ชวนมาส่องที่นั่งผู้แทนฯ 2 พรรคการเมือง ’ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ’ หลังย้ายสลับขั้ว แต่ทั้ง 2 พรรคยังอยู่ในโซนเดิม เนื่องจากต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯ ’ครม.อิ๊งค์ 1’ รวมทั้งแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน
จากนั้น นายกฯ จะตั้งกรรมการวิปรัฐบาลจาก พรรคประชาธิปัตย์เพิ่ม และปรับโซนที่นั่ง โดยพลังประชารัฐ จากเดิมที่นั่งอยู่ในซีกขวาของประธาน ซึ่งเป็นฝั่งของรัฐบาล ไปอยู่ซ้ายมือ ซึ่งเป็นฝั่งของฝ่ายค้าน และพรรคประชาธิปัตย์ก็จะย้ายไปแทนที่พรรคพลังประชารัฐนั่นเอง
สำหรับเนื้อหาการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระที่ 2 - 3 ที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งในวาระ 2 เป็นการเปิดอภิปรายจากผู้สงวนคำแปรญัตติแบบรายมาตรา และในวาระ 3 เป็นการเห็นชอบทั้งฉบับ
‘จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ รมช.คลัง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ ขอบคุณเสียสละเวลากว่า 3 เดือนพิจารณา ยืนยันว่า ให้ความสำคัญผลสัมฤทธิ์ที่ประชาชนจะได้รับ ซึ่งร่างงบประมาณนี้สอดคล้องนโยบายรัฐบาลยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทประเทศ
‘วีระ ธีระภัทรานนท์’ กรรมาธิการวิสามัญฯ ลุกขึ้นอภิปราย มาตรา 4 ขอลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่ตั้งไว้ 3,752,700 ล้านบาท เหลือ 3,565,000,000 ล้านบาท โดยระบุว่า งบ 2568 มีที่มาจาก 2 ทาง คือ ได้แก่ รายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้ 287,000 ล้านบาท และมาจากการกู้เงินเพื่อชดเชยรายได้ที่ไม่เพียงพอ 865,000 ล้านบาท
“พูดแบบชาวบ้านก็คือ เงินกูไม่พอ เลยต้องใช้เงินกู้มาเติม ตรงนี้ผมมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกรัฐบาลจัดงบประมาณขาดดุล แล้วก็กู้เงินชดเชยการขาดดุลงบประมาณมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนทำให้ภาระหนี้สินในรูปของหนี้สาธารณะพอกพูนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การทำงบประมาณแบบขาดดุลเรื้อรังดังกล่าว สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ที่ห่วงใยฐานะการเงินการคลังของประเทศในอนาคตเป็นอันมาก หนึ่งในนั้นคือผม”
วีระ กล่าว
ด้าน ‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ผิดหวังงบฯ 68 ที่รีดไขมันส่วนเกินไม่มากพอ พร้อมห่วงแนวโน้มจัดเก็บรายได้ปี 68 พลาดเป้า เหตุเศรษฐกิจโตต่ำกว่าเป้าและนโยบายปรับลดภาษี เสนอให้ปรับลดงบรองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
