ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรคว่า แล้วแต่จะเสนอชื่อกี่คน หลายคนสนับสนุนแพทองธาร ชินวัตร นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส่วนรองหัวหน้าพรรค อาจเสนอรายชื่อขึ้นมา 4-5 คน ซึ่งจะหารือในที่ประชุมอีกครั้ง อาจจะมีคนรุ่นเก่าคือ ชูศักดิ์ ศิรินิล ที่จะเข้ามาอยู่ในกรรมการบริหารพรรคเพื่อเข้ามาช่วยดูเกี่ยวกับข้อกฎหมาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นกลางและรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาแสดงฝีมือ และที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้ปรับกระบวนการโดยให้คน 3 รุ่นเข้ามาอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว โดยผู้มีประสบการณ์ที่อยู่กับพรรคมานานก็ถอยออกมาเป็นที่ปรึกษา เชื่อว่า การทำงานต่อเนื่องจะไม่มีปัญหาอะไร หากได้คนมีประสบการณ์ความสามารถและเป็นคนรุ่นใหม่มาร่วมทำงานบริหารพรรค จะทำให้พรรคเดินหน้าสู่มิติใหม่ปรับตัวให้ทันสถานการณ์มากขึ้น
เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่เมื่อมีรายชื่อแพทองธาร ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคจะทำให้ หลายฝ่ายมองว่า ตระกูลชินวัตร ยังวนเวียนอยู่ ภูมิธรรม กล่าวว่า เลือกหัวหน้าพรรคไม่ได้เลือกจากนามสกุลอะไร เลือกจากคนที่มีศักยภาพมีความสามารถและมีความพร้อม โดยแพทองธารได้พิสูจน์ตัวมาระยะหนึ่งแล้ว เชื่อว่า สื่อมวลชนเคยเจอในการตอบคำถามต่างๆ ไม่ใช่คนใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับพรรค แต่เข้ามาในสมัยพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่อายุ 8-10 ขวบ ในสมัยที่ ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาตั้งพรรค เป็นคนที่ฟังและสนใจตลอด เชื่อว่า การเข้าใจในนโยบายของพรรคเพื่อไทย แพทองธารไม่แพ้ใคร เข้าใจในปรัชญาเริ่มต้นมาตั้งแต่เด็ก วันนี้หากเสนอชื่อแพทองธารขึ้นมาชื่อว่า เป็นคนที่เหมาะสมมากที่สุด เป็นคนที่สามารถนำพาไปได้หากดูจากคะแนนนิยม เมื่อแพทองธาร เข้ามาทำงานการเมืองอยู่ในระดับที่สูงพอสมควรในความนิยมของประชาชนทั้งต่างจังหวัดและในกรุงเทพมหานครมีความเชื่อมั่น เชื่อว่า จะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ส่วนตัวเห็นด้วยและสนับสนุนให้นั่งหัวหน้าพรรค
ภูมิธรรม ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโซเชียลติดแฮชแท็ก ‘เพื่อไทยตระบัดสัตย์’ จากกรณีนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า เรายอมรับ เพราะเป็นประชาธิปไตย มีความเห็นที่หลากหลาย ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ต มีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง พรรคเพื่อไทย เจอแบบนี้มาตลอด ตั้งแต่โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งมีคนคัดค้านรุนแรงแบบนี้ แต่เรายืนยันในวัตถุประสงค์ของเราและทำได้สำเร็จ เช่นเดียวกับกองทุนหมู่บ้านหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ก็มีการตั้งคำถามว่าจะมีการนำเงินมาจากไหน ซึ่งเราก็ทำจนสำเร็จ และตอนนี้เราก็คิดต่างออกนอกกรอบ พยายามทำให้สำเร็จ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มีมีทั้งคนเห็นด้วยและคนเห็นต่าง คนวิจารณ์ก็วิจารณ์ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน จึงอยากให้มองที่วัตถุประสงค์ของพรรค ที่มีการเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้โดยเร็ว วันนี้หากปล่อยตามเดิมจะเหมือน 9 ปี ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สามารถวิจารณ์ได้และเราพร้อมรับฟังทั้งนี้หากอยู่ในเป้าหมายที่พร้อมสามารถแก้ไขได้ เราก็พร้อมที่จะทำ ซึ่งเป็นสิ่งเตือนใจ ทำให้เรารอบคอบมากขึ้น ส่วนอันไหนที่วิจารณ์ไปคนละด้าน เราก็พร้อมรับฟังและเอามาเป็นข้อเตือนใจ
ส่วนที่เพื่อไทยใช้สโลแกนหาเสียง ‘เพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็น’ จะส่งผลต่อการเลือกตั้งในระยะยาวหรือไม่ ภูมิธรรม ยืนยันว่า เรายังคิดใหญ่ทำเป็น เพียงแต่เรื่องที่ทำเป็นเรื่องที่ใหญ่และยากคนจะเห็นต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา เป็นด่านสำคัญที่เราจะผ่านให้ได้ โดยเพื่อไทยจะต้องชี้แจงให้มากขึ้น ทำงานให้มากขึ้น และพิสูจน์ตัวเองให้มากขึ้น เพื่อให้คนมั่นใจ แต่จะให้ 100% คงเป็นเรื่องยาก แต่จะต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองต่อไป และเชื่อว่า ผลงานที่ออกมาจะเป็นที่พิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เรา คิดทำ สามารถทำได้ ซึ่ง 1-2 เดือน รัฐบาลได้พยายามดำเนินการนโยบายต่างๆ ทั้งซอฟต์พาวเวอร์ โครงการ 30+ ที่เริ่มดำเนินการและอยู่ในกระบวนการ โดยอยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณอย่างกว้างขวาง และให้โอกาสเราทำงานและแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่
ภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล กล่าวหาว่า นายกฯ ไม่ยอมมาตอบกระทู้ของพรรคก้าวไกล แต่กลับตอบกระทู้ของพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นสิทธิที่พรรคก้าวไกลจะอภิปราย แต่ถ้าเราทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ก็ควรจะใช้เหตุผลในการอธิบาย หรือกล่าวหาให้มากขึ้นกว่านี้ เชื่อว่า ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายนั้น ถ้าใจเย็นสักนิดและรับฟังปัญหาให้มากขึ้น บรรยากาศในการร่วมมือกันทำงานระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านจะดีมากขึ้นกว่านี้อีกมาก
“จริงๆ แล้ว นายกฯ ตามข้อบังคับสภา ต้องยอมรับว่า สามารถที่จะมาตอบหรือไม่ตอบก็ได้ หากท่านมีภารกิจ แต่ครั้งนี้ท่านก็มีภารกิจและได้ใช้เวลาในช่วงที่มาตอบกระทู้ได้ ก็พยายามรีบกลับมาตอบกระทู้ได้ใน 2 กระทู้ ฉะนั้น ถ้าเข้าใจ มีเหตุผลแบบนี้ และไม่อคติจนเกินไป ผมว่าบรรยากาศในสภาจะไม่เป็นเรื่องของคน 2 ฝ่ายที่ขัดแย้งกัน แต่จะเป็นเรื่องที่ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ อะไรที่เป็นของฝ่ายค้านที่ดี รัฐบาลก็สามารถรับไปดำเนินการได้ อะไรที่เป็นความเห็นของรัฐบาลก็อยากให้สนับสนุนและดำเนินการ ไม่อยากให้จับผิดกันหรือใช้เวทีทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเวทีรัฐสภาหรือเวทีอื่น ในการมาทำลายดิสเครดิตกัน ผมว่ามันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม” ภูมิธรรม กล่าว
ภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขอฝากพรรคก้าวไกลว่ารัฐบาลพร้อมทำงาน โดยในวันที่ 10 พ.ย. นี้ เราจะรับฟังความคิดเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญจากพรรคก้าวไกลและหลายพรรคการเมือง และจากกลุ่มวิชาชีพต่างๆ ซึ่งก็ยินดีที่จะไปร่วมกับฟัง เราไม่คิดว่าเป็นฝ่านค้านหรือรัฐบาล อย่างที่เคยพูดกับพรรคก้าวไกลตั้งแต่ต้นแล้วว่า วันนี้เราต่างฝ่ายต่างอยากเป็นนักการเมืองที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศ ฉะนั้น เราควรทำการเมืองแบบใหม่ ไม่ใช่หาจุดโจมตีกันและไม่อยากเห็นสภาพว่าฝ่ายค้านโจมตีและดิสเครดิตกันตลอด ตนอยากเห็นสภาพที่ให้ประชาชนได้สบายใจ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลว่าอะไรที่เป็นเหตุลผล และเป็นสิ่งดี ช่วยกันทำงาน อะไรที่มีปัญหาก็ท้วงติง ไม่ใช่ทุกประเด็นต้องจับมาใช้ทุกโอกาสทุกเวลา ดิสเครดิต ก็จะไม่เป็นประโยชน์และไม่สร้างสรรค์
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลแสดงออกว่าไม่เชื่อมั่นกับคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ จนทำให้พรรคก้าวไกลต้องยื่นญัตติเกี่ยวกับการทำประชามติ แต่ญัตติกลับต้องตกไป ภูมิธรรม กล่าวว่า เคยพูดหลายครั้งแล้วว่า การเมืองให้ดูที่ความเป็นจริง และใช้หลักการเหตุผลที่ถูกต้อง ที่พยายามเดิน เราทราบอยู่แล้วว่า บรรยากาศในการเสนอแก้รัฐธรรมนูญที่พรรคก้าวไกลเสนอว่าจะแก้ทั้งฉบับ ซึ่งไม่ตรงกับรัฐบาลที่ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ตรงนี้เป็นประเด็นที่เรารู้อยู่แล้วว่ายังมีคนส่วนหนึ่งที่มีความเห็นแตกต่างกัน ดังนั้น ถ้ายังยืนยันอยู่แบบนี้ก็ไปไม่ได้ รัฐธรรมนูญก็จะเหมือนที่พรรคก้าวไกลหรือพรรคฝ่ายค้านเคยเสนอแล้วถูกทำลายลงไป เพราะเราได้บอกแล้วว่าเราอยากแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และให้มีความเห็นพ้องต้องกัน โดยให้ผ่านให้ได้
“ผมเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นประชาธิปไตย ไม่ใช่อยากเห็นแบบสุดขั้วแล้วไม่คำนึงถึงความเห็นที่แตกต่าง เพราะการจะแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จได้จริง ต้องดูว่าสังคมส่วนใหญ่ยังมีประเด็นไหนที่ยังถกไม่ตก และอะไรที่เป็นสิทธิ์ร่วมกันก็ควรจะทำ ผมเคารพความเห็นที่แตกต่างกัน แต่เป็นเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องตามใจกัน โดยเราก็แสดงจุดยืนของเรา ท่านก็แสดงจุดยืนของท่าน แต่จะทำอย่างไรให้สังคมส่วนใหญ่ทุกวิชาชีพเขาเข้าใจ ดังนั้นขอร้องอยากให้สร้างสรรค์ ช่วยกัน และอย่าอคติต่อกัน เราจะสามารถทำประเทศนี้ต่อไปได้ในทิศทางที่ดี” ภูมิธรรม กล่าว