
กลายเป็นประเด็นลุกลามใหญ่โต สร้างความระส่ำไปทั้งภายใน-ภายนอก จากปมฉาว ‘คุกคามทางเพศ’ ของ 2 สส.พรรคก้าวไกล ได้แก่ วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กรุงเทพฯ
ซึ่งที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรคก้าวไกล ลงความเห็นว่าทั้ง 2 กรณี มีพฤติการณ์คุกคามทางเพศจริง ถือเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง จึงมติให้ วุฒิพงศ์ พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ขณะที่ ไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 จาก 128 เห็นควรให้ขับออกจากสมาชิกพรรค แต่เนื่องจากเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ที่มีอยู่ จึงยังไม่สามารถขับ ไชยามพวาน พ้นจากสมาชิกได้ แต่ที่ประชุมเห็นควรติดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก อาจต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังตั้งเงื่อนไขว่า ไชยามพวาน จะต้องออกมายอมรับผิด ขอโทษต่อสังคม และชดเชยเยียวยาผู้เสียหาย แต่หาก ไชยามพวาน ยังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีที่จะขอโทษและเยียวยาผู้เสียหาย ก็จะมีการประชุมกันอีกครั้ง เพื่อมีมติขับออกจากสมาชิกพรรค


เรื่องไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะภายหลังใช้เวลาประชุมแบบมาราธอนนานกว่า 6 ชั่วโมง เพื่อสรุปบทลงโทษกับทั้งคู่เสร็จสิ้น ปรากฏว่าบัญชีโซเชียลมีเดียของกลุ่ม สส.หญิง พรรคก้าวไกล ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสีดำ สื่อนัยยะถึงการประท้วงมติลงโทษดังกล่าว อาทิ ศศินันท์ ธรรมนิธินันท์ หรือ ‘ทนายแจม’ สส.กรุงเทพฯ, กัลยพัชร รจิตโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ, ภัสรินทร์ รามวงศ์ สส.กรุงเทพฯ ไปจนถึง ภัสราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย หรือ ‘สก.เนอส’ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) พรรคก้าวไกล
โดยเฉพาะ ภัสราภรณ์ ถึงขั้นแชร์ข่าวแถลงผลประชุม พร้อมแสดงความคิดเห็นผ่าน X อย่างเผ็ดร้อนว่า “หน้าด้าน ไม่มีความละอายแก่ใจ เป็นคนให้ได้ก่อนค่อยเป็นผู้แทนประชาชน” พร้อมกับแท็กหาบัญชีของ ไชยามพวาน
ส่วนความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย หลังทราบมติของพรรคต่อกรณีดังกล่าว หลายคนแสดงความไม่พอใจผลการลงมติ ที่การลงโทษผู้กระทำผิดขัดต่อจริยธรรมพรรค 2 กรณีนั้นได้รับผลไม่เท่ากัน บางส่วนถึงขั้นเรียกร้องให้เปิดเผย ‘เสียงโหวต’ ที่ให้ ไชยามพวาน ไม่พ้นสมาชิกพรรค นั้นเป็นใคร

อีกหนึ่งที่โดนลูกหลงจากดราม่านี้ไปด้วยก็คือ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ซึ่งต้องออกมา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวหารวบรวมเสียงให้คนโหวตไม่เห็นด้วยกับการขับ ไชยามพวาน ออกจากพรรค โดยเจ้าตัวยืนยันเป็น 1 ในคนที่ลงมติเห็นด้วยกับการขับ ไชยามพวาน พร้อมยืนยัน ทุกการตัดสินใจนั้นยึดหลักการที่ตนเองเชื่อว่าถูกต้อง และเป็นหลักการที่ต้องนำมาใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาค

ด้าน ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความผิดหวังต่อมติการลงโทษที่ออกมา พร้อมระบุว่า เมื่อทั้งคณะกรรมการวินัยของพรรค และทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติว่ามีการกระทำความผิดร้ายแรงแล้ว หาก ส.ส.ผู้ถูกร้องรู้จักมาตรฐานใหม่ในทางการเมืองอยู่บ้าง รู้จักความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย พรรค เพื่อน ส.ส.คนอื่น ผู้สนับสนุนพรรคและสังคมอยู่บ้าง คิดถึงตำแหน่งหัวโขนที่พึ่งได้มาอย่าง สส.ให้น้อยลงบ้าง สส.ผู้ถูกร้องก็ควรแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องมาถึงวันนี้ ที่พรรคต้องใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ที่ประชุม สส.ต้องมาลงมติ และชี้ให้เห็นว่า ทั้งหมดนี้ คือผลพวงจากการไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ไม่กล้ายอมรับผิด ไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบ

มีการตั้งข้อสงสัยว่า ในเมื่อมติของกรรมการวินัยและกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เห็นตรงกันว่า ‘ผิดวินัยร้ายแรงทั้งคู่’ จะมีการขอให้ทั้ง 2 ลาออกจาก สส.เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่นั้น
ในเรื่องนี้ ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงภายหลังการประชุมว่า ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของทั้ง 2 คน บางครั้งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นเรื่องที่พึงทำ และเชื่อมั่นว่าแม้คนที่ทำผิด หากแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง สังคมพร้อมจะให้โอกาส และการรับผิดชอบทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องให้ข้อเท็จจริงยุติ
อย่าไปคิดว่าความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นการยอมรับผิดและจำเป็นต้องรอกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นทางการสิ้นสุดก่อนเท่านั้น ผมก็สนับสนุนหากผู้ที่ถูกกล่าวหาพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ก็เป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นมาตรฐานทางการเมืองที่ดี

ชัยธวัช ยังชี้แจงถึงความต่างที่เกิดการถกเถียงกันของ 2 กรณีนี้คือ ในหนึ่งกรณีที่เห็นตรงกัน มีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาท ตั้งแต่เป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรค จนกระทั่งเป็น สส. และใช้อำนาจของตัวเองในการปกปิดความผิดจนถึงปัจจุบัน ทำให้ที่ประชุม สส.จำนวนหนึ่ง เห็นว่ามาตรการลงโทษมีความรุนแรงแตกต่างกัน
“แม้ว่าไม่ได้เกิดการบังคับเขินใจและไม่ได้ปฏิเสธ ดูเหมือนเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่กรณีนี้ จะชี้ให้เห็นว่าการยินยอมพร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริงๆ หากอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ทางอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน หากคนที่อยู่ในสถานะที่สามารถให้คุณให้โทษกับผู้ใต้บังคับบัญชาหรือทีมงาน ตรงนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียม จะมาอ้างว่ายินยอมพร้อมใจไม่ได้”
ปมฉาว ‘คุกคามทางเพศ’ จะสร้างความเสียหายร้าวลึกให้พรรคก้าวไกล ขนาดไหน โปรดติดตามกันต่อไป เพราะเรื่องคงไม่เงียบเร็วๆ นี้แน่นอน โดยเฉพาะของ ‘สส.ปูอัด’ และอาจมีของ สส.รายอื่นตามมาอีก
