




แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ‘30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า กรุงเทพมหานคร’ ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมงาน
ชัชชาติ กล่าวว่า ในนามของกรุงเทพมหานครดีใจที่รัฐบาลมาสานต่อนโยบาย ‘30 บาทรักษาทุกที่’ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้าในพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะเรื่องสุขภาพเป็นหัวใจของการลดความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากหากประชาชน เจ็บป่วยก็ไม่สามารถทำงานหารายได้ได้ ก็จะเป็นวงจรให้เกิดความเหลื่อมล้ำ
ทั้งนี้ กทม.มีโรงพยาบาลชั้นดีจำนวนมาก แต่ก็มีประชากรแฝงถึง 10 ล้านคน ขณะที่ปัญหาสาธารณสุขไม่ได้น้อยกว่าจังหวัดอื่น หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้น โครงการนี้สำคัญมากๆ โดยมี 3 ปัจจัยหลักที่สำคัญ คือ 1. ใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมโยง 2. การเชื่อมโยงข้อมูลโรงพยาบาล และ 3. ระบบปฐมภูมิที่เข้มแข็ง อาทิ มีหน่วยสาธารณสุขนวัตกรรม ร้านขายยาที่ใกล้บ้าน ทำให้ประชาชนไม่ต้องตื่นมาตี 3 ตี 4 เพื่อไปรอคิวการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลใหญ่
นี่คือหัวใจของ 30 บาท ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการพัฒนาร่วมกันอย่างเข้มแข็ง เป็นหัวใจที่จะสร้างความมั่นคง ความสะดวกและประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน นี่คือหัวใจพื้นฐาน ถ้าประชาชนมีสุขภาพดีจะช่วยกันในการพัฒนาประเทศต่อไป
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ขณะที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ มีเป้าหมายยกระดับบริการสุขภาพ ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้คนไทยได้รับบริการที่ดีครอบคลุมมีคุณภาพมีมาตรฐานที่ดีขึ้น
การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวแบ่งออกเป็น 4 ระยะ โดยระยะแรกเดือน ม.ค. 2567 นำร่อง 4 จังหวัด, ระยะที่ 2 เดือน มี.ค. 2567 เพิ่มเติม 8 จังหวัด และระยะที่ 3 เดือนพ.ค. 2567 เพิ่มเติมอีก 33 จังหวัด และวันนี้ กรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดที่ 46 ที่จะเริ่มนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่
กระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมายที่จะขยายให้ครอบคลุมทุกจังหวัดภายในปีนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยทั้งประเทศ การคิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อช่วยให้ประชาชนในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะมีสิทธิ์บัตรทองที่จังหวัดใด เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถเข้าถึงการรับบริการสุขภาพได้ ทั้งที่หน่วยบริการประจำตามเขตและหน่วยบริการระดับปฐมภูมิทุกแห่ง ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข 19 แห่ง, ศูนย์บริการสาธารณสุขสาขา 77 แห่ง, คลินิกชุมชนอีก 280 แห่ง รวมถึงสามารถเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการนวัตกรรมปฐมภูมิที่มีตราสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่
สมศักดิ์ เทพสุทิน
สำหรับหน่วยบริการนวัตกรรมปฐมภูมิ ได้แก่ ร้านยาคุณภาพคลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรมอบอุ่น คลินิกพยาบาลอบอุ่น เทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น คลินิกกายภาพบำบัดชุมชนอบอุ่น คลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น
ทางด้านนายกฯ ได้กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “จาก 30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า” โดยบางช่วงบางตอนได้เล่าย้อนถึงนโยบาย ‘30 บาทรักษาทุกโรค’ ในสมัย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา
โดยบอกว่า ได้ยินนโยบายนี้มาตั้งแต่อายุประมาณ 8-9 ขวบ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ผ่านมาแล้วเป็นสิบๆ ปี ก็ยังมีคนขอบคุณและพูดถึงนโยบายนี้เสมอ อีกทั้งยังมีประสบการณ์ดีๆ หลายอย่าง
วันหนึ่ง คุณพ่อ, ตอนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี ได้กลับมาที่บ้าน ทานข้าวเย็นกันปกติ คุณพ่อบอกว่า ไปต่างจังหวัดมามีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหาและเปิดเสื้อ มีแผลยาวตั้งแต่ด้านบนถึงช่วงท้อง และบอกว่าได้ผ่าตัดหัวใจ มาด้วยบัตร 30 บาท ซึ่งคุณพ่อเล่าด้วยความภาคภูมิใจอย่างมาก ซึ่งวันนั้น คุณพ่อเป็นหัวหน้ารัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เบื้องหลังการทำงานยังมีคนอื่นอีกมากมายที่ทำให้นโยบายนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ รวมถึงให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ 30 บาท ไม่ต้องล้มละลาย ไม่ต้องจ่ายเงินมากมาย กู้หนี้ยืมสินมาตั้งแต่ที่พรรคไทยเป็นรัฐบาลในวันนั้น จนมาถึงรัฐบาลเพื่อไทยในวันนี้ เรามีความภูมิใจอย่างมากกับนโยบายที่สร้างความภาคภูมิใจอย่างที่สุดให้กับเรา ฉะนั้นมาถึงวันนี้ถึงเวลาแล้วเราจะต่อยอด 30 บาทรักษาทุกโรค ให้เป็น 30 บาทรักษาทุกที่
แพทองธาร ชินวัตร
เวลาผ่านไป มีนวัตกรรมต่างๆ มากขึ้น เราได้เก็บตัวอย่างทั้งข้อดีและข้อเสียพร้อมที่จะปรับปรุง อย่างที่บอกผ่านมาแล้ว ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ 23 ปี วันนี้ 30 บาทรักษาทุกที่มาถึงกรุงเทพฯ ต้องลองถามพี่น้องคนกรุงเทพฯ เวลาเจ็บป่วยไปหาหมอที่ไหนกันบ้าง เวลาเจ็บป่วยเอาแค่ตัวร้อน ปวดท้อง บางทีต้องเสียเวลาทั้งวันไปรอในโรงพยาบาลรัฐใหญ่ๆ ถ้าพูดถึงบางคนที่มีทุนทรัพย์ ไม่อยากไปรอทั้งวัน ก็ไปโรงพยาบาลเอกชน
ทั้งนี้ เรื่องสาธารณสุขสำคัญมาก คนที่มากรุงเทพฯ ไม่มีทางเลือก ไปที่ไหนก็ต้องไปโรงพยาบาลที่ต้องรอนาน บางทีไม่ได้รอ แค่ตัวเองคนเดียวญาติหรือคนที่พามาจะต้องเสียเวลาไปด้วยทั้งวัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราเห็นและพร้อมที่จะแก้ไขในโรงพยาบาลส่งเสริมในจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ให้มีสาธารณสุขที่ได้ปรับปรุงไปถึงจุดที่ค่อนข้างมาก
ไม่ต้องมีโรงพยาบาลใหญ่เป็นทางเลือกเท่านั้น แต่สามารถจะไปลงโรงพยาบาลที่ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลได้ตามต่างจังหวัดที่มีถึง 7,000 แห่งและมีโรงพยาบาลประจำชุมชนและอำเภอมากกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ถือว่ากรุงเทพฯ ยังขาดแคลนในเรื่องของบริการสาธารณสุขระดับต้น และระดับกลาง มากกว่าต่างจังหวัด ซึ่งตอนนี้กรุงเทพฯ ควรมีศูนย์บริการสาธารณสุข 500 แห่ง และโรงพยาบาลชุมชน 50 แห่ง
หากเราป่วยขั้นพื้นฐาน และสามารถเข้าในคลินิก หรือร้านขายยา ควรที่จะได้การรักษาในแบบเดียวกัน นั่นคือการได้รับยาที่มีคุณภาพ เพื่อที่สามารถดูแลตัวเองและเฝ้าระวังระยะการป่วยที่บ้าน ไม่ต้องเสียเวลาที่โรงพยาบาลใหญ่ และบุคลากรทางการแพทย์ก็ต้องทำงานหนักขึ้น เมื่อเวลาที่เราป่วยเล็กๆ น้อยๆ ดูแลทั้งหมดเท่ากัน เพราะโรงพยาบาลใหญ่ๆ เหมาะสำหรับโรคที่เป็นเฉพาะทางและโรคที่ร้ายแรง อย่างเช่น โรคมะเร็ง หัวใจ หรือไต
ต่อไปนี้ คนเจ็บป่วยเล็กน้อยในกรุงเทพฯ สามารถไปร้านขายยาใกล้บ้าน คลินิกเวชกรรมใกล้บ้าน ทันตกรรมใกล้บ้าน รถ Mobile ตรวจเลือด ที่บางครั้งอาจจะมีการเข้าไปถึงชุมชน และเวลาขอเบิกยา หมอสามารถออนไลน์ถามอาการได้ เพื่อให้ได้ยาที่มีคุณภาพกลับบ้านเช่นกัน 30 บาทรักษาทุกที่ ให้บริการในทันที ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
แพทองธาร ชินวัตร
นายกฯ ยังชี้ให้เห็นถึงการดำเนินงานตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา 30 บาทรักษาทุกที่ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากและมีผลงาน 1 ใน 4 ของผู้ป่วยเลือกใช้บริการที่คลินิกเอกชนใกล้บ้าน แทนการมาโรงพยาบาล เพื่อลดความแออัดลดระยะเวลาการรอตรวจ ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์
ที่สำคัญ ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาโรงพยาบาล โดยเฉลี่ย 160 บาทต่อครั้ง, ลดระยะเวลาในการรอถึง 50% จากเฉลี่ย 2 ชั่วโมงเหลือประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อรักษาใกล้บ้านก็จะลดภาระการขาดงานของผู้ป่วยและญาติที่มาด้วยกัน ที่สำคัญ พี่น้องประชาชนผู้เข้ารับบริการกว่า 98% พึงพอใจกับนโยบายนี้อย่างมาก
แพทองธาร ชินวัตร
พร้อมเผยว่า 30 บาทรักษาทุกที่ เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยตอนแรกเริ่มใน 4 จังหวัดนำร่อง และขยายนโยบายครอบคลุมเพิ่มเติมไปอีก 41 จังหวัดรวมทั้งสิ้น 45 จังหวัด และวันเดียวกันนี้ จะเป็นอีกวันประวัติศาสตร์ทางด้านสาธารณสุขไทยที่ต้องบันทึกไว้ว่า เราทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐและรัฐบาลสภาวิชาชีพทางการแพทย์ หน่วยบริการภาคเอกชนและประชาชน ได้ร่วมมือกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทำให้กรุงเทพฯ อยู่ในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่
สุขภาพดีเริ่มที่ใกล้บ้านได้สำเร็จ ทำให้ 30 บาทรักษาทุกที่ ขยายเป็น 46 จังหวัดเรียบร้อย อยากขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยมั่นใจได้ว่าภายในปี 2567 รัฐบาลจะสามารถขยาย 30 บาทรักษาทุกที่ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้วบนประเทศไทย เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแลและขอย้ำอีกครั้ง สำหรับคนกรุงเทพฯ สามารถดูสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่ และเข้าไปใช้บริการได้ทันที
แพทองธาร ชินวัตร
จากนั้น นายกฯ เยี่ยมชมบูธเกี่ยวกับสุขภาพภายในงาน โดยเน้นย้ำขอให้ดูแลกลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษในพื้นที่น้ำท่วม