



ที่ศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ (24 มกราคม 2567) ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยปมถือครองหุ้นไอทีวีว่าเป็นเหตุให้สิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็น สส. หรือไม่
ก่อนเข้าห้องฟังคำวินิจฉัย ‘พิธา’ ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า จนถึงวันนี้เขายังมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองเสมอมา พร้อมขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจในการต่อสู้คดีครั้งนี้
‘พิธา’ ย้ำว่าเขาพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลไม่ว่าผลจะเป็นคุณหรือโทษ และไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหนเขาพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป และหากศาลวินิจฉัยว่าไม่ผิด ให้กลับมาทำหน้าที่ สส. ได้ตามเดิม ก็พร้อมกลับมาทำงานในสภาฯ แต่ต้องรอหารือกับประธานสภาฯ ก่อนว่าจะเข้าทำหน้าที่ได้เมื่อไหร่
ส่วนนิยามคำว่า ‘สื่อมวลชน’ ตามบรรทัดฐานคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และศาลปกครองสูงสุด หากใครเห็นในรายละเอียดจะพบว่าการเป็นสื่อมวลชนต้องมีใบประกอบกิจการและรายละเอียดเงื่อนไข ซึ่งเขาได้นำประเด็นนี้ชี้แจงต่อสู้หักล้างในชั้นศาลแล้ว
สำหรับคดีนี้ ‘พิธา’ มองว่าต่างจากคดีหุ้นของ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ เพราะขณะนั้นศาลเห็นว่ายังมีใบประกอบกิจการ ที่สามารถผลิตนิตยสารได้ แต่ในกรณีของไอทีวี กสทช. ชี้แจงแล้วว่าไม่มีใบอนุญาต และไม่มีขึ้นความถี่เนื่องจากนำไปใช้กับไทยพีบีเอสแล้ว จึงไม่สามารถกลับมาทำธุรกิจตั้งต้นได้ ส่วนไอทีวีจะกลับมาหรือไม่เป็นสื่ออีกหรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคต
ส่วนการกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลอีกครั้งตามที่ ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ ได้เปิดเผยเอาไว้ ‘พิธา’ ย้ำว่าทั้งเขาและชัยธวัชไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง เพียงแค่ต้องการที่ทำงาน และเรื่องนี้ต้องฟังความเห็นจากที่ประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายนนี้