เรียกว่า ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’ แม้ว่า ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ จะไม่ได้เป็น ‘ทหาร’ เหมือนกับ ‘พล.ท.ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค’ แต่วันนี้คู่ ‘พ่อลูก’ กำลังมีบทบาทเกี่ยวข้องในเรื่อง ‘พลังงาน’ เหมือนกัน
สำหรับ ‘พีระพันธุ์’ เคยมีความฝันเป็น ‘ทหาร’ เหมือนคุณพ่อ แต่อยากเป็น ‘ทหารอากาศ’ และสุดท้ายไม่ได้ไปสอบ ‘เตรียมทหาร’ เพราะติดเรื่อง ‘สายตาสั้น’ จึงเปลี่ยนเส้นทางไปเป็น ‘นักกฎหมาย’ แทน โดยในห้องทำงาน ‘พีระพันธุ์’ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มีโมเดลเรือรบ-เครื่องบินรบ รวมทั้งภาพถ่ายกับเครื่องบินขับไล่ด้วย
‘พีระพันธุ์’ จบจากคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ จบเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภ จบปริญญาโท-เอก มหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐฯ ต่อมา ‘พีระพันธุ์’ เดินสู่สนามการเมือง ในนาม ‘พรรคประชาธิปัตย์’ 20 กว่าปี ก่อนมาตั้ง ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ฐานที่มั่นใหม่ของ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ
แต่เดิม ‘พีระพันธุ์’ สนิทสนมกับ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. มาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา ร.ร.เซนต์คาเบรียล ซึ่ง ‘พีระพันธุ์’ อายุมากกว่า ‘บิ๊กแดง’ 1 ปี และทั้งคู่ต่างเป็นลูกนายทหารด้วย ว่ากันว่า ‘บิ๊กแดง’ คือคนที่แนะนำ ‘พีระพันธุ์’ ให้มาช่วยงาน ‘บิ๊กตู่’ และในวันนี้ ‘พีระพันธุ์’ ได้มานั่งในตำแหน่ง รมว.พลังงาน ที่มีสัญลักษณ์กระทรวง คือ ‘โลกุตระ’
สำหรับ พล.ท.ณรงค์ คุณพ่อของ ‘พีระพันธุ์’ เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกกิจการ ‘พลังงานของไทย’ ในฐานะ เจ้ากรมการพลังงานทหาร - ผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิง สังกัดกระทรวงกลาโหม ปี 2497 ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเร่งรัดพัฒนาประเทศ ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
พล.ท.ณรงค์ เป็นผู้บุกเบิกก่อสร้าง ‘โรงกลั่นน้ำมัน’ แห่งแรกของประเทศไทย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2502 และเป็นผู้ก่อตั้ง ‘ปั๊มน้ำมัน สามทหาร’ เพื่อจำหน่ายน้ำมันที่ขุดและกลั่นได้เองจากโรงกลั่นน้ำมัน อ.ฝาง เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเลียมสมัยใหม่ ต่อมาในยุครัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้แปรสภาพองค์การเชื้อเพลิงและปั๊มน้ำมันสามทหาร เป็น ‘การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย’ ที่กลายมาเป็น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
พล.ท.ณรงค์ เป็นบุตรชายของ พระยาสาลีรัฐวิภาค และ คุณหญิงขนิฐา สาลีรัฐวิภาค จบการศึกษาระดับมัธยมจาก ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จบคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ สำเร็จเตรียมแพทย์โดย พล.ท.ณรงค์ เลือกที่จะไม่ศึกษาต่อด้านการแพทย์ แต่สอบทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาต่อที่ประเทศฟิลิปปินส์ จนได้รับปริญญาตรีด้านการประมงและด้านสัตววิทยา หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ พล.ท.ณรงค์ ได้เข้ารับราชการในกองการประมง กระทรวงเกษตราธิการ
ก่อนขอโอนย้ายไปเป็น ‘ข้าราชการทหาร’ และได้ใช้ความสามารถช่วยเหลือราชการ ในการเจรจาการค้ากับต่างประเทศ ยุค จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาการค้าข้าวและน้ำมัน จนได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รักษาการผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ รักษาการปลัดกระทรวงเศรษฐการ ต่อมามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงเศรษฐการ (กระทรวงพาณิชย์)
ก่อนโอนมาดำรงตำแหน่งเจ้ากรมการพลังงานทหาร และ ผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิง ที่ดูแลเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ ตั้งแต่ยุคสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม จนถึงยุค จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จากนั้นจึงย้ายไปช่วยปฏิบัติราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จนเกษียณอายุราชการปี 2509
ถือเป็นตำนานแห่ง ‘บ้านสาลีรัฐวิภาค’ จาก ‘คุณพ่อณรงค์’ สู่ ‘พีระพันธุ์’ ที่มีภูมิหลังคนละเส้นทาง แต่สุดท้าย ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’ ที่ต่างเข้ามามีบทบาทในแวดวง ‘กิจการพลังงาน’ ของประเทศไทย
สำหรับ ‘พีระพันธุ์’ เคยมีความฝันเป็น ‘ทหาร’ เหมือนคุณพ่อ แต่อยากเป็น ‘ทหารอากาศ’ และสุดท้ายไม่ได้ไปสอบ ‘เตรียมทหาร’ เพราะติดเรื่อง ‘สายตาสั้น’ จึงเปลี่ยนเส้นทางไปเป็น ‘นักกฎหมาย’ แทน โดยในห้องทำงาน ‘พีระพันธุ์’ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มีโมเดลเรือรบ-เครื่องบินรบ รวมทั้งภาพถ่ายกับเครื่องบินขับไล่ด้วย
‘พีระพันธุ์’ จบจากคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ จบเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภ จบปริญญาโท-เอก มหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐฯ ต่อมา ‘พีระพันธุ์’ เดินสู่สนามการเมือง ในนาม ‘พรรคประชาธิปัตย์’ 20 กว่าปี ก่อนมาตั้ง ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ฐานที่มั่นใหม่ของ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ
แต่เดิม ‘พีระพันธุ์’ สนิทสนมกับ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. มาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา ร.ร.เซนต์คาเบรียล ซึ่ง ‘พีระพันธุ์’ อายุมากกว่า ‘บิ๊กแดง’ 1 ปี และทั้งคู่ต่างเป็นลูกนายทหารด้วย ว่ากันว่า ‘บิ๊กแดง’ คือคนที่แนะนำ ‘พีระพันธุ์’ ให้มาช่วยงาน ‘บิ๊กตู่’ และในวันนี้ ‘พีระพันธุ์’ ได้มานั่งในตำแหน่ง รมว.พลังงาน ที่มีสัญลักษณ์กระทรวง คือ ‘โลกุตระ’
สำหรับ พล.ท.ณรงค์ คุณพ่อของ ‘พีระพันธุ์’ เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกกิจการ ‘พลังงานของไทย’ ในฐานะ เจ้ากรมการพลังงานทหาร - ผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิง สังกัดกระทรวงกลาโหม ปี 2497 ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเร่งรัดพัฒนาประเทศ ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
พล.ท.ณรงค์ เป็นผู้บุกเบิกก่อสร้าง ‘โรงกลั่นน้ำมัน’ แห่งแรกของประเทศไทย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2502 และเป็นผู้ก่อตั้ง ‘ปั๊มน้ำมัน สามทหาร’ เพื่อจำหน่ายน้ำมันที่ขุดและกลั่นได้เองจากโรงกลั่นน้ำมัน อ.ฝาง เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเลียมสมัยใหม่ ต่อมาในยุครัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้แปรสภาพองค์การเชื้อเพลิงและปั๊มน้ำมันสามทหาร เป็น ‘การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย’ ที่กลายมาเป็น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
พล.ท.ณรงค์ เป็นบุตรชายของ พระยาสาลีรัฐวิภาค และ คุณหญิงขนิฐา สาลีรัฐวิภาค จบการศึกษาระดับมัธยมจาก ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จบคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ สำเร็จเตรียมแพทย์โดย พล.ท.ณรงค์ เลือกที่จะไม่ศึกษาต่อด้านการแพทย์ แต่สอบทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาต่อที่ประเทศฟิลิปปินส์ จนได้รับปริญญาตรีด้านการประมงและด้านสัตววิทยา หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ พล.ท.ณรงค์ ได้เข้ารับราชการในกองการประมง กระทรวงเกษตราธิการ
ก่อนขอโอนย้ายไปเป็น ‘ข้าราชการทหาร’ และได้ใช้ความสามารถช่วยเหลือราชการ ในการเจรจาการค้ากับต่างประเทศ ยุค จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาการค้าข้าวและน้ำมัน จนได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รักษาการผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ รักษาการปลัดกระทรวงเศรษฐการ ต่อมามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงเศรษฐการ (กระทรวงพาณิชย์)
ก่อนโอนมาดำรงตำแหน่งเจ้ากรมการพลังงานทหาร และ ผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิง ที่ดูแลเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ ตั้งแต่ยุคสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม จนถึงยุค จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จากนั้นจึงย้ายไปช่วยปฏิบัติราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จนเกษียณอายุราชการปี 2509
ถือเป็นตำนานแห่ง ‘บ้านสาลีรัฐวิภาค’ จาก ‘คุณพ่อณรงค์’ สู่ ‘พีระพันธุ์’ ที่มีภูมิหลังคนละเส้นทาง แต่สุดท้าย ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’ ที่ต่างเข้ามามีบทบาทในแวดวง ‘กิจการพลังงาน’ ของประเทศไทย
