ร่วม ‘บัลลังก์รัฐสภา’ จาก ‘สหายแสง’ ถึง ‘สหายมงคล’

3 ก.ค. 2567 - 10:56

  • เรียกว่ามี ‘ภูมิหลัง’ เหมือนกัน จาก ‘สหายแสง’ หรือ ‘ครูแก้ว-ศุภชัย โพธิ์สุ’ มาถึง ‘มงคล สุระสัจจะ’ อดีต ‘คนเดือนตุลา’ เดินเข้าป่า หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และเป็นคนสายตรง ‘บ้านใหญ่ชิดชอบ’ เหมือนกัน

  • ‘สหายมงคล’ เรียกว่ารู้งาน ‘มวลชน’ มาตั้งแต่เป็น ‘นักศึกษา’ อยู่กับ ‘บ้านใหญ่ชิดชอบ’ มานาน เป็นที่รู้จักของ ‘คนภูมิใจไทย’ เรียกว่ารู้ฝีมือกัน

  • จาก ‘สหายแสง’ ขึ้นสูงสุดเป็น ‘รองประธานสภาผู้แทนราษฎร’ ล่าสุด ‘มงคล’ เต็งหนึ่งขึ้นเป็น ‘ประธานวุฒิสภา’ คนใหม่ ที่กำลังจะสร้าง ‘ประวัติศาสตร์’ ร่วมกัน

Parliament-Senate-Mongkol-Supachai-SPACEBAR-Hero.jpg

เริ่มมีการเปิดชื่อแคนดิเดต ‘ประธานวุฒิสภา’ คนใหม่ สำหรับชื่อที่เต็งหนึ่งในขณะนี้ คือ ‘มงคล สุระสัจจะ’ ที่เติบโตมาจาก ‘รั้วมหาดไทย’ เคยเป็นอดีตผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ จุดเริ่มต้นของการได้พบกับ ‘เนวิน ชิดชอบ’ ก่อนมาเป็น ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ มาสู่การเป็น อธิบดีกรมการปกครอง ยุค ‘ปู่จิ้น’ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย ซึ่ง ‘ชวรัตน์’ เป็นบิดาของ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รมว.มหาดไทย คนปัจจุบัน อีกทั้ง ‘มงคล’ ยังเป็น ปธ.คณะทำงาน ‘ทรงศักดิ์ ทองศรี’ รมช.มหาดไทย

สำหรับ ‘มงคล’ ชีวิตพลิกผันเกือบได้ขึ้นเป็น ‘ปลัดมหาดไทย’ ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ ‘มงคล’ ได้ขอ ‘ถอนตัว’ แม้จะมีมติ ครม. ออกมาแล้ว เพราะในขณะนั้นมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตการเช่าซื้อคอมพิวเตอร์ กระทรวงมหาดไทย 

‘มงคล สุระสัจจะ’ เติบโตมาจากรั้ว ‘รัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง’ เป็น ‘สิงห์ทอง’ ที่เรียนในยุคเดียวกับ ‘คนเดือนตุลา’ ที่เดินสู่การ ‘ต่อสู้การเมือง’ ทั้ง 2 เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 ช่วงรอยต่อปี 2516-19 ‘มงคล’ ได้เข้าร่วมกิจกรรม ‘ค่ายอาสา’ ร่วมกับ ‘กลุ่มพัฒนาการศึกษาชนบท’ พื้นที่ จ.เชียงใหม่ ที่เป็นลักษณะการ ‘ปลุกความคิดชาวบ้าน’ ผ่านงานมวลชน ซึ่งในขณะนั้นเขาเป็น ‘แนวร่วม’ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

จากนั้นหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ‘มงคล’ ได้เดินทางเข้าป่าไประยะสั้นๆ ในพื้นที่ จ.พัทลุง ก่อนออกจากป่ามาสู้ในเมืองแทน ในหน้าที่ ‘ส่งเสบียง-ส่งข่าว’ แทน

จากนั้น ‘มงคล’ ได้ยุติการต่อสู้ และเดินสู่เส้นทาง ‘นักปกครอง’ หลังสอบ ‘ปลัดอำเภอ’ และได้เป็น ‘นายอำเภอ’ จนขึ้นเป็น ผู้ว่าฯ จนขึ้นเป็น ‘อธิบดี’ แม้จะไปไม่ถึง ‘ปลัดกระทรวง’ แต่ ‘มงคล’ กำลังจะได้เป็น ‘ประธานวุฒิสภา’ คนใหม่

พื้นฐานของ ‘มงคล’ จึงรู้งาน ‘ด้านมวลชน’ ตั้งแต่เป็น ‘นักศึกษา’ จนมาถึงการเติบโตใน ‘รั้วมหาดไทย’ ที่สำคัญเป็นที่รู้จักใน ‘พรรคภูมิใจไทย’ หากกล่าวถึงชื่อ ‘มงคล’ ขึ้นมา ที่สำคัญ ‘บ้านใหญ่ชิดชอบ’ ก็รู้จักฝีมือของ ‘มงคล’ ดี เพียงแต่ ‘มงคล’ ไม่เป็นที่รู้จักในวง ‘สังคม-สื่อ’ เท่าใดนัก

ก่อนหน้านี้ ‘รัฐสภา’ เคยมีระดับ ‘รองปธ.สภาผู้แทนราษฎร’ เดินเข้าป่า หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 มาแล้ว คือ ‘สหายแสง’ หรือ ‘ครูแก้ว’ ที่ชื่อว่า ‘ศุภชัย โพธิ์สุ’ ที่มาจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ เรียกว่ามี ‘วีรกรรม’ ถึงขั้นเฉียดตาย ที่ต้อง ‘พกปืน-กระสุน-ระเบิด’ หลังได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เข้าป่าไปประจำที่ ‘เขตภูพาน’ พื้นที่ จ.นครพนม หรือ เขตงานที่ 21 ภายใต้จังหวัดทีท 33 (ตามที่พรรคคอมมิวนิสต์ฯ แบ่งระบบจังหวัด) เพื่อไปฝึกใช้อาวุธ

‘สหายแสง’ เคยเล่าวินาทีเฉียดตายว่ามีหลายรอบ เพราะอยู่ในเขตจรยุทธ์ที่โจมตีกัน ครั้งหนึ่งเคยเดินทางไปส่งจดหมาย และเคยไปนอนบนเถียงนา ช่วงตี3-4 พกปืนยาวอาก้า พกกระสุนปืนเต็มหน้าอก 250 นัด ปืนสั้น K54 กระบอกหนึ่ง กระสุน 50 นัด ระเบิด 3 ลูก ช่วงเช้าพบกองกำลังของรัฐบาลอยู่ใต้เถียงนา ทั้ง ตร. และ อส. (อาสาสมัครฝ่ายปกครอง) กว่า 30 คน ทำอาหารกันอยู่ ตอนนั้นอยู่กับเพื่อน 2 คน เตรียมปืนยาว หาทางหนี แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็เดินทางออกไป

อีกครั้งคือที่ ‘ทุ่งหนองขาม’ เวลาเจ้าหน้าที่จะกวาดล้าง ทาง ‘ทหารบ้าน’ ที่จัดตั้งก็จะมารายงาน ให้เปลี่ยนชุดเป็นชาวบ้าน มีครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่มาลาดตระเวนถึง ต้องไปหลบที่ห้วยไผ่ ถือปืนสั้น หลบใต้กอไผ่ที่น้ำเซาะใต้รากไผ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ 1 กองร้อย หรือราว 30 คน อาวุธครบ ก็เดินผ่านไป

ครั้งหนึ่ง ‘สหายแสง’ ป่วยเป็นไข้มาราเลียขึ้นสมอง หนาวสั่น ถูกนำตัวรักษาบนภูพาน ก็ได้ ‘สหายเข้ม’ หรือ นพ.เหวง โตจิราการ ที่เป็นหมอใหญ่ ประจำโรงพยาบาลบนภูพาน รักษาให้หายจากไข้ป่า

จุดนี้เป็นเพียง ‘วินาทีเฉียดตาย’ จากหลายเหตุการณ์ของ ‘สหายแสง’ จากนั้นช่วงปี 2523 การต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเริ่มแตกแยก แนวคิดคนร่วมขบวนการเปลี่ยนไป ทั้งในประเทศไทยและในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทำให้ ‘สหาย’ แต่ละคนเริ่มเดินออกจากป่า เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ ‘ป๋าเปรม’พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกฯ ในขณะนั้นประกาศนโยบาย 66/2523 ที่เรียกว่า ‘แผนพัฒนาชาติไทย’ มารับสถานการณ์พอดี ในการนิรโทษให้กับคนที่เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

จากนั้น ‘สหายแสง’ ก็กลายเป็น ‘ครูแก้ว’ มาเรียนต่อที่ ‘วิทยาลัยครูสกลนคร’ เมื่อเรียนจบมาสอบบรรจุครู ปี 2524 ที่ ร.ร.บ้านแค อ.สงคราม จ.นครพนม เติบโตในเส้นทางอาชีพครู จนหลังเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ 2535 ‘ครูแก้ว’ ได้เดินเข้าสู่ ‘เส้นทางการเมือง’ เต็มตัว

เรียกว่าทั้ง ‘สหายมงคล-สหายแสง’ ต่างมี ‘ประวัติร่วม’ ของคนยุค ‘เดือนตุลา’ ที่ทั้งคู่จะสร้าง ‘ประวัติศาสตร์ร่วม’ อีกครั้งผ่าน ‘บัลลังก์รัฐสภา’ ระหว่างเก้าอี้ อดีตรองประธานผู้แทนราษฎร กับว่าที่ ประธานวุฒิสภา ภายใต้เงา ‘ขั้วสีน้ำเงิน’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์