มรสุมภายใน ‘พรรคก้าวไกล’ ยังอยู่ระหว่าง ‘กวาดบ้านตัวเอง’ หลังเกิดข่าวเกี่ยวกับ ‘พฤติกรรม สส.’ มาแล้วหลายกรณี ที่ทำให้ สส. หลายคน ที่เป็น ‘สายวิจารณ์’ ต้องหลบสื่อไป และเลี่ยงที่จะพูด ‘เรื่องในบ้านตัวเอง’ แต่กลับกลายเป็นว่า ‘ผู้มีบารมีนอกพรรค’ อย่าง ‘อ.ป๊อก’ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ที่ออกมากระทุ้งชนิดที่ ‘แผ่นดินไหว’ ไปทั้งพรรค การออกมาของ ‘ปิยบุตร’ เป็นอีกภาพสะท้อน ‘รอยร้าว’ ภายใน ‘ขั้วสีส้ม’ ด้วยกันเอง
ที่ผ่านมา ‘ปิยบุตร’ ใช้พืนที่โซเชียลฯ ในการกระทุ้ง ‘พรรคก้าวไกล’ หลายครั้ง จนมาถึงช่วง ‘จัดตั้งรัฐบาล’ ที่บ่อยครั้งมากขึ้น เสี่ยงเข้าข่าย ‘ครอบงำพรรค’ ที่แนวทางของ ‘ปิยบุตร’ กับ ‘พรรค’ ไม่ตรงกัน
ซึ่งในขณะนั้นคีย์แมนหลักที่เดินสายพูดคุยพรรคต่างๆ คือ ‘ต๋อม-ชัยธวัช ตุลาธน’ ขณะเป็นเลขาธิการพรรคฯ เพราะแนวทางของ ‘ชัยธวัช’ จะเน้นพูดคุย ประนีประนอม เพื่อเดินไปตามเกมของ ‘ก้าวไกล’ ที่ต้องการจะลากไส้ ‘การเมืองไทย’ ออกมา จนนำมาสู่การที่ ‘เพื่อไทย’ ต้อง ‘กลืนน้ำลายตัวเอง’ ถึงขั้นต้อง ‘ตระบัดสัตย์’ มาตั้ง ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’
แต่แนวทางของ ‘ปิยบุตร’ นั้นออกแนว ‘หักดิบ’ ต้องการให้ ‘ก้าวไกล’ ถอยตั้งแต่แรกๆ ไม่ต้องไปจัดตั้งรัฐบาล ค่อยรอการเลือกตั้งรอบหน้า แล้วเป็น ‘รัฐบาลเสียงข้างมาก’ ตามแนวทางที่ ‘ปิยบุตร’ กับ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ วางแผนไว้ตั้งแต่ตั้ง ‘พรรคอนาคตใหม่’ มาแล้วว่า ขอเลือกตั้ง 3 ครั้ง หรือ 12-15 ปี ในการสร้างพรรค
ความบาดหมางแรกๆ คือ ‘ปิยบุตร’ ปะทะกับ ‘ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ขณะเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งใหญปี 2566 หลัง ‘พิธา’ พาด ‘ปิยุบตร’ ให้เลิก ‘มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ’ ในซีกของ ‘ปินบุตร’ ก็แรงไม่แพ้กัน สวนกลับว่า ‘เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น’ ทำให้ ‘ธนาธร’ ต้องลงมาหย่าศึก พาทั้งคู่มากินดื่มและปรากฏภาพกอดคอกันออกมา ซึ่งในขณะนั้นต้องยอมรับว่า ‘กระแสฟีเวอร์พิธา’ ยังไม่เท่า ‘ธนาธร’ ที่เป็น ‘ฟ้ารักพ่อ’ แบบปี 2562
ทว่าเหตุการณ์ ‘ปิยบุตร-พิธา’ ก่อสงครามเย็นใส่กัน กลายเป็นจุดเริ่มของ ‘กระแสฟีเวอร์’ ให้กับพรรคก้าวไกล แต่จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่พรรคก้าวไกลจัด ‘รถคาราวาน’ ไปทั่วประเทศ เกิดปรากฏการณ์ ‘คลื่นมนุษย์’ กับเวทีหาเสียงก้าวไกล อีกทั้ง ‘พรรคก้าวไกล’ มีจุดยืนชัดเจนในเรื่องไม่จับมือ ‘3ป.’ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่สำคัญพรรคก้าวไกลเจาะตลาดโซเชียลฯ ได้ตรงจุดคือ ‘ติ๊กต๊อก’ นำมาสู่กระแส ที่แม้แต่ ‘เพื่อไทย’ ก็ยังพ่าย
สัมพันธ์ระหว่าง ‘ปิยบุตร-พิธา’ ก็ดีขึ้น ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ‘ปิยบุตร’ จะนัด ‘พิธา’ มาทานข้าวด้วยกันทุกๆ 2 สัปดาห์ หรือตามที่ว่างตรงกัน เพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ ตามประสา ‘ผู้เล่นนอกสนาม’
แต่สัมพันธ์กับ ‘ปิยบุตร-ชัยธวัช’ ดูจะมี ‘ระยะห่าง’ กันพอสมควร การออกมาวิจารณ์พรรคผ่านโซเชียลฯ ของ ‘ปิยบุตร’ สร้างแรงสั่นไหวต่อ ‘พรรค’ และ ‘ชัยธวัช’ หัวหน้าพรรคคนใหม่อยู่ไม่น้อย เป็นที่รู้กันว่า ‘โครงสร้างพรรคก้าวไกล’ ในเวลานี้แบ่งเป็น ‘ก๊กมุ้ง’ ต่างๆ เพราะ สส. ที่เข้าสภาฯ รอบนี้ มาจาก ‘หลายสาย’ ทั้งขั้วอนาคตใหม่เดิมและพรรคก้าวไกล โดยมีโจทย์หลักคือ ‘ป้องกันงูเห่า’ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ทำให้เรื่อง ‘คุณสมบัติ บางอย่าง’ หลุดรอด กลายเป็น ‘อดีต’ ที่มาแผลงฤทธิ์ใน ‘ปัจจุบัน’ นั่นเอง
อีกทั้ง ‘เจ้าหน้าที่พรรค’ ส่วนใหญ่อยู่มาตั้งแต่ ‘พรรคอนาคตใหม่’ ก็เป็นสายของ ‘ซีกปิยบุตร-ธนาธร’ เป็นหลัก ส่วน สส. ที่ลงเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นคน ‘ซีกชัยธวัช’ ที่เป็นเลขาธิการพรรคฯ น่าสนใจว่า ‘ปิยบุตร’ ก็ปรากฏภาพพบปะทานข้าวกับบรรดา สส. ตามประสา ‘คนชอบสังสรรค์’ ทำให้ ‘ปิยบุตร’ ได้รู้จัก สส.หน้าใหม่ มากขึ้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นภายใน ‘พรรคก้าวไกล’ ในเวลานี้ ครึ่งหนึ่งมาจาก ‘การเมืองภายใน’ ที่มีการ ‘เขย่าเก้าอี้’ กันเอง ซึ่งในระดับ สส. ก็มีการแบ่งมุ้ง สส. อยู่ด้วยกัน เช่น สส.กรุงเทพฯฝั่งธน , สส.กรุงเทพฯชั้นใน , สส.สายใต้ ที่ฐานใหญ่อยู่ที่ภูเก็ต , สส.สายเหนือ เป็นต้น ซึ่งมีแกนนำแต่ละมุ้ง ที่ส่วนใหญ่เป็น ‘สส.เบอร์ใหญ่’ ที่อยู่รอดมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่
ทั้งหมดนี้เป็นสภาพ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่เรียกว่า ‘แพ้ภัยตัวเอง’ ก่อนจะถึงเลือกตั้งใหญ่อีกครั้ง พรรคก้าวไกลจะ ‘ยืนระยะตัวเอง’ อย่างไร ? ในเรื่อง ‘พลังศรัทธา’ ที่ประชาชนมอบให้ รวมทั้งการทำผลงานต่างๆ จะประคองตัวเองหรือจุดกระแส ‘ฟีเวอร์’ อีกครั้งได้หรือไม่ ? เป็นโจทย์ระยะยาวที่ ‘ก้าวไกล’ มีคำตอบของตัวเองอยู่แล้ว