ทุกคนยังกำลังใจดี! ‘ปิยบุตร’ วิเคราะห์เอกสารแถลงสู้ ‘ก้าวไกล’ ชี้รอฟังคำตัดสิน ศาล รธน.

7 ส.ค. 2567 - 07:51

  • ทุกคนยังกำลังใจดี! ‘ปิยบุตร’ วิเคราะห์เอกสารแถลงสู้ ‘ก้าวไกล’ ข้อมูลแน่นสู้ทุกมุม ย้ำให้รอคำตัดสิน ‘ศาลรธน.’ มองการแก้ 112. ผ่านสภาฯ ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

piyabutr-gives-opinion-to-the -constitutional-court-SPACEBAR-Hero.jpg

‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนร่วมกิจกรรมเล็กเชอ์สาธารณะ ว่า วันนี้ภายหลังจากการประชุม สส. ของพรรคก้าวไกลเสร็จสิ้น ได้มีการชวนให้ตนเองมาร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นกำลังใจในฐานะบุคคลที่มีประสบการณ์ถูกยุบพรรคมาก่อน

จากที่ได้สังเกตพบว่าบรรดา สส. และสมาชิกพรรคก้าวไกล ยังมีกำลังใจดี ยังคงทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรในการเสนอญัตติหรือกฎหมายสำคัญต่างๆ อยู่ อาทิ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ยังอภิปรายในสภาฯ อยู่ เท่าที่คุยกันทุกคนมั่นใจกับข้อต่อสู้ และเชื่อว่าทำดีที่สุดแล้วในการต่อสู้เท่าที่ผ่านมา ก็รออีกไม่กี่ชั่วโมงว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร  

ในฐานะที่เป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์สอนกฎหมาย เรื่องรัฐธรรมนูญและการพิจารณากฎหมาย เมื่อไหร่ก็ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสิน ตนเองก็จะพยายามอธิบายในแบบกฎหมาย อย่านำความรู้สึก หรือปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเพื่อตัดสิน ซึ่งที่ผ่านมา 20 ปีประเทศไทย มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจำนวนมาก ที่ส่งผลกระทบกับการเมืองไทยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหากมองในแง่กฎหมายข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกลมีน้ำหนัก ซึ่งก็ต้องดูคำวินิจฉัยอีกทีหนึ่ง

“ผมได้อ่านเอกสารคำต่อสู้ของพรรคก้าวไกล หากใครสนใจวิชานิติศาสตร์ ลองดาวน์โหลดมาศึกษาดู เพราะมันเป็นตำรา บทความวิชาการขนาดย่อมๆ ที่พูดถึงการต่อสู้ เรื่องประชาธิปไตย ตั้งแต่เขตอำนาจศาล เรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องกรรมการการเลือกตั้ง สู้ตั้งแต่การบอกว่า สิ่งที่ถูกกล่าวหาต่างๆ ไม่ใช่การกระทำของพรรค แต่เป็นการกระทำของปัจเจก หรือแม้การต่อเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติไม่ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง รวมถึงการต่อสู้เรื่องมาตรการการยุบพรรคที่ควรใช้แบบจำเป็น เขาสู้ครบหมดเลย แต่พออยู่ในศาลก็ต้องเป็นอำนาจของศาลที่จะตัดสิน ซึ่งท้ายที่สุดศาลรัฐธรรมนูญต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้”

ปิยบุตร กล่าว

ปิยบุตร ขยายความว่า ความจำเป็นของศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องมีการแสดงความชัดเจนภายหลังจากมีคำพิพากษาออกมา เนื่องจากพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ได้รับเสียงโหวตจากประชาชนกว่า 14 ล้านเสียงเป็นผู้เลือก มีสส.ทำหน้าที่อยู่ในสภาถึง 151 เสียง และเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งที่ชนะการเลือกตั้ง 

กรณีศาลมีคำตัดสินยุบพรรค ต้องมาศึกษาก่อนและคงจะมีข้อวิจารณ์ตามมา  และเชื่อว่าเราจะรักษาหลักประชาธิปไตย หลักนิติรัฐ นิติธรรมและรักษาสถาบัน อย่างตุลาการศาลและรัฐธรรมนูญได้ ที่สำคัญจะต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ   

เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลถูกยุบ หัวหน้าพรรคควรจะมีคุณสมบัติอย่างไร ปิยบุตร กล่าวว่า ต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในขั้วความคิด ที่สอดคล้องกับพรรคอนาคตใหม่หรือก้าวไกล มีการสถาปนาเป็นความคิดทางการเมืองเป็นพลังทางการเมืองแบบใหม่ ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นผู้ที่จะขึ้นมารับบทบาทต่อไปทั้งวันนี้หรือวันหน้า ก็คงจะต้องยึดตามแนวทางของอนาคตใหม่และก้าวไกลต่อไป 

ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เป็นเรื่องของคนไม่กี่คน ไม่ได้เป็นเรื่องของแกนนำพรรคหรือ สส. แต่สัมพันธ์กับความคาดหวังของพี่น้องประชาชนด้วย กับความคาดหวังแววตาที่มีความหวังมาตลอด ในฐานะของผู้ช่วยหาเสียงให้พรรคก้าวไกลเมื่อปีที่แล้ว ได้เห็นแววตาของประชาชนว่า ประชาชนฝากความหวังไว้กับพรรคก้าวไกลขนาดไหน และคาดหวังว่าวันนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่น้องในพรรคก้าวไกลหรือแกนนำคงจะอาสาเดินหน้า นำพาความหวังของพี่น้องประชาชนให้สำเร็จ 

สำหรับประเด็นการแก้มาตรา 112 ปิยบุตร บอกว่า แยกออกเป็นสองส่วน ความเห็นส่วนตัวยืนยันมาโดยตลอดว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำเป็นต้องถูกปรับปรุงแก้ไข แต่ในความเป็นจริงในแง่การเมือง จากคำวินิจฉัย 3/2567 เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา การแก้มาตรา 112 จะถูกตีกรอบจำกัดขึ้นจากที่ได้ฟังในข้อกฎหมาย ไม่มีตรงไหนที่บอกว่ามาตรา 112 ไม่สามารถแก้ไขได้ ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งเพียงว่าให้แก้แบบไหน ส่วนพรรค หรือ ส.ส.ท่านใดจะนำไปรณรงค์ ก็ต้องประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ขณะเดียวกันในความเห็นของตัวเองการดำรงไว้ซึ่งสถาบัน ให้สมพระเกียรติสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ ก็มีความจำเป็นที่ต้องแก้ไขมาตรา 112

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์