านวาระต่างๆ อาจใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนหรือเป็นปี เรื่องนี้สภาผู้แทนราษฎรควรต้องตระหนักว่า ระบบแบบนี้ควรหมดไปจากประเทศไทย โดยทั้งสภาฯ และศาล ต้องไม่ยอมรับประกาศคำสั่งใดๆ ไม่ยอมรับการยึดอำนาจรัฐประหาร ว่าไม่ใช่สิ่งดีงาม ไม่ร่วมมือด้วย ฝากเป็นข้อคิดอุทาหรณ์ไปยัง สส.ว่าเราควรต้องตระหนักถึงหน้าที่ของเราในส่วนนี้

ชูศักดิ์ ศิรินิล

‘รวมไทยสร้างชาติ-ภูมิใจไทย-ประชาชาติ’ อภิปรายหนุน แนะเพิ่มส่วนร่วมประชาชนแก้ปัญหาชายแดนใต้

ปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายชี้ให้เห็นว่า ในแต่ละสถานการณ์ก็จะมีวิธีการแก้ไขปัญหา ถ้าหากในวันนั้น พวกเราอยู่ที่นี่ ก็คงจะตัดสินใจแบบนี้เหมือนกัน แต่เมื่อเหตุการณ์ล่วงเลยมาแล้ว ก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธี และเมื่อได้ประเมินบทเรียนที่ผ่านมา จะพบว่าคำสั่ง คสช. ยังแก้ปัญหาไม่ได้ดีเท่าที่ควร และเสนอว่าให้ใช้แนวคิดในสมัย พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า และเพิ่มสัดส่วนตัวแทนของประชาชน เข้าไปในสภาที่ปรึกษาฯ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลและจังหวัด ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่งเสริมทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ให้เป็นทั้งแหล่งประมงและแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้

ขณะที่ ซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส พรรคภูมิใจไทย อภิปรายสนับสนุน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของ ศอ.บต. และ กอ.รมน. ที่คนจังหวัดอื่นอิจฉา เพราะงบประมาณมักจะลงไปที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ในฐานะคนในพื้นที่ อยากให้เป็นเหมือนจังหวัดอื่นๆ ไม่ได้ต้องการหน่วยงานพิเศษที่เลือกไม่ได้ อีกทั้งงบประมาณหลายแสนล้านบาทที่เข้ามา ก็ไม่ได้พัฒนาอะไร

สิ่งสำคัญคือ การช่วยเหลือเยียวยาคนในพื้นที่ ซึ่ง ศอ.บต. ต้องสนับสนุน คนจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ต้องการอะไรพิเศษกว่าคนจังหวัดอื่น นอกจากสังคมดี เศรษฐกิจดี การศึกษาดี แต่ด้วยคำสั่ง คสช. ให้แต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ ซึ่งไม่ได้มีความเข้าใจในพื้นที่ จึงเห็นควรว่าควรยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และ กอ.รมน.ที่เป็นทหาร ก็ควรดูแลด้านความมั่นคง ไม่ได้มีหน้าที่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เราจึงควรเลือกคนให้ถูกกับงาน

ซาการียา สะอิ

ซูการ์โน มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ อภิปรายสนับสนุนการยกเลิกคำสั่ง คสช. แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์ที่สุด ควรยกเลิกถึง 3 ฉบับ ซึ่งพรรคประชาชาติได้ยื่นไปแล้ว เพื่อให้แก้ปัญหาอย่างครบวงจร และสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเลือกตัวแทนมาดูแลงบประมาณของ ศอ.บต. และกำหนดทิศทางการแก้ไขปัญหา

รัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลประชาธิปไตย มีความหวาดระแวง องค์กรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผมถามกลับไปว่า ถ้ายังมีความหวาดระแวง มีข้อสงสัยในตัวแทนของประชาชน ที่มาพิจารณางบประมาณของ ศอ.บต. แล้ว ผ่านไป 20 ปี รัฐบาลผลักดันงบไปกว่า 500,000 ล้านบาท มีอะไรดีขึ้น แถมประชาชนกลับถูกปิดปาก ประชาชนแต่งชุดมลายู ก็ไม่มีใครกล้าออกมาพูด ประชาชนแสดงอัตลักษณ์ตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีใครมาดูแล กลับไปริดรอนสิทธิ์ กล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่ซ่องโจร เพราะไม่มีสภาที่ปรึกษาฯ ที่มาจากประชาชน อยากฝากให้คณะทำงาน ได้พิจารณายกเลิกคำสั่ง และให้ ศอ.บต.เป็นแม่งานในการพิจารณา ไม่ใช่ให้ทหารนำการพัฒนา

ซูการ์โน มะทา

‘เพื่อไทย’ รายยาว! ซัดขยายอำนาจ ‘กอ.รมน.’ เข้ามาล้วงลูก-แทรกแซงหน่วยงานพลเรือน ทำเจตนารมณ์ ‘ศอ.บต.’ เปลี่ยนไป

จาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ศึกษาติดตาม และส่งเสริมการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อภิปรายว่า คำสั่งของคณะ คสช. 14/2559 อ้างว่าภายใต้ พ.ร.บ.บริหารจัดการชายแดนภาคใต้ สภาที่ปรึกษาฯ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

จึงมีเนื้อหาสำคัญ 3 ประการคือ งดใช้ทุกมาตราที่เกี่ยวข้องกับสภาที่ปรึกษาฯ และให้คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารจัดการชายแดนภาคใต้ทำหน้าที่แทน ประการที่สองให้เลขาฯธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) รับฟังข้อคิดเห็นจากเลขาฯ กอ.รมน. ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่า กอ.รมน.กำลังมีบทบาทมากขึ้น และประการสุดท้าย ให้ กอ.รมน.มีบทบาทปกป้องและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งที่จริงแล้วต้องเป็นฝ่ายพลเรือน

จาตุรนต์ ตั้งคำถามว่า ทำไม คสช.หวั่นไหวต่อ พ.ร.บ.บริหารจัดการชายแดนภาคใต้และสภาที่ปรึกษาฯ มีบทบาทอย่างที่ควรจะเป็น เพราะสภานี้ มีอำนาจหน้าที่เชื่อมโยงกับประชาชน ฝ่ายกฎหมาย และเชื่อมโยงกับการพูดคุยสันติภาพ ศอ.บต.มีหน้าที่ด้านสันติภาพและสภาที่ปรึกษาฯ ก็มีหน้าที่เชื่อมโยง ป้อนความเห็นต่างๆ คณะกรรมการที่ปรึกษาที่ปรับมาจากสภาที่ปรึกษาฯ คนแต่งตั้งคือนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจเหลือหน้าที่เพียงให้คำปรึกษา ศอ.บต. ให้ความเห็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ควรรับฟังความคิดเห็น

หมายความว่า นายกรัฐมนตรีไม่ถาม ก็ไม่ต้องให้ความคิดเห็น ต่างจากสภาที่ปรึกษาฯ ที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษา นอกจากนี้ ก็แต่งตั้งคณะทำงานได้ตามความเหมาะสม แต่การที่อำนาจหน้าที่หายไป ปัญหาจึงเกิดขึ้นมากในทุกด้าน เช่น การเยียวยา ลูกหลานเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับการดูแล การพิพาทระหว่างรัฐกับประชาชน ปัญหาการศึกษา ซึ่งหากมีเจ้าหน้าที่สภาที่ปรึกษาฯ จะผลักดันเรื่องนี้ได้

ประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดฯ เคยพยายามเสนอความเห็นต่อภาครัฐ แต่ไม่มีใครฟัง ปกติถ้ามีสภาที่ปรึกษาฯ เขาก็จะเสนอผ่านสภาที่ปรึกษาฯ ได้ อันนี้ก็ขาดหายไป ยังมีเรื่องอื่นอีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหาเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีสภาที่ปรึกษาฯ

จาตุรนต์ ฉายแสง

จาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาคำสั่ง คสช. นอกจากไม่มีสภาที่ปรึกษาฯ แล้ว ยังมีเรื่องการขยายอำนาจของ กอ.รมน. เข้ามาล้วงลูก เข้ามาแทรกแซง ทำแทนหน่วยงานพลเรือน ทำให้เจตนารมณ์ของการมี ศอ.บต.นั้นถูกเปลี่ยนไป แทนที่จะให้ฝ่ายมีพลเรือนมีบทบาท สภาที่ปรึกษาฯ จะทำให้ ศอ.บต.กลับมามีบทบาทมากขึ้น 

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะในระยะหลัง มีองค์กรที่สลับซับซ้อนถึง 3 องค์กร อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย สภาความมั่นคง, กอ.รมน. และ ศอ.บต. โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทั้งหมด แต่ไม่มีการทำงานประสานร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ มีกฎหมายพิเศษ 3 ฉบับ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน และกฎอัยการศึก จะเห็นได้ว่า โดยองค์กรและกฎหมาย กองทัพมีบทบาทเป็นหลักกดทับ

วันนี้ ถ้าเรายกเลิกคำสั่ง คสช. จะเป็นก้าวสำคัญในการระดมความคิดจากประชาชนให้แก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ และมาคิดกันว่า เราจะออกแบบระบบกฎหมายอย่างไร ทำให้เกิดความสงบต่อสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ สภาก็ตั้ง กมธ. รัฐบาลก็ตั้งคณะทำงานพูดคุย หากสภาฯ เห็นชอบ จะทำให้เข้าใจปัญหาและจะนำไปสู่การได้ผลมากยิ่งขึ้น

จาตุรนต์ ฉายแสง

รับหลักการ ‘ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช.’ พร้อมตั้ง 31 กมธ.วิสามัญฯ

ท้ายที่สุด ที่ประชุมมีมติรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 14/2559 ทั้ง 3 ฉบับ ด้วยคะแนนเสียง

  • เห็นด้วย : 421 เสียง
  • ไม่เห็นด้วย : 0 เสียง 
  • งดออกเสียง : 1 เสียง

จากจำนวนผู้ลงมติ 421 คน และเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 31 คน อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏว่ามี สส.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมอภิปรายในญัตติดังกล่าวแต่อย่างใด

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์