ควันหลงยังไม่จางหาย สำหรับผลการลงมติร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โหวตเห็นชอบ 61 เสียง, ไม่เห็นชอบ 327 เสียง, งดออกเสียง 1 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง
โดยหนึ่งในผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ได้อย่างน่าสนใจนั่นก็คือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเผยผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า
ผลการลงมติร่างพ.ร.บ.ประชามติ คืออีกรูปธรรมหนึ่งของการเมือง 3 ก๊กที่ผมพูดถึง
ก๊กพรรคเพื่อไทยและก๊กพรรคประชาชนโหวตไปทางเดียวกัน แต่พรรคร่วมรัฐบาลสำคัญโหวตไปอีกทาง ซึ่งตรงกับ สว.จากกติกาของก๊กอนุรักษ์นิยม
ภาวะแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก และอาจมีให้เห็นอีก แต่ไม่ควรเกิดกับเรื่องแก้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นวาระประชาชน ที่ทุกพรรคต่างแสดงท่าทีตรงกันว่าต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่
ข้อถกเถียงว่าประชามติ 2 ชั้น จะทำให้เกิดความชอบธรรม อ้างง่ายแต่ฟังยาก เพราะกติกานี้มัดมือชกคนไม่ลงคะแนนให้เป็นฝ่ายไม่เห็นด้วย อุ้มเสียงคนนอนบ้านมายัดลงหีบบัตร ทั้งที่ความชอบธรรมของประชามติอยู่ที่การเคลื่อนไหวรณรงค์ได้อย่างอิสระ และตัดสินโดยคะแนนข้างมาก
สว.เกิดจากรัฐธรรมนูญนี้ พรรคการเมืองบางพรรคแนบแน่นกับสว.จึงไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นคำถามในใจคน
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
รัฐบาลต้องเดินหน้าต่อไป ถึงเดินช้าประชาชนก็เห็นชัดว่าช้าตรงไหน