เมื่อแนวรบประชาชนมอง ‘เพื่อไทย’ ไร้สัจจะ

4 ส.ค. 2566 - 02:55

  • อ่านปรากฏการณ์ ‘ม็อบส้ม - แดง’ บุก ‘เพื่อไทย’ ทวงถามสัญญาใจ หลังสัญญาณเปิดทาง ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’ ชัดขึ้นทุกวัน

Orange-Red-Mob-Criticizes-Pheu-Thai-Party-SPACEBAR-Thumbnail
ผมอยากบันทึกไว้ว่า สถานการณ์การเมืองในวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ปนเปื้อนไปด้วยอารมณ์ที่หลากรส นับตั้งแต่การแถลงข่าวฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดย ‘พรรคเพื่อไทย’ ที่ถีบส่งให้ ‘พรรคก้าวไกล’ ไปเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ สมใจปรารถนากลุ่มอนุรักษนิยม - ทุนจารีตที่พยายามบีบคั้น ท่ามกลางสภาวะขุ่นเคืองของฝ่ายประชาธิปไตย ที่แม้จะจับสัญญาณมาได้สักระยะก็มิอาจยับยั้งได้ 

เรื่องนี้ผู้เขียนมิได้อุปโลกน์ขึ้นเอาเอง แต่สัมผัสได้จากกระแสโซเชียลมีเดีย และงานข่าวภาคสนามที่ได้ลงไปคลุกคลีด้วยตัวเอง เท้าความสักเล็กน้อย ก่อนข่าวจะสะพัดข้าพเจ้าเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจติดตาม ‘คาร์ม็อบ’ แยกอโศกและกำลังจะเดินทางกลับบ้าน 

แต่อนิจจัง มีรายงานจากเพื่อนนักข่าวที่ทราบความจากวงประชุม สส. ก้าวไกล ว่า ‘เพื่อไทยฉีกทะเบียนสมรส’ พร้อม ‘เซ็นใบหย่าร้าง’ ข้าพเจ้าจำต้องรีบเดินทางต่อไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย อันเป็นหมุดหมายเดียวกับมวลชนทันที ทว่าเมื่อไปถึงที่หมายในเวลาประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง การแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของ ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ก็เริ่มไปเสียแล้ว   

ด้านมวลชนที่นำโดย ‘กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม’ ขึ้นรถโห่สามลาในตามธีมงาน ‘ยกขันหมาก’ มาตั้งแต่ถนนสุขุมวิท เพื่อมอบมาลัยวิวาห์กับพรรคเพื่อไทย ก็มิทันการได้ยื่นรายชื่อประชาชน (ที่อยากให้ 8 พรรคร่วมฯ จับมือกันอย่างเหนียวแน่น) ตามตั้งใจไว้ รายละเอียดของคำแถลงคงไม่ขอสาธยายอีกแล้ว เพราะเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านคงรับทราบอย่างถี่ถ้วน แต่อยากชวนวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นภาคประชาชน
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4ab5KNhMPXNN18VXWFUUzE/0b73eed39b27af9fcce8f5af84b54b94/Orange-Red-Mob-Criticizes-Pheu-Thai-Party-SPACEBAR-Photo01
ขออธิบายภาพที่อยู่เบื้องหน้าในวันนั้นพอสังเขป องค์ประกอบหลักความเคลื่อนไหวของประชาชนอยู่ที่ ‘กลุ่มมวลชน’  สามารถแยกออกได้เป็น 3 กลุ่มย่อย 1) กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ แกนนำของมหรสพครั้งนี้ 2) กลุ่มมวลชนอิสระ ที่บางส่วนไม่ได้ร่วมขบวนขันหมาก แต่มาสมทบที่พรรคเพื่อไทย และ 3) กลุ่มมวลชนเสื้อแดง ที่บางส่วนเดินทางมาพร้อมกับคาร์ม็อบแยกอโศก และบางส่วนรวมตัวอยู่ก่อนหน้าแล้ว ในสถานที่แห่งนี้อย่างคุ้นเคย 

ขั้นตอนการแห่ขันหมากดำเนินต่อไป แม้หลายคนในคณะจะพอทราบถึงความเคลื่อนไหวในห้องแถลงข่าวแล้วบ้าง แต่พวกเขาก็ยังคงใช้ไมโครโฟน ประกาศเจตจำนงอย่างต่อเนื่อง ขอให้ ‘เพื่อไทย’ ร่วมหัวจมท้ายกับ ‘ก้าวไกล’ อย่าได้หวั่นไหวกับ ‘สว.’ ที่ใกล้ถึงคราวหมดอายุ   

“เกือบ 9 ปีกว่า ๆ ที่พวกเราอยู่ในระบอบเผด็จการจากการทำรัฐประหาร ขอให้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เชื่อมั่นในกลไกเสียงข้างมากและประชาธิปไตย อีกไม่นานสมาชิกวุฒิสภาก็จะหมดวาระแล้วตามรัฐธรรมนูญ และการกดดันจากภาคประชาชน ผนวกกับความเหนียวแน่นของพรรคร่วม อาจทำให้ สว. เปลี่ยนใจ เกิดรัฐบาลประชาชน ที่เป็นของประชาชน” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3zuLFpy6vtS0N9coioNxKV/b997786ccbb490577d0360b523eba2a7/Orange-Red-Mob-Criticizes-Pheu-Thai-Party-SPACEBAR-Photo02
Photo: ขบวนขับหมาก ตบเท้าเดินเข้าพรรคเพื่อไทย
กลุ่มแนวร่วมฯ ใช้เวลาจัดขบวนขันหมากไม่นานนัก ก็ตบเท้าเลี้ยวเข้าไปยังพรรคเพื่อไทย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ ‘รังสิมันต์ โรม’ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินลงมาจากที่ประชุม สส. ตึกไทยซัมมิท  

เขารับหนังสือจากมือตัวแทนผู้ชุมนุมด้วยท่าทีเต็มใจ ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่มีจำนวนมากพอๆ กับม็อบ (ในเวลานั้น) ว่า เข้าใจโดยตลอดว่าเราแต่งงานกันแล้ว เอ็มโอยูเปรียบเสมือนการจดทะเบียน แต่วันนี้ไม่ใช่เจ้าสาวรอเก้อ แต่กำลังจะมีการหย่ากันมากกว่า อย่างไรเสียต้องขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตย ซึ่งมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ พวกเขาล้วนอยากเห็น 8 พรรคร่วมทำงานด้วยกัน แต่วันนี้ไม่ใช่การตัดสินใจจากพรรคก้าวไกล 

“ข้อเท็จจริงที่เจ็บปวดที่สุด คงเป็นเรื่องของพี่น้องประชาชนที่เขาฝัน มันน่าเศร้า มันอีกนิดเดียว คุณเคยรู้สึกมั้ยว่ามันอีกนิดเดียวจริง ๆ” รังสิมันต์ กล่าว 

ในช่วงระหว่างที่กิจกรรมมอบหนังสือกำลังดำเนินอยู่จวนใกล้เสร็จพิธี บริเวณประตูทางเข้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งห่างจากจุดรับหนังสือของรังสิมันต์ โรม ไม่ถึง 50 เมตร ก็เกิดเหตุการชุลมุน เพราะกลุ่มมวลชนอิสระ (ซึ่งต่อมาทราบจากการสอบถามว่าเป็นกลุ่มทะลุวัง) พยายามแสดงเชิงสัญลักษณ์ ‘เผาหุ่นจำลอง’ และ ‘สาดน้ำสีแดง’ (ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเป็นเลือดหมู) ไปทั่วบริเวณด้านหน้าและกำแพงตึกที่ทำการพรรค 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5IYt6TmH3vvJOEL1fAqQgt/afd58ff8e41f7aea7290cb7acc09dc53/Orange-Shirt-Mob-Go-to-_Pheu-Thai-Party-SPACEBAR-Photo02
Photo: หุ่นจำลองถูกจุดไฟเผา โดยมวลชนอิสระและกลุ่มทะลุวัง
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5jHi4O39LB6OgDHcKSywhy/a59e36853c5ca2a0613f647fb32646d0/Orange-Red-Mob-Criticizes-Pheu-Thai-Party-SPACEBAR-Photo03
Photo: ‘น้ำสีแดง’ เปรียบเสมือน ‘เลือด’ ถูกสาดเต็มไปทั่วบริเวณหน้าพรรคเพื่อไทย
จังหวะนั้นผู้เขียนไม่สามารถทราบได้เลยว่า ‘ใครเป็นใคร’ เนื่องจากมวลชนที่อยู่ด้านหน้าต่างทยอยกรูเข้าเชิงบันใดประตูทางเข้า ผู้สื่อข่าวในสนามหลายคนพาดหัวตรงกันว่า ‘ม็อบบุกเพื่อไทย’ นักข่าวเหล่านี้ (ซึ่งรวมถึงข้าพเจ้าด้วย) ตีความจากภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า บางคนมีทีท่าจะพยายามเข้าไปด้านใน บางคนใช้วาจาตะโกนผรุสวาทเป็นคำศัพท์โบราณ ใจความพุ่งเป้าไปที่ “เพื่อไทยทรยศประชาชน” 

ท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุมวัยรุ่น ที่มักถูกครหาว่า ‘ก้าวร้าว’ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่สำหรับชายหญิงสูงวัยหลายท่านที่ ‘สวมเสื้อสีแดง’ พวกเขาและเธอต่างมีอากัปกิริยามิต่างอะไรจากคนรอบข้าง ต่างสบถถ้อยคำ และพยายามเรียกร้องด้วยวาจา ในถ้อยคำที่ดูเป็นทิศทางเดียวกัน แตกต่างกันที่สถานะของพวกเขา คือผู้ร่วมหัวจมท้ายมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย “พรรคเพื่อไทยหลอกลวงประชาชน กูเลือกพวกมึงมา แต่พวกมึงกลับหักหลัง จะเข้าร่วมฝ่ายเผด็จการทหาร” 

เมื่อทุกอย่างสงบลง จากการระงับเหตุโดยเจ้าหน้าที่ และ ‘ธัชพงศ์ แกดำ’ แกนนำเจ้าภาพได้ปราศรัยให้ทุกคนอยู่ในความสงบ และส่งตัวแทนเข้าไปมอบรายชื่อให้กับแกนนำพรรค ‘คนเสื้อแดง’ หลายคนจึงถือโอกาสเปิดอกระบุปูมหลังกับนักข่าวว่า การออกมาครั้งนี้เพราะความเสียใจ ที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยเคยเป็นแกนนำในการต่อต้านรัฐประหาร แตวันนี้กลับฉีกเอ็มโอยู ส่อเป็นสัญญาณอาจมีการจับมือกับจัดตั้งรัฐบาลแบบ ‘ข้ามขั้ว’ ซึ่งบางท่านเปรียบเปรยว่า มิต่างอะไรกับ ‘การร่วมสังวาสของสุนัข’ และกำลังมีทีท่ากลายเป็น ‘สุนัขพันธุ์ผสม’
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/HXZoFKlF0lzqx4o3APc6n/77068ac356397572c0746f1f317eeb70/Orange-Red-Mob-Criticizes-Pheu-Thai-Party-SPACEBAR-Photo04
Photo: ‘ส้มแดง’ ผนึกกำลัง
จริงๆ เรื่องนี้ข้าพเจ้าเคยตั้งข้อสังเกตไว้ คราวการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่าวันดังกล่าวมีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง เข้ามาสบทบกับขบวนการนักศึกษา เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ซึ่งเป็นมิติที่ไม่เห็นได้ไม่บ่อยนัก ที่แฟนคลับพรรคการเมืองจะสนับสนุนคนนอกพรรค (อ่านต่อได้ในรายงานพิเศษ สายธารความคิด จากสภาสู่ราชดำเนิน - SPACEBAR | Binding Culture) 

กระนั้น ก็ไม่คิดว่าคนเสื้อแดงจะระเบิดโทสะได้รุนแรงถึงเพียงนี้ ยิ่งได้สนทนายิ่งทราบว่าแต่ละคนมิต่างอะไรกับ ‘นักรบเจนสนาม’ ผ่านสมรภูมิเคียงคู่กับพรรคเพื่อไทยมาแล้ว ไม่ว่าจะที่แยกราชประสงค์ หรือถนนอักษะ  

“ท่าทีของคนเสื้อแดงบางส่วน ในวันนี้เขาไม่ค่อยแฮปปี้กับการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ที่ผลักพรรคก้าวไกลออกไปเป็นฝ่ายค้าน ลึกๆ เขากังวลว่าสิ่งที่เกิดขึ้น จะเป็นสัญญาณการจับมือกับขั้วอำนาจนิยม ที่เขาเคยต่อสู้มาโดยตลอด อย่างกรณีป้าเป้าหรือมวลชนด่านหน้าหลายคนก็ผิดหวัง แต่เสื้อแดงคงไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ เพราะจริงๆ แบ่งออกได้หลายเฉด” 

‘เสกสิทธิ์ แย้มสงวนศักดิ์’ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวหลังข้าพเจ้าถามถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ในฐานะนักศึกษาที่เห็นภาพจากบนเวทีไฮปาร์ค เขาระบุเพื่อความเข้าใจว่า เฉดสีที่กล่าวหมายถึง กลุ่มคนเสื้อแดงที่มีหลากความเชื่อ บางคนสู้เพื่อประชาธิปไตย บางคนสู้เพื่อแก้หรือยกเลิก ม.112 บางคนสู้เพราะนิยมบูชา ‘ทักษิณ ชินวัตร’  

ดังนั้นปรากฏการณ์จึงสอดคล้องกับแนวคิดสถานการณ์ทางการเมือง ที่ดูจะเปลี่ยนแปลงไปอีกระดับ เพราะในอนาคตอาจไม่ใช่การต่อสู้กันระหว่าง ‘ประชาธิปไตย’ หรือ ‘อนุรักษนิยม’ แต่จะเป็น ‘ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม’ ที่ผลักดันโดยก้าวไกล และ ‘ประชาธิปไตยแบบอนุรักษนิยม’ ที่ขับเคลื่อนโดยพรรคเพื่อไทย ฉะนั้นคนเสื้อแดงแต่ละคนที่มีหมุดหมายในใจแตกต่างกัน ก็จะตัดสินใจเลือกแนวทางของตนเอง 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6TeoJ9dJQwcAK5O3sPtTaZ/e9220b6f24f09bbded65db87ff28b146/Orange-Red-Mob-Criticizes-Pheu-Thai-Party-SPACEBAR-Photo05
Photo: ‘ผู้ชุมนุมเสื้อแดง’ กำลังประณาม ‘พรรคเพื่อไทย’ หลังข่าว ‘ฉีกเอ็มโอยู’ สะพัด
การที่คนเสื้อแดง เข้ามาขับเคลื่อนร่วมกับกลุ่มวัยรุ่น ถือเป็นข้อดีหลายประการ ทั้งด้านประสบการณ์ที่เคยต่อสู้กับรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 ไปจนถึงเป็นการสืบทอดความคิด และส่งต่อจิตวิญญาณให้กับคนรุ่นหลังแบบไม่ให้ขาดช่วง ซึ่งส่งผลให้กลไกประชาชนเจริญงอกงามต่อไปเรื่อยๆ  

ประเด็นที่ได้เห็นและได้พูดคุย ล้วนสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องฉากทัศน์ทางการเมือง ว่าหากวันใดพรรคเพื่อไทยส่อสัญญาณ ‘ผิดสัจจะ’ อ่อนโอนไปร่วมกับพรรคการเมืองอำนาจนิยม จะเกิดปรากฏการณ์ ‘ผลิกโฉม’ โดยเฉพาะระดับมวลชนคนเสื้อแดง ผู้เปรียบดั่งผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ที่ส่วนหนึ่งมิอาจรับได้ แม้พรรคที่ตนสนับสนุนจะได้เป็นรัฐบาลก็ตามที  

ท้ายที่สุด ผมว่าสิ่งที่ต้องจับตามองต่อจากนี้ ไม่ใช่แค่เกมอำนาจทางการเมืองในทำเนียบรัฐบาลหรืออาคารรัฐสภาอีกต่อไปแล้ว แต่ประเด็นที่จะทิ้งช่วงไม่ได้ คือการเคลื่อนไหวบนท้องถนนของประชาชน เพราะทั้ง 2 ปัจจัย ล้วนมีส่วนเติมเต็ม และบั่นทอนซึ่งกันและกันเสมอ 

การเมืองประชาธิปไตย จะสะดวกโยธินได้ก็ต่อเมื่อนักการเมืองฟังเสียงประชาชน ใจความสำคัญข้อนี้ลืมไม่ได้ หากหย่อนยานไป มันจะมีแต่ความ ‘ฉิบหาย’ (ประโยคเหล่านี้ผมเรียบเรียงมาจากคนเสื้อแดงในวันนั้นทั้งสิ้น)
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/65F5UdY5GRApKhZP48dxwH/24f3c4a4d0d4f4c63b4482dc681b82e5/Orange-Red-Mob-Criticizes-Pheu-Thai-Party-SPACEBAR-Photo06

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์