ที่ผ่านมาคดีนักการเมือง “ถือหุ้นสื่อ” มีหลายคดีที่ผลคำตัดสินของศาลตัดสิน มีทั้งเป็นคุณและเป็นโทษต่อนักการเมือง จนนำไปสู่การถอนชื่อออกจากการเป็นผู้สมัคร สส.และพ้นสภาพความเป็น สส. หากย้อนไปดูคดีที่สังคมให้ความสนใจ พบว่า มีคดีสำคัญการถือหุ้นสื่อของนักการเมืองไทย เช่น
1. ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ – หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (ปี 2562)
• ข้อกล่าวหา: ถือหุ้นในบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชน
• ผลคำพิพากษา: เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 วินิจฉัยให้นายธนาธรสิ้นสุดสมาชิกภาพ สส. เนื่องจากถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6)
2. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ – หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ปี 2566–2567)
• ข้อกล่าวหา: ถือหุ้นจำนวน 42,000 หุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งถูกมองว่าเป็นกิจการสื่อมวลชน
• กระบวนการ: เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 รับคำร้อง และสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ชั่วคราว
• ผลคำพิพากษา: เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่านายพิธาไม่ขาดคุณสมบัติการเป็น สส. เนื่องจากบริษัท ไอทีวี ไม่มีสถานะเป็นกิจการสื่อมวลชนอีกต่อไป
3. ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ – สส.พรรคอนาคตใหม่/ก้าวไกล (ปี 2563)
• ข้อกล่าวหา: ถือหุ้นในบริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่น จำกัด และบริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งประกอบกิจการผลิตรายการโทรทัศน์และสื่อมวลชน
• ผลคำพิพากษา: เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธัญญ์วารินสิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส. เนื่องจากถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6)
4. กรณี สส. 64 ราย (ปี 2563)
• ข้อกล่าวหา: ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน
• ผลคำพิพากษา: เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สส. ฝ่ายรัฐบาล 29 รายไม่ขาดคุณสมบัติการเป็น สส. เนื่องจากไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน
5. ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ – ผู้สมัคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปี 2566)
• ข้อกล่าวหา: ถือหุ้น 200 หุ้นในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS
• ผลคำพิพากษา: เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ศาลฎีกาวินิจฉัยให้นายชาญชัยไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร สส. เนื่องจากสัดส่วนการถือหุ้นน้อยมาก และไม่มีอำนาจควบคุมกิจการสื่อมวลชน
แนวโน้มของผลการวินิจฉัย
• ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนที่ยังดำเนินกิจการอยู่: ศาลมักวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
• ถือหุ้นในกิจการที่ไม่มีสถานะเป็นสื่อมวลชน: ศาลอาจวินิจฉัยว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
• สัดส่วนการถือหุ้นน้อยมาก: ศาลอาจพิจารณาว่าไม่มีอำนาจควบคุมกิจการ และไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณี เศรษฐา ทวีสิน ถูกวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
• วันที่: 14 สิงหาคม 2567
• ข้อกล่าวหา: นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ทราบหรือควรทราบว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5)
• ผลคำวินิจฉัย: ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5)
• ผลกระทบ: การวินิจฉัยดังกล่าวส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งตามไปด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1)
แม้ว่ากรณีนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการถือหุ้นสื่อโดยตรง แต่เป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
กรณีล่าสุด การถือหุ้น และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท อาจส่งผลทำให้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ต้องเดินลงจากตำแหน่ง
หลังจากที่ ‘สนธิญา สวัสดี’ ได้เข้ายื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่นายพีระพันธุ์ ยังมีชื่อถือหุ้นในบริษัท 3 แห่ง และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในขณะที่เป็นรัฐมนตรีอยู่
โดยในฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า หลังการรับตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 นายพีระพันธุ์ ยังถือหุ้นในบริษัท วีพี แอโร่เทค และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามด้วย