ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกรณีมีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ป.ป.ช.เตรียมจะเรียกรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาล ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 พ.ค.นี้ กรณีการติดสติกเกอร์ชื่อของตัวเองบนถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งที่เป็นถุงยังชีพที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง โดยพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำขัดมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่นำมาบังคับใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย
ล่าสุด ‘หิมาลัย ผิวพรรณ’ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า เจตนาที่ดีย่อมเป็นกุศลกรรม ว่ากันเรื่องถุงยังชีพที่เป็นข่าวอยู่เวลานี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผมจำได้ว่า ‘พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครทสช.มีภารกิจลงไปตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้องที่โดนน้ำท่วม ในพื้นที่ภาคใต้โดยมีภารกิจใน 3 จังหวัด เริ่มต้นจากจังหวัดชุมพรไปสุราษฎร์ธานีและปิดท้ายที่จังหวัดนครศรีธรรมราชก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
หิมาลัย กล่าวต่อว่า ที่จังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานีผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ตื่นเต้น ซึ่งในการตรวจเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องใน 2 จังหวัดขั้นต้น ใช้เวลามากกว่ากำหนดการทำให้เมื่อมาถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช ล่าช้ากว่ากำหนดการมาก เมื่อไปถึงพื้นที่ท่านก็ตรงไปทักทายพูดคุยกับชาวบ้านที่มารอรับ ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำถุงยังชีพมาให้แจก ตามภาพด้านขวามือที่ท่านได้เห็น เจ้าหน้าที่ส่งถุงยังชีพให้ท่านโดยหันด้านโลโก้ออกหากล้องฝั่งด้านของท่านนั้นจะเป็นด้านหลังถุงยังชีพที่ไม่มีโลโก้อยู่ ในครั้งแรกท่านจึงยังไม่ได้สังเกตุเห็น แต่หลังจากนั้นท่านจึงได้เห็นว่ามีรูปท่านติดอยู่บนถุงยังชีพ ท่านจึงสั่งการ ให้รีบไปแก้ไขและไม่ได้อยู่แจกต่อ ต่อมาภาพทางขวามือจึงได้ถูกส่งไปร้องเรียนที่ ป.ป.ช. ซึ่งได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาผ่านสื่อต่างๆ อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้มีการมาสอบถามหรือไต่สวนจากท่านแต่อย่างไร หนังสือเรียกไปชี้แจงข้อกล่าวหาท่านก็ยังไม่เคยได้รับ แต่กลับปรากฏรายละเอียดอยู่ตามสื่อทั่วไป
หิมาลัย กล่าวอีกว่า ข้อเท็จจริง ในการตรวจเยี่ยมประชาชนครั้งนั้น นอกจากถุงยังชีพจาก บริษัท ปตท. จำกัด และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)แล้ว ท่านยังมีข้าวสารที่เหลือจากการจำหน่ายสินค้าราคาถูกในงานรวมไทยสร้างชาติแฟร์ นำไปแจกด้วยโดยการแจกจะแจกคู่กับถุงยังชีพตามภาพด้านซ้าย ซึ่งถุงข้าวสารรวมไทยสร้างชาติแฟร์นี้ ใช้แจกจ่ายในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานีจนหมด ดังนั้นในจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงได้ใช้วิธีไปซื้อข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม จากร้านค้าทั่วไปซึ่งมีอยู่หลายยี่ห้อหลังจากนั้น ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ สส.นครศรีธรรมราช จึงได้ไปสั่งทำ สติกเกอร์ของพีระพันธ์ุ ติดบนถุงข้าวสารเหล่านั้นโดยไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบ
“เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดจากความหวังดีของทีมทำงาน สส.พิมพ์ภัทรา ได้เปิดถุงยังชีพของ ปตท. ออกดู จึงเห็นว่าในถุงปตท. มีข้าวสารอยู่แค่ 2 กิโลกรัม จึงมีความคิดว่า นำข้าวสาร 5 กิโลกรัมที่นายพีระพันธ์ุ ให้มาแจก ใส่เพิ่มเข้าไปในถุงยังชีพ เพื่อให้ผู้ที่รับถุงยังชีพถือกลับบ้านได้อย่างสะดวกไม่ต้องถือเป็น 2 ถุง คือถุงยังชีพ 1 ถุงและข้าวสารนายพีระพันธ์ุอีกหนึ่งถุงเหมือนภาพด้านซ้ายมือ หลังจากเอาข้าวสารของนายพีระพันธุ์ใส่ในถุงแล้ว ด้วยความหวังดีของน้องๆ อาสาสมัครที่มาช่วยงาน เห็นว่าในถุงยังชีพมีข้าวสารของนายพีระพันธุ์อยู่ด้วย ประกอบกับสติกเกอร์นายพีระพันธ์ุ ที่ใช้สำหรับแปะถุงข้าวสาร ยังเหลืออยู่ จึงเอาแปะเข้าไปบนถุงยังชีพด้วย”หิมาลัย กล่าว
หิมาลัย กล่าวอีกว่า สำหรับถุงยังชีพนี้ ทางหน่วยงานในท้องถิ่นก็เป็นผู้ทำเรื่องขอรับการสนับสนุนจาก ปตท. โดยตรง จะเห็นได้ว่ากระบวนการ ในการจัดเตรียมและแจกถุงยังชีพในครั้งนี้พีระพันธ์ุ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และไม่ได้มีเจตนาที่แสวงหาประโยชน์จากเรื่องนี้แต่อย่างใด ดังจะเห็นได้ว่า ในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งมีการแจกถุงยังชีพในวันดังกล่าวเหมือนกัน แต่ไม่มีที่ใดมีการแปะสติกเกอร์ของท่านบนถุงยังชีพแม้แต่ถุงเดียว ซึ่งถ้าท่านมีเจตนาจะแสวงหาผลประโยชน์จากกระทำการดังกล่าวแล้ว จะต้องสั่งการให้ทั้งสองที่นั้นทำเหมือนเหมือนกัน
“เหตุการณ์นี้ ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องพิภพมัจจุราช ที่เคยดูตอนเด็กๆ มีอยู่ตอนนึงที่มีตัวละคร ในเรื่องไปเหยียบมดหรือแมลงโดยไม่ได้ตั้งใจและเจ้าตัวก็ไม่ทราบเพราะไม่เห็น เจ้ามดหรือแมลงนี้ก็นำความไปฟ้องยมบาล พอท่านได้สืบสาวเรื่องราวต่างๆ ท่านก็ตัดสินว่าตัวละครตัวนั้นไม่มีความผิดเนื่องจากไม่มีเจตนาและไม่ได้ทราบการกระทำนั้น ให้มดหรือแมลงนั้นอโหสิกรรมให้ แต่ในเรื่องถุงยังชีพนี้ยิ่งกว่านั้นอีก คือคนที่เหยียบมดหรือแมลงนั้น นายพีระพันธ์ุก็ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่รู้เรื่องด้วย เรื่องนี้ถ้าให้ยมบาลตัดสิน ท่านคงพ้นผิดและไม่บาปเพราะไม่ใช่การกระทำของท่าน ในทางตรงกันข้ามการนำข้าวสารไปแจก เป็นเจตนาที่ดีย่อมเป็นกุศลกรรมคุ้มครองให้ท่านปลอดภัยจากมารทั้งหลายทั้งปวง ถ้ามาตรฐานจริยธรรมมาจากรากฐานทางคุณธรรมของมนุษย์แล้ว ผมว่าท่านก็ไม่ผิดแน่นอน”
หิมาลัย กล่าว