‘เจษฎ์’ ลั่นไล่ ‘รัฐบาล’ ก่อนไล่ ‘เพื่อนบ้าน’ ดีหรือไม่?

7 มิ.ย. 2568 - 09:27

  • ‘เจษฎ์’ จี้รัฐบาลจัดการปัญหาเขตแดนกัมพูชา ชี้ดำเนินการล่าช้า

  • เตือนหากปล่อยปละละเลย อาจถูกลากสู่ ‘ศาลโลก’ ซ้ำรอยปม ‘ปราสาทพระวิหาร’

  • ซัดผู้นำเอาแต่พูดเรื่องส่วนตัว ไม่แสดงจุดยืนให้ชาวโลกเห็น

  • จวกหากทำงานไม่ได้ ควรลาออกทั้งคณะ ปล่อยให้ประชาชนจัดการเอง

‘เจษฎ์’ ลั่นไล่ ‘รัฐบาล’ ก่อนไล่ ‘เพื่อนบ้าน’ ดีหรือไม่?

เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการทางกฎหมาย กล่าวถึงการแก้ปัญหาชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ว่า “รัฐบาลดำเนินการช้าเกินไป ก็จริงอย่างที่เขาว่า เรื่องระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกัน หากมีการกระทำใดที่ก่อให้เกิดนัยยะสำคัญ หรือเคลื่อนไหวที่อาจกระทบต่อความมั่นคง โดยเฉพาะบูรณภาพของอาณาจักร ต้องรีบดำเนินการโดยด่วน การที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีฝั่งกัมพูชามาที่ปราสาทตาเมือนธมแล้วร้องเพลงชาติ เราต้องดำเนินการตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว หากจะทำอย่างไม่เป็นทางการ ควรให้กระทรวงการต่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชามาคุย เพื่อสื่อสารไปยังกัมพูชาว่าหากกระทำเช่นนี้จะกระทบต่อความมั่นคง เพราะบุคคลนั้นอยู่ในระดับบริหารราชการแผ่นดิน


“แต่เมื่อไม่ดำเนินการ การรุกคืบจะเกิดขึ้นทันที กลายเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ชาวบ้านเข้ามา ซึ่งอาจเข้ามาสอดแนมโดยที่เราไม่ทันคิด เขาอาจจะแสวงหาข่าวเพื่อส่งต่อ แต่หากยกระดับเป็นทหารเข้ามาในพื้นที่ No man's land เราต้องผลักดันให้ถอยไปโดยด่วน เราไม่อยากเสียเลือดเนื้อหรือเกิดศึกสงคราม”


เชื่อว่าทหารทุกคนไม่อยากให้เกิดสงคราม เพราะท่านเจ็บ ท่านตายจริง พวกเรา โดยเฉพาะนักการเมือง ไม่เจ็บ ไม่ตายจริง อย่างมากก็พูดว่านโยบายฉันอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ได้ส่งผลในทางกายภาพ ฉะนั้น ทหารไม่อยากรบ แต่หากจำเป็นในเวทีระหว่างประเทศ อาจต้องมีการป้องกันตัว เช่น ยิงขึ้นฟ้าเพื่อผลักดันคนเหล่านี้ให้ถอยไป อย่าใช้วิธีพูดเดินเข้าไปคุยว่า “เธอถอยไปเถอะ” เพราะท้ายที่สุดหากเขาลุกคืบมาถึงเขตแดนเราแล้ว ก็จะไม่สามารถใช้วิธีคุยได้อีก ถ้าเรื่องถูกดึงไปศาลโลก ตั้งแต่ปี 2503 เราก็ไม่รับอำนาจศาลโลกแล้ว

เจษฎ์ กล่าวต่อไปว่า “เราไม่ได้ปฏิเสธกลไกกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ไม่ควรยอมถึงขั้นนั้น เพราะนี่คืออาณาเขตของเรา รัฐบาลเป็นฝ่ายที่ย่อหย่อนที่สุด”


ตอนนี้คนพูดกันว่าทหารพร้อม ประชาชนพร้อม แต่รัฐบาลไม่พร้อม แล้วจะบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร ถึงกับมีคนพูดว่า “ไล่รัฐบาลก่อนไล่เขมรดีหรือไม่”

เมื่อถามว่าไทยอาจถึงขั้นเสียดินแดนหรือไม่? เจษฎ์ กล่าวว่า “ยังไม่แน่ชัด แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้เสียเปรียบ เสียสถานภาพในเวทีโลก เพราะมัวแต่มะงุมมะงาหรา เงื้อง่า พูดแต่จะทำ คุยแล้ว ยกแต่ความสัมพันธ์ส่วนตัว ซึ่งไม่ควรนำมาอ้าง เพราะนี่คือเรื่องของบ้านเมือง ทำให้เราเสียเปรียบและเสียพื้นที่ทั้งทางภูมิรัฐศาสตร์และความเข้าใจในระดับนานาชาติ”


“กัมพูชารุกคืบ เตรียมจะไปศาลโลก ยึด 4 ปราสาท ประกาศว่าไทยยิง ทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย คนที่เป็นตัวแทนบ้านเมืองกลับนิ่งเฉย ไม่ชี้แจงต่อประชาคมโลก พูดเพียงว่าจะไปคุยในคณะกรรมการร่วม ซึ่งประธานร่วมและจำนวนกรรมการก็เท่ากัน แล้วจะคุยอย่างไร ในเมื่อกัมพูชาบอกไม่คุย ไม่รับข้อเสนอ บอกว่าเป็นดินแดนของเขา เราก็ยิ่งเสียเปรียบจากความเฉื่อยชา ไม่บอกให้ชาวโลกรู้ว่าเราอยู่ตรงไหน จุดยืนของเราคืออะไร”


แล้วพูดแต่เรื่องส่วนตัว รัฐมนตรีกลาโหมทำอะไรไม่รู้ นายกฯ ก็ไม่ใช่, พ่อนายกฯ ก็พูดได้แต่เรื่องส่วนตัว พูดถึงแต่กาสิโน ความฉิบหาย ความวิบัติของบ้านเมือง ส่วนเรื่องการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงกลับไม่มีใครพูด ไม่เห็นว่าเราทำอะไรได้จริงเลย มีแต่เสียกับเสีย

เมื่อถามว่า หากสถานการณ์เลวร้าย “นายกฯ” ต้องรับผิดชอบหรือไม่? เจษฎ์ กล่าวว่า “ต้องรับผิดชอบแน่นอน และไม่ใช่แค่นายกฯ แต่ต้องลาออกกันทั้งคณะ ทั้งรัฐสภา สส. สว. ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชน หากทำหน้าที่ไม่ได้ก็ควรลาออก ให้ประชาชนจัดการกันเอง ทหารก็ช่วยกันได้”


ผมไม่ได้เรียกร้องให้ปฏิวัติ แต่ต้องเปลี่ยนไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย และต้องลาออกก่อน เพราะทำงานไม่ได้ เหมือนบริษัทที่หากพนักงานทำงานไม่ได้ก็ต้องให้ออก

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์