‘เจนวาย’ กบฏ ’เจนพ่อ’ - ‘นายใหญ่-ครูใหญ่’ เจอฤทธิ์ ‘ทายาท’

14 เม.ย. 2568 - 12:18

  • การขึ้นเป็น ‘นายกฯ -หัวหน้าเพื่อไทย’ ของ ‘แพทองธาร’ และการขึ้นเป็น ‘เลขาธิการภูมิใจไทย’ ของ ‘ไชยชนก’ ทั้งคู่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็น ‘ลูกสาว-ลูกชาย’ ของ ‘ทักษิณ-เนวิน’ ที่รับ ‘มรดกการเมือง’ มา

  • วิถี ‘คนเจนวาย’ ทั้ง ‘แพทองธาร-ไชยชนก’ แม้จะมี ‘ทักษิณ-เนวิน’ ทำหน้าที่ ‘โค้ช-ผู้เล่นนอกสนาม’ แต่ทั้งคู่ต่างมี ‘ความเป็นตัวของตัวเอง’

  • สำหรับ ‘ไชยชนก-สส.เจนวาย-’ กำลังรีแบรนด์ให้ ‘ภูมิใจไทย’ เป็น ‘พรรคกระแส’ ส่วน ‘นายกฯอิ๊งค์’ ก็ใช้อำนาจนายกฯ ในการจัดวาง-คัดกรองคน ในการปรับ ครม.

Newin-Thaksin-Peatongtan-Chaichanok-Family-Politics-SPACEBAR-Hero.jpg

‘ไชยชนก’ แม่ทัพ ‘ภูมิใจขวาง’ มีบทหล่อทุกทาง ?

จากยุค ‘รุ่นพ่อ’ มาสู่ ‘รุ่นลูก’ สำหรับ ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ จากอดีต ‘นายใหญ่ทักษิณ - ครูใหญ่เนวิน’ ที่แยกทางเดินหลัง ‘รัฐประหาร 2549’ ตามมาด้วย ‘อมตะวาจา’ ที่ว่า “มันจบแล้วครับนาย” ที่ ‘เนวิน ชิดชอบ’ ประกาศตอนนำ ‘ภูมิใจไทย’ ไปร่วม ‘รบ.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ทำให้ ‘พรรคแดง-พรรคน้ำเงิน’ กลายเป็นเส้นขนาน แต่สุดท้ายก็ต้องมาร่วม ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’ เพื่อสกัด ‘พรรคก้าวไกล’

ในอดีต ‘เนวิน’ คือมือทำงาน ผู้อยู่เคียงข้าง ‘ทักษิณ’ เรียกว่าเป็น ‘มือขวา’ ในยุค 20 กว่าปีก่อน ย่อมรู้ทันอ่านเกม ‘ทักษิณ’ ออก ในสถานการณ์ที่ ‘เพื่อไทย’ ชนะไม่ขาด ไม่แลนด์สไลด์ จึงทำให้ ‘ภูมิใจไทย’ ที่มี สส. น้อยกว่า ‘ข่ม-ขี่’ ได้

ศึกระหว่าง ‘พรรคแดง-พรรคน้ำเงิน’ มีการต่อรองมาเรื่อยๆ จน ‘ภูมิใจไทย’ ได้รับฉายาว่า ‘ภูมิใจขวาง’ แต่ที่เรียกว่าเป็น ‘ฟางเส้นใหญ่’ ที่ยังไม่ใช่ ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ คือ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนคอมเพล็กซ์ หรือ กม.กาสิโน ที่เรียกว่า ‘นักรบสีน้ำเงิน’ ระดับ ‘บิ๊ก ภท.’ ออกโรงเอง 2 คน ที่เป็น ‘พ่อ-ลูกชาย’ นั่นคือ ‘เนวิน’ กับ ‘ไชยชนก ชิดชอบ’ ที่ลั่นวาจากลางสภาฯ

แต่ยังไงแม่ง ไม่เร่งด่วนเท่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

เนวิน ชิดชอบ กล่าวตอนหนึ่งถึงการเสนอ กม.บริจาคภาษีบ้านเกิดเมืองนอน เมื่อ 4 เม.ย.68

ผมนายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ ผมเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน

ไชยชนก ชิดชอบ กล่าวกลางสภาฯ ในญัตติด่วนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาภัยพิบัติและผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก 9 เม.ย.68

งานนี้ ‘ภูมิใจไทย’ มี ‘บทหล่อ’ ทุกทาง ไม่ว่า ‘กม.กาสิโน’ จะมีจุดจบอย่างไร ? หากผ่านสภาในชั้น สส. ก็อ้าง ‘มติพรรคร่วมรัฐบาล’ ได้ จากนั้นต้องจับตาว่าจะฝ่าด่าน สว. ไปได้หรือไม่ ที่ขณะนี้มี สว.บางคน เริ่มแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ซึ่ง สว. ได้ตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษา พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวขึ้นมา โดยมี ‘คนนอก’ 12 คน มีบางรายชื่อที่เคยต่อต้าน ‘ระบอบทักษิณ’ มาในอดีต

ทว่าหากกระแส ‘สังคมต้าน’ หนักขึ้น ‘ภูมิใจไทย’ ก็มีทางออกให้ตัวเอง ในการคว่ำกฎหมายดังกล่าว โดยอ้าง ‘กระแสสังคม’ ดังนั้นช่วง 2 เดือนที่ปิดสมัยประชุมสภาฯ จึงเป็นเพียงการ ‘พักรบ’ เท่านั้น เพราะ ‘เพื่อไทย’ แค่ ‘ถอยตั้งหลัก’ ไม่ได้ ‘ถอนกฎหมาย’ ออกไป

‘ดีเอ็นเอเนวิน’ มรดกการเมือง VS บารมี ‘ยังเติร์กสีน้ำเงิน’

ท่าทีของ ‘ไชยชนก’ แม้มี ‘ดีเอ็นเอเนวิน’ ชัดเจนในการทำการเมือง ที่ยังต้องอาศัย ‘บารมีบิดา’ ในการทำพื้นที่-งานในสภาฯ จึงทำให้เขาอ้างการเป็น ‘ลูกนายเนวิน’ กลางสภาฯ แต่ ‘ภูมิใจไทย’ ยุคนี้ต่างจากในอดีต ที่มีการเกิดขึ้นของ ‘กลุ่มยังเติร์กสีน้ำเงิน’ ที่เป็น ‘บ้านใหญ่คนรุ่นใหม่’ ดูได้จาก ‘กรรมการบริหาร ภท.’ ที่มีสัดส่วน ‘คนรุ่นใหม่’ จำนวนมาก

แต่เดิม ‘ไชยชนก’ มีบุคลิกเก็บตัว แต่เมื่อเขามาเป็น ‘เลขาธิการ ภท.’ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ‘โอเพ่น’ มากขึ้น อีกทั้ง ภท. ยังได้ทำ ‘ค่ายนุวชนภูมิใจไทย’ ขึ้นมาด้วย ที่ ‘ไชยชนก’ และ ‘สส.เจนวาย-รุ่นใหม่บ้านใหญ่’ ของพรรค ไปทำกิจกรรมด้วย

‘ไชยชนก’ ลูกเนวิน ไม่ติดหนี้บุญคุณ ‘ทักษิณ’ วัดฝีมือ ‘ทวนกระแสน้ำ’

การที่ ‘ไชยชนก’ พูดกลางสภาฯ สะเทือนไปทั้งรัฐบาล แม้ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หน.ภูมิใจไทย จะอ้างว่า ‘ผิดคิวนิดหน่อย’ แต่ ‘เอฟเฟกต์’ กลับไม่นิดหน่อย เพราะพื้นฐานของ ‘ไชยชนก’ ไม่ต้องเกรงใจ ‘ทักษิณ’ ด้วยการเติบโตของเขาได้รับมรดกมาจาก ‘เนวิน’ จึงไม่ติด ‘หนีบุญคุณ’ ที่ ‘ไชยชนก’ ต้องไปตอบแทน ‘ทักษิณ’ แต่ด้วย ‘วุฒิภาวะ’ ก็เคารพ ‘ทักษิณ’ ที่เป็น ‘ผู้อาวุโส’ กว่าเท่านั้น เช่นเมื่อครั้งไปยินดีกับ ‘เพื่อไทย’ เปิดที่ทำการพรรคแห่งใหม่ ที่ปรากฏภาพ ‘ไชยชนก’ ไหว้ ‘ทักษิณ’

วิถีของ ‘ภูมิใจไทย’ รู้ตัวว่าไม่ใช่ ‘พรรคกระแส’ แต่เป็น ‘พรรคพื้นที่’ ทำให้ ภท. ให้น้ำหนักกับ ‘พื้นที่’ เป็นพิเศษ ซึ่งคล้ายๆกับ ‘เพื่อไทย’ แต่ในฝั่ง ‘เพื่อไทย’ ยังขาย ‘กระแสทักษิณ’ ตีคู่กันไป

จึงต้องจับตาว่า ‘ไชยชนก’ จะมีอิสระแค่ไหน ในการตัดสินใจต่างๆ ที่จะวัดฝีมือ ‘ไชยชนก’ ว่าจะ ‘ไหลตามน้ำ’ หรือ ‘ทวนกระแสน้ำ’ ขึ้นไปอยู่บนยอดเขา

ซึ่ง ภท. ต้องปรับตัว ให้พรรคต้องมี ‘กระแส’ ควบคู่ การรีแบรนด์เป็น ‘พรรคสีน้ำเงิน’ การเล่นบท ‘ขวาง’ กลางสภาฯ ของ ‘ไชยชนก’ การตั้ง กก.บห.ที่มีสัดส่วนคนรุ่นใหม่ จึงตอกย้ำว่า ภท. ยุคที่มี ‘ไชยชนก’ ก็มีแนวทางของตัวเอง ที่ต้องมีทั้ง ‘นโยบาย-อุดมการณ์’ ไปพร้อมกัน จะหวังเพียงแค่เป็น ‘พรรคบ้านใหญ่’ คงไม่เพียงพอ ซึ่งจุดนี้ ‘ไชยชนก-สส.เจนวาย’ มองต่างจาก ‘รุ่นใหญ่’ ภายในพรรค

‘แพทองธาร’ สั่งสมพลัง ‘นางพญาลูกคนเล็ก’

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ‘ไชยชนก’ ก็เหมือนกับ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ถูกครหา ‘ทักษิณครอบงำ’ ความเป็น ‘พ่อ-ลูก’ ไม่สามารถปฏิเสธได้ อีกทั้ง ‘ทักษิณ’ ยังเป็น ‘ที่ปรึกษา’ ให้กับ ‘แพทองธาร’ ในทุกเรื่อง แต่สุดท้ายก็อยู่ที่ ‘แพทองธาร’ จะตัดสินใจอย่างไร ซึ่ง ‘ทักษิณ’ ไม่สามารถ ‘ควบคุม’ ได้ทั้งหมด สิ่งที่เห็นได้ชัด คือการ ‘ปรับ ครม.’ ที่ ‘แพทองธาร’ ยืนกรานชัดเจนยัง ‘ไม่ปรับ ครม.’ ซึ่งเรื่องนี้ ‘แพทองธาร’ เคยให้สัมภาษณ์ชัดเจน หลัง ‘ศึกซักฟอก’ ในกรณีที่มี ‘นักวิ่ง’ ไปวิ่งผ่าน ‘ทักษิณ’ ด้วย

คิดว่าทุกคนถ้าอยากได้อะไร ก็คงจะต้องมีการวิ่งทุกช่องทาง ซึ่งก็ทราบอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ ก็ดูกันเองว่าวิ่งทางไหนแล้วเป็นผลแล้วกัน

แพทองธาร ชินวัตร กล่าวถึงการปรับ ครม. 26มี.ค.68

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ‘แพทองธาร’ ถึงกับ ‘ออกอาการ’ กับข่าวที่อ้างว่า ‘ทักษิณ’ ทุบโต๊ะขู่ ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ หากค้าน พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะขับพ้นรัฐบาล แม้ ‘ทักษิณ’ ได้ออกมาโต้ข่าวว่าไม่เป็นจริงก็ตาม

แต่มีรายงานข่าว ‘นายกฯ อิ๊งค์’ กล่าวในวงพูดคุยว่า "เบื่อกับข่าวต่างๆที่ออกมา ตื่นมาแล้วต้องเจอโน่นนี่ ไม่ไหว ทำงานไม่ได้ ต้องเลิกกันได้แล้ว"

“ทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องอะไร พร้อมรับ แต่ไม่อยากให้โยนกันไปมา เพราะอยากทำงาน แล้วงานมีเยอะ ถ้ามากันคนละคำสองคำไม่ไหว พร้อมรับทุกเรื่องอยากตั้งใจทำงาน ไม่อยากให้มีข่าวอะไรออกมาเพราะมันไม่จบ” รายงานข่าวอ้างคำพูด แพทองธาร 8เม.ย.68

ซึ่ง ‘ทักษิณ’ ก็รู้จัก ‘ลูกสาวคนเล็ก’ เป็นอย่างดี ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่ง ‘แพทองธาร’ มี ‘ดีเอ็นเอ’ ของทั้ง ‘ทักษิณ’ และ ‘คุณหญิงอ้อ’พจมาน ดามาพงศ์ ผสมผสานกับการเป็น ‘นายกฯเจนวาย’ ตามที่ ‘แพทองธาร’ ได้นิยามตัวเองไว้

ผมมั่นใจว่าอิ๊งสามารถที่จะนำทีมพลิกเกมได้ไม่ยาก อิ๊งเป็นดีเอ็นเอระหว่างผมกับคุณหญิง (พจมาน ดามาพงศ์) ที่ผสมกัน เขาจึงเอาส่วนที่เข้มแข็ง อดทน เด็ดขาด มาจากคุณหญิง และเอาส่วนที่ต้องเดินหน้าพบปะผู้คนการเมืองและเข้าใจการเมืองมาจากผม เขาก็เรียนรู้จากแม่จากพ่อมา เพราะเขาเป็นลูกคนเล็ก ผมจึงเชื่อว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีได้ ไม่ได้เชียร์ลูก ผมทำได้ ดีเอ็นเอผมก็ต้องทำได้ และมีดีเอ็นเอแม่เขาด้วย ดังนั้นเขาก็จะทำได้ดีกว่าผม

ทักษิณ ชินวัตร กล่าวในการประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อไทย ประจำปี 2567 ผ่าน วีดิทัศน์ เมื่อ 5 เม.ย.67

นายกฯ เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนที่ชอบอะไรตรงไปตรงมา ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ แต่วันนี้การเมืองรุ่นใหม่ยากเหมือนกัน ฉะนั้นต้องให้คนแก่อย่างตนคอยคุยด้วย

ทักษิณ ชินวัตร กล่าว 13เม.ย.68 ที่ จ.เชียงใหม่

ปรับ ครม. วัดพลังผู้นำ ‘นายกฯเจนวาย’

สิ่งที่ชี้วัดว่า ‘แพทองธาร’ คุมไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ คือการปรับ ครม. ที่ ‘แพทองธาร’ มีแนวทางของตัวเองชัดเจน ทำให้การปรับ ครม. ยังไม่เกิดขึ้น แต่คาดการณ์กันว่าจะมีการปรับ ครม. ช่วงกลางปีนี้ รายชื่อ ครม. ชุดหน้า ต้องจับตาว่า ‘แพทองธาร’ ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองเท่าใด

ทั้ง ‘แพทองธาร-ไชยชนก’ ปฏิเสธความเป็น ‘ลูก’ ของ ‘ทักษิณ-เนวิน’ ไม่ได้ และปฏิเสธ ‘สถานะ-ตำแหน่ง’ ที่เป็นผลมาจาก ‘มรดกการเมือง’ จาก ‘บิดา’ ไม่ได้ หากไม่มี 2 ปัจจัยดังกล่าว ก็ยากที่ ‘แพทองธาร-ไชยชนก’ จะมาถึงจุดนี้ ด้วยระยะเวลาอันสั้นและ ‘ประสบการณ์’ ที่ยังไม่มากเท่าคนอื่นๆ เพราะทั้ง ‘แพทองธาร-ไชยชนก’ ลงสู่สนามเลือกตั้งปี 2566 เป็นครั้งแรก ดังนั้นทำให้ ‘แพทองธาร-ไชยชนก’ ยังคงมี ‘บิดา’ อยู่ข้างๆ เป็นทั้ง ‘โค้ช-ผู้เล่นนอกสนาม’ 

แต่ด้วยความเป็น ‘คนเจนวาย’ ที่มีความเป็น ‘ตัวของตัวเอง’ พวกเขาย่อมต้องสร้าง ‘Legacy’ ของตัวเอง เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และสานต่อ ‘มรดกการเมือง’ จาก ‘รุ่นพ่อ’ เพื่อรักษามรดกนี้ในสไตล์ของตัวเอง ในยุคที่โหวตเตอร์เป็น ‘คนรุ่นใหม่’ มากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์