‘สมภาร - สามเณร’ ใครจะครองเก้าอี้ ‘ปธ.สภาฯ’

28 มิ.ย. 2566 - 09:40

  • ปรากฏการณ์ศึกชิงบัลลังก์ ‘ประธานสภาฯ’ โค้งสุดท้าย เมื่อ ‘สมภาร’ เพื่อไทย ทวงสูตรแบ่งเก้าอี้ ‘สามเณร’ ก้าวไกล

move-forwoard-party-Pheu-Thai-Party-Speaker-of-the-House-SPACEBAR-Thumbnail
ถ้าเป็นลอตเตอรี่คงถูกรางวัลที่ 1 ไปหลายคนแล้ว สำหรับกูรูการเมืองทั้งหลาย ที่ทำนายทายทัก ‘เส้นทางรัฐบาลในฝัน’ ไม่ ‘ถึงฝั่งฝัน’ ได้ง่ายๆ อุปสรรคต่างๆ ถาโถมประหนึ่งพระสมุทรโกรธเกี้ยว ทำเอาตลิ่ง ‘ก้าวไกล’ แทบถล่มลงทะเล ตั้งแต่ทราบผลเลือกตั้งว่าต้องวัดใจกับ ‘ส.ว.ลากตั้ง’ หรือแม้กระทั่ง ‘ปมหุ้นสื่อไอทีวี’ ที่เดาทางไม่ถูก  

‘ปัญหาภายนอก’ เสมือนบาดแผลทางร่างกายที่เห็นได้ชัด เห็นมาก่อนแล้วว่าจะต้องเกิดขึ้น แต่ ‘ปัญหาภายใน’ ‘พรรคพันธมิตร’ ก็ไม่ต่างจากหนามยอกอก ที่ทิ่มแทงหัวใจ ‘เครื่องจักรสีส้ม’ พอสมควร ไม่เห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ และทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะศึกชิงบังลังก์ศักดิ์สิทธิ์ ‘เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร’ ที่ดูแล้วยังตกลงกันไม่ได้ กลายเป็นมหากาพย์ยืดเยื้อ จวนระฆังในห้องสุริยัน - จันทราจะลั่นเปิดศกถกสมัยประชุม 

สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ‘หมอแคน’ - อดิศร เพียงเกษ ออกโรงแทนเพื่อน ส.ส. ‘เพื่อไทย’ เข้ากระซวกตั้งคำถามพรรคคนรุ่นใหม่ กลางที่ประชุมงานสัมนาสมาชิกพรรค (หลังเลือกตั้ง) อุปมาปรามาศเป็นตำแหน่งอารามบอย ‘สามเณร - พระใหม่’ ไม่แตกฉานธรรมเนียมการปฏิบัติ จะมาเป็น ‘เจ้าอาวาส’ แห่ง ‘วัดสภา’ ได้เยี่ยงไร ก่อนเปิดช่องชี้คุณสมบัติ ‘อาวุโส’ ทำให้นักข่าวจับตา ‘พ่อมดดำ’ - สุชาติ ตันเจริญ จะเข้าเป็นผู้ชิงชัยอาสนะหินอ่อน ‘แบบฟรีโหวต’ แข่งบุญวาสนาตามจารีตสภาฯ ไป  

ล่าสุด เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (ร่วมกับ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย) วานนี้ (27 มิ.ย.66) มีข้อสรุปยืนกรานให้คณะเจรจาการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค ยึดข้อตกลงตาม ‘ดีลเดิม’ ที่มีสมการ 14+1 คือก้าวไกลได้เก้าอี้ รัฐมนตรี 14 ที่นั่ง และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนเพื่อไทยได้เก้าอี้รัฐมนตรี 14 ที่นั่ง พร้อมตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และมีการเสนอ ‘ฟรีโหวต’ (ตามข้อบังคับการประชุมสภา ปี 2562 ข้อที่ 6 กำหนดให้การลงมติเลือกประธานสภาฯ เป็นการลับ) แบบนี้น่ากลัวจับมือใครดมไม่ได้เลย

การแบ่ง (หัว) การปกครองให้พรรคส้มเป็น ‘ประมุขบริหาร’ ส่วนพรรคแดง เป็น ‘ประมุขนิติบัญญัติ’ อยู่ภายใต้แนวคิดของผลคะแนนที่ห่างกันเพียง 10 แต้ม ‘คนเพื่อไทย’ เห็นควรสร้างสมดุล ให้การร่วมสังฆกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น มิฉะนั้น ‘แพ (อาจ) แตก’ รัฐบาลในฝันจะไม่ถึงฝัน 

เทียบพลัง ตัวเต็ง ‘สามเณร - สมภาร’ ชิงเจ้าอาวาส ‘วัดสภาฯ’

หลังการแถลงข่าวจบลงแบบตดยังไม่ทันหายเหม็น ก้าวไกลในฐานะพรรคที่ได้รับเสียงโหวตจากประชาชนมากที่สุด ได้เปิดชื่อ ‘หมออ๋อง’ - ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก  ในฐานะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล  เข้าชิงตำแหน่งประธานสภาฯ เสมือนเป็นการเปิดไพ่เอาความ ‘สดใหม่’ เข้าปะทะ 

หมออ๋อง ที่เปรียบดั่ง ‘เณรน้อย’ เป็น ส.ส.พิษณุโลกเขต 1 สองสมัยติดกัน ผลเลือกตั้งล่าสุด ได้รับคะแนนเสียง ท่วมท้น 40,198 คะแนน เอาชนะคู่แข่งขาดลอย พอย้อนแฟ้มเปิดประวัติในเกมแข่งขันเมื่อปี 2562 พบว่าไม่ธรรมดา ปดิพัทธ์เคยสร้างเซอร์ไพส์ล้มแชมป์เก่าในเขตอย่าง ‘หมอวรงค์’ (นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. ปชป. พิษณุโลกเขต 1 สามสมัย) ด้วยคะแนนทิ้งห่างเกินกว่า 5 พันคะแนน  

ขณะที่ผลงานในสภาฯ ก็ได้รับตำแหน่งสำคัญ อย่าง ประธาน กมธ. การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนฯ กมธ.วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการการชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สภาผู้แทนฯ และโฆษก กมธ.วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนฯ   

ขณะที่ พ่อมดดำ ที่เปรียบดั่ง ‘สมภาร’ ทางการเมือง ไม่ต้องบรรยายคุณสมบัติความอาวุโส เพราะเพียบพร้อมครอบคุมทุกด้าน ทั้งวัยวุฒิ - คุณวุฒิ เป็น ‘เจ้าพ่อเมืองฉะเชิงเทรา’ การันตีจากเก้าอี้ ส.ส. 9 สมัย  เคยได้รับหน้าที่เป็น ‘รองประธานสภาผู้แทนราษฎร์คนที่ 1’ มาแล้ว 2 รอบ ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ปี 2548 และล่าสุด ในนามพรรคพลังประชารัฐเมื่อปี 2562 สุชาติถูกหยิบยกให้เป็น ‘ชายหลายพรรค’ เพราะเคยสังกัดพรรคการเมืองมาแล้วมากกว่า 10 พรรค ในรอบ 30 ปี ด้านประสบการณ์เรียกได้ว่าข่มหมออ๋องได้สบายๆ  

‘ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ’ ที่ใครๆ ก็อยากเป็น

นอกจากการขอเก้าอี้ประธานสภาฯ เพื่อความสมดุลแล้ว เพื่อไทยยังหยิบปัจจัยความเหมาะสมด้านอื่นๆ มาเป็นเหตุผลเพื่อสร้างความชอบธรรม อย่างกรณีที่ข้าพเจ้าสาธยายไปแล้วเรื่อง ‘ความอาวุโส’ ซึ่งมีผลโดยตรงในด้าน ‘กำกับการประชุม’ ทั้งระดับการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการประชุมร่วม 2 สภาฯ  

กล่าวให้เห็นภาพง่ายๆ ไม่ตกกระแสนัก ให้ดูช่วงการประชุมร่วมระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. สภาฯ ชุดที่ 25 ‘ชวน หลีกภัย’ (ในฐานะประธานสภาฯ ขณะนั้น) ขึ้นนั่งบังลังก์สูง คอยคุมองค์ประชุมทั้ง 750 คนให้เกิดความเรียบร้อยขณะที่ ‘พรเพชร วิชิตชลชัย’ ประธานวุฒิสภา รั้งตำแหน่งเป็นแค่ ‘รองประธาน’  

การจะควบคุมให้ ‘อยู่ในระเบียบ’ เป็นไปตาม ‘โอวาท’ แคนดิเดตชิงดำ อย่าง ‘ปดิพัทธ์’ หรือคนอื่นๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวหลุด ตบะยังไม่แกร่งกล้าบารมียังไม่พอ ผนวกกับความ ‘แข็งกร้าว’ ของก้าวไกล ที่ถูกมองว่าจะไม่สามารถควบคุมความวุ่นวายได้ โดยเฉพาะกับ ส.ว. ที่มีลักษณะความสัมพันธ์ มิต่างอะไรกับ ‘ลิ้นกับฟัน’ 

อย่างไรก็ดี ก้าวไกลล้วนมีเหตุผลที่น่ารับฟังพอสมควร อย่าง 3 วาระที่เคยนำเสนอ 1) ผลักดันกฎหมาย (ที่) ก้าวหน้า 2) ผลักดันแก้ไขการรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางร่างฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และ 3) ผลักดันแนวคิด ‘รัฐสภาโปรงใส’ อย่างการถ่ายทอดสด การประชุมของคณะกรรมธิการชุดต่างๆ ให้ประชาชนได้รับรู้ ซึ่งประเด็นสุดท้ายไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นทางการเมือง พรรคส้มจำเป็นต้องได้ตำแหน่งประธาน เพื่อขับเคลื่อนกลไกชู ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 30 จากเหตุผลที่ว่า ‘บัลลังค์หินอ่อน’ ถือว่าเป็นตำแหน่งสำคัญที่จะคุมเกมการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะจะต้องเป็นผู้กำหนดวาระและวันนัดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือก  

ดังนั้นหากครั้งที่ 1 ไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ ก้าวไกลสามารถคุมเกมจัดกำหนดการ วัน ว. เวลา น. ครั้งใหม่ต่อไปได้เรื่อยๆ เป็นการกดดันสมาชิดทั้งสองสภาฯ จนกว่า ‘พิธา’ จะได้รับเลือกเป็น ‘เบอร์ 1 ไทยคู่ฟ้า’ 

น้ำนิ่งไหลลึก ระวัง ‘สัญญาใจจะแตก’ 

ยิ่งท่าทีของ ‘พ่อหมดดำ’ ที่พยายามบ่ายเบี่ยงหนีหน้าสื่อ ไม่ยอมตอบคำถามว่าได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานสภาฯ หรือไม่ ยิ่งทำให้ ‘กองเชียร์สีส้ม’ ประหวั่นใจมิใช่น้อย ยิ่งเจอถ้อยแถลงจากคนเพื่อไทย ยืนยันเล่นตามสูตร 14+1 ทำให้เห็นชัดว่าเขากัดไม่ปล่อย 

จริงๆ วันนี้ (28 มิ.ย.66) แต่เดิมคาดว่าจะมีกำหนดการปิดห้องเคลียใจเรื่องนี้ระหว่างก้าวไกลและเพื่อไทย ปรากฎว่าได้มีการเลื่อนกำหนดการประชุมอย่างกระทันหัน ซึ่งไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด เพราะต่างฝ่ายต่างโยน ว่า ‘เขาขอเลื่อน’ ทั้งคู่ ปรากฏการณ์นี้ ส่งผลพวงไปถึงวงประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย หลังมีรายงานต่อเนื่องว่า ในการประชุมวงใหญ่พรรคพันธมิตร ที่แต่เดิมถูกกำหนดไว้เป็นวันพรุ่งนี้ (29 มิ.ย.66) ส่อเคล้าเลื่อนตาม  

อย่างไรเสีย มีแหล่งข่าวจากพรรคร่วมให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในวงลับว่า ไม่ว่าใครจะเป็นประธานสภาฯ ก็ยินดีพร้อมสนับสนุน เพียงแต่ขอเป็นคนจากฝ่ายประชาธิปไตย จึงอยากขอให้ทั้ง 2 พรรคเร่งจบปัญหานี้โดยเร็ว เนื่องจากใกล้จะเปิดประชุมสภานัดแรกแล้ว อีกทั้งยังถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนด้วย พร้อมเชื่อว่าการพูดคุยจะได้ข้อสรุป และมีการเคาะรายชื่อประธานสภาฯ จบภายในสุดสัปดาห์นี้

ท้ายที่สุดความอลเวงยังไม่จบสิ้น หลังนักข่าวประจำพรรคเพื่อไทยงัดรายงาน ‘สูตรใหม่’ หากเกิดกรณียังไม่ลงรอยกัน เป็นเพื่อไทย 13+1 เพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรีให้ก้าวไกล 1 ตัว เป็น 15+1 (แหม่) ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงี้ สนามการเมืองคงไม่ต่างอะไรกับตลาดสด ลด แลก แจก แถม เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการทุกการต่อรอง 

นี่คงเป็นปรากฎการณ์ทางการเมืองช่วงโค้งสุดท้าย ที่ต้องจับตากันต่อว่า ท้ายที่สุด เพื่อไทยในฐานะ ‘สมภาร’ จะดึงดันชิง ‘อาสนะหินอ่อน’ เข้ามาครอบครองได้หรือไม่ หรือจะเป็น ‘สามเณร’ ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ‘เจ้าอาวาส’ วัดสภาผู้แทนราษฎร์ สมใจปราถนาของโยมๆ ทั้งหลาย...

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์